Halal Life Magazine issue 17

Page 1

ครอบคลุมชีวิต วิถีฮาลาล

FREE/แจกฟรี

ปีที่ 2 ฉบับที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556

Halal Medical Hub




Editor’s note เคยคิดบ้างไหมครับว่าเรากลัวอะไรมาก ที่ สุ ด ในชี วิ ต แล้ ว ไอ้ ค วามกลั ว ที่ ว ่ า นี้ รู ป ร่ า ง หน้าตามันเป็นแบบไหน มันส่งผลอะไรต่อชีวิต เราบ้าง แล้วเคยคิดบ้างไหมว่า ระหว่างความ กลั ว ในวั ย เด็ ก กั บ ปั จ จุ บั น ของเรามั น มี ค วาม เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร มากบ้างน้อยบ้าง ผมเชือ่ ว่าเราทุกคนล้วนมี ความกลั ว เป็ น ของตั ว เอง แต่เราอาจไม่เคย ส�ำรวจตรวจตราว่าแท้จริงแล้ว ไอ้สิ่งที่เรากลัว มันใช่สงิ่ นัน้ จริงไหม สมัยยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ผม กลัวฆาตกรต่อเนื่องที่ชื่อ “ซีอุย” มาก อาจเป็น เพราะตอนนัน้ พ่อกับแม่มกั จะขูผ่ มด้วยเรือ่ งซีอยุ กินตับเด็กอยู่เป็นประจ�ำเวลาที่ผมดื้อรั้น จ�ำได้ ว่าตอนนัน้ ผมกลัวซีอยุ มากถึงขัน้ วิง่ ไปมุดผ้าห่ม ตัวสั่นทุกครั้งเมื่อถูกหลอกว่าซีอุยก�ำลังมา โตขึ้นมาหน่อยผมกลัวสังคม ไม่ค่อยกล้า คบค้าสมาคมกับผู้คนสักเท่าไหร่ ผมมักจะขลุก อยู่กับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ หรือกลุ่มคนที่รักชอบ อะไรเหมือนๆ กัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าท�ำไม รูเ้ พียงแค่วา่ ไม่ชอบพบเจอผูค้ น หรือต้องเริม่ ต้น ท�ำความรู้จักกับใครใหม่ๆ เมื่อนึกย้อนไปส�ำรวจความกลัวของตัวเอง ในอดีต ผมพบความจริงอย่างหนึ่งว่า ที่จริงแล้ว เรากลัวในสิ่งที่เรายังไม่รู้มากกว่า เพราะทั้ง “ซีอุย” ในวัยเด็ก และ “สังคม” ที่ผมกลัวใน ตอนที่โตขึ้นมาหน่อย ล้วนป็นภาพสะท้อนของ ความ “ไม่รู้” ของผมแทบทั้งสิ้น

ผมกลัวซีอุยจนตัวสั่นเพราะไม่รู้ว่าฆาตกร ต่อเนื่องชื่อดังอย่างซีอุยคงไม่มีทางมาเดินอยู่ แถวบ้านผมที่ตอนนั้นสามารถเข้าออกได้เพียง ทางล� ำ คลองอย่ า งแน่ น อน เช่ น เดี ย วกั น กั บ อาการกลัวสังคมของผมในตอนโตที่อาจเป็น เพราะผมไม่รู้จักสังคมเหล่านั้นดีพอ พาลคิดไป ว่าผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมเหล่านั้นคงไม่มีใคร ชอบขีห้ น้าหรือถึงขัน้ รังเกียจเด็กเกเรไม่เอาไหน อย่างผม มาถึงวันนีใ้ นวัยทีเ่ ติบโตขึน้ ความกลัวต่างๆ อาจเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปจากเดิมบ้าง แต่ผม ก็ยังเชื่อเหมือนเดิมว่าความกลัวนั้นเกิดมาจาก ความไม่รู้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือขณะที่ผม ก�ำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ผมลงมาตระเวณอยู่ใน สามจังหวัดภาคใต้นานนับสัปดาห์ ค�ำถามที่พบ เจอตลอดก่อนเดินทางทั้งจากครอบครัว เพื่อน ฝูง หรือแม้แต่ตัวเองก็คือ ไม่กลัวบ้างหรือ ตอบกันตามตรง ใครบ้างไม่กลัว หากต้อง ลงไปท� ำ งานในพื้ น ที่ ที่ ถู ก ท� ำ ให้ เ ป็ น พื้ น ที่ อันตรายที่สุดในประเทศ พื้นที่ที่ยึดครองหน้า หนึ่งหนังสือพิมพ์ด้วยเหตุร้ายรายวันตลอด 9 ปี ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะพยายามท�ำใจดีสู้เสือแค่ไหน เอาเข้าจริงผมก็กลัวไม่ต่างจากใครอีกหลายคน แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมาท�ำงาน ได้มา สั ม ผั ส พื้ น ที่ แ บบแนบชิ ด พบปะพู ด คุ ย แลก เปลี่ยนทัศนคติ รับฟังเรื่องราวได้มองเห็นชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนที่อยู่ในสามจังหวัด

ภาคใต้ ไอ้เจ้าความกลัวที่เริ่มมาจากการไม่รู้ก็ เริ่มจางลงด้วยความเข้าใจ ในความมืดมิด เราอาจหวาดกลัวเพราะมอง ไม่เห็น เราอาจกลัวเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรซ่อน อยู่หลังฉากของความมืดมิดนั้นบ้าง แทนที่จะ ฟูมฟายหรือก่นด่าความมืด เราอาจต้องการแสง สว่างเพื่อที่จะมองเห็น เพื่อที่จะเข้าใจ เพราะ ท้ายทีส่ ดุ แล้วไม่วา่ เราจะหลีกหนีความกลัวมาก เท่าไหร่ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เรากับความกลัว คงต้องประจันหน้ากันวันยังค�่ำ วิทยากร อิสมาแอล บรรณาธิการบริหาร hala.life.mag@gmail.com

ภาพปกโดย คอลิด เยนา 086-344-0291

Halal Life Magazine: บรรณาธิการบริหาร วิทยากร อิสมาแอล กองบรรณาธิการ ธนพัฒน์ อิสมาแอล, กอมารียะห์ สุเรรัตน์ คอลัมนิสต์ สุภาพ เรืองปราชญ์, สมคิด ลีวนั , อีซา นิยม, สมชาติ มิตรอารีย,์ สุทศิ า เหมเสริม, ปรีชา เริงสมุทร์, อาฎิล ศิรพ ิ ธั นะ, อับดุรเราะฮหมาน มูเก็ม, Ummah Islam, M.Fahmee ศิลปกรรม พรพรรษา โก้กระโทก, อรดา โต๊ะมางี ผู้จัดการ วิลาสินี กันซัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด สิทธิศักดิ์ วงค์เกษร ฝ่ายโฆษณา สาโรช เรืองปราชญ์ ติดต่อโฆษณา 086-890-6055 สมาชิกติดต่อ อัสมา กันซัน 086-890-6055 ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด กฤษดา เรสลี Website: www.halallifemag.com Email: hala.life.mag@gmail.com Facebook: facebook.com/halal.life.magazine เจ้าของ บริษัท ปลูกฝัน จ�ำกัด เลขที่ 336/18 ซ.ราษฎร์อุทิศ 52 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. 10510

12

14

14ละปีเราจะเห็นชาวอาหรับเดินทาง ในแต่ เข้ามาบ้านเรากันอย่างคับคั่ง ก่อให้เกิดราย ได้กับภาคธุรกิจและบริการอย่างมหาศาล มุสลิมไทยมีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรกับตรงนี้ บ้าง Main Halal ฉบับนี้มีค�ำตอบครับ

Tasty ฉบับนี้เรายังคงวนเวียนอยู่เชียงใหม่ เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ แต่คงเหมือนไปไม่ ถึ ง หากใครไม่ ไ ด้ ลิ้ ม ลอง ข้ า วซอย อาหาร ประจ�ำถิ่นขึ้นชื่อของชาวเชียงใหม่ ส่วนจะเป็น ร้านไหนนั้น พลิกไปดูเลยครับ 4

26 26

ตอนเรียนวิชาประวัตศิ าสตร์ เราเคยสงสัย บ้างไหมว่า ช่วงเวลาที่โลกอยู่ในภาวะอับเฉา ทางปัญญาที่ฝรั่งเรียกว่ายุคมืดนั้น นอกเหนือ จากยุโรปแล้ว เรื่องราวของอาณาจักรอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกันหายไปไหน


หยิบ

ได้ที่นี่

ร้านอาหารและเครื่องดื่ม

ห้องอาหารโซเฟีย(คลองตัน) ร้านอาหารฟาฮาน่า(พระรามเก้า) สวนอาหารจันทร์เสี้ยว(มอเตอร์เวย์) ภัตตาคารสินธรสเต็กเฮ้าส์(รามค�ำแหง) ร้านริสกี(ทาวน์อินทาวน์) โคบัง(รามค�ำแหง-สุขาฯ 3) Sti Coffee @ The Nine (พระรามเก้า) Istanbul @ Market Walk (ราชพฤกษ์) ร้านอาหารอีสานฝั่งธน(อรุณอัมรินทร์) ห้องอาหารนางพญา(พญาไท) @112 Coffee House (ลาดพร้าว 112) เมี่ยงปลาเผาหลังราม สาขาพระรามเก้า ร้านฮาลาลโฮม ซ.เทคโนบางกะปิ (บางกะปิ) แบ๊คยาร์ดคอฟฟี่ (ถ.สุโขทัย) ร้านฟารีดาโภชนา (เหม่งจ๋าย) ร้านดีโอโรตีโอ่ง (สุขาภิบาล 3) อะลาดิน ซูชิ (เหม่งจ๋าย)

ร้านหนังสือ

แบบฟอร์มสมัครสมาชิก นิตยสารฮาลาลไลฟ์

หมดปัญหา หยิบไม่ทัน หาไม่เจอ

สมั ค รสมาชิ ก แน่นอนกว่า

ศูนย์หนังสืออิสลาม (ศูนย์กลางอิสลาม คลองตัน) ศูนย์หนังสือมานพวงศ์เสงี่ยม (พระรามเก้า) ร้านหนังสือส.วงศ์เสงี่ยม (มหานาค) Halal Express(หนองจอก) ร้านอารีฟ เซ็นเตอร์ (มัสยิดสวนพลู)

โรงพยาบาล

รพ.ปิยเวช, รพ.กรุงเทพ, รพ.เสรีรักษ์,

ข้าพเจ้า นาย นาง นางสาว...................................................................................... อายุ .................. ปี รพ.นวมินทร์, รพ.เวชธานี, รพ.บ�ำรุงราษฎร์ ที่อยู่ ....................................................................................................................................................... ธุรกิจบริการและโรงแรม รหัสไปรษณีย์ ........................ โทรศัพท์ ................................. อีเมล์ ................................................... ทรัพย์เจริญกรีนแลนด์ การศึกษา อาชีพ

มัธยมศึกษา ปวช. ปวส. ปริญญาตรี ปริญญาตรีขึ้นไป อื่นๆ พนักงานบริษัท รับราชการ,รัฐวิสาหกิจ ธุรกิจส่วนตัว นักเรียน, นักศึกษา อื่นๆ

มีความประสงค์จะสมัครสมาชิกนิตยสารฮาลาลไลฟ์ สมาชิก 1 ปี 12 ฉบับ 300 บาท เริ่มตั้งแต่ฉบับที่......... สมาชิกอุปถัมภ์ 1 ปี 12 ฉบับ 300 บาท เริ่มตั้งแต่ฉบับที่......... ให้กับห้องสมุด/มัสยิด............................................................................................................................. ที่อยู่ ....................................................................................................................................................... ................................................................................................. รหัสไปรษณีย์ ...................................... วิธีช�ำระค่าสมาชิก โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี นางสาว วิลาสินี กันซัน

(ถ่ายเอกสารได้)

ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนรามค�ำแหง-เทพลีลา เลขที่บัญชี 902-0-06365-8 ธนาคารกสิกรไทย สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ เลขที่บัญชี 732-2-70060-8

5

รีสอร์ท บางพลัด โรงแรมนิวเวิลด์ (บางล�ำพู) โรงแรมรีเจ้นท์ (รามค�ำแหง) โรงแรมชาลีนา (รามค�ำแหง) โรงแรมนูโว ซิตี้ (บางล�ำพู)

ธนาคารและสหกรณ์

เคาท์เตอร์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทุกสาขา สหกรณ์อิสลามสันติชน เครือข่ายสหกรณ์อิสลามภาคใต้

ต่างจังหวัด

ร้านอาหารบิสมิลลาฮ์ (เชียงใหม่) ร้านอาหารบิสมิลลาฮ์ (แม่สาย) ร้านฟาด้า สเต๊กแอนด์คอฟฟี่ (อยุธยา) ร้านอาหารอิสลามดาวุดชา (กาญจนบุรี) ร้านมุนาซีร กาแฟสด&เค้ก พัทยา (ชลบุรี) ร้านอาหารชุกรี่ ปั๊ม ป.ต.ท. ท่าฉาง (สุราษฎร์ธานี) ห้องอาหารคุณสาหร่าย (ชุมพร) ร้านอาหารคุ้มราชา ควนโดน (สตูล) ศูนย์การค้าวงเวียนวินเทจ หาดใหญ่ (สงขลา) SAMI KITCHEN หาดใหญ่ (สงขลา) ร้านบากุส (ปัตตานี) ร้านอาหารอาบูคอลี (ยะลา) ร้านกีตาบบุ๊กเฮาส์ (ยะลา) Halal Minimart (สตูล) ร้านบังฝรั่ง (สงขลา)


Global

กอมารียะห์ อิสมาแอล haboohoohoo@gmail.com

มาเลเซียที่หนึ่งในใจ นักท่องเที่ยวมุสลิม

ประเทศมาเลเซียติดอันดับประเทศมุสลิมทีเ่ ป็นมิตรทีส่ ดุ ในโลก ทีน่ กั ท่องเทีย่ วมุสลิมไปเยือนในช่วงวันหยุด จากการจัดอันดับของหน่วยงาน ที่ให้ค�ำปรึกษาทางด้านการท่องเที่ยวแบบมุสลิมของสิงคโปร์ โดยได้ท�ำการวัดจากศักยภาพในการบริหารจัดการในการรองรับนักท่องเที่ยวชาว มุสลิมในช่วงวันหยุด ที่มองหาบริการและอาหารฮาล้าล ความสะดวกสบายในการท�ำศาสนกิจ รวมไปถึงระดับการรักษาความปลอดภัยภายใน ประเทศ จากการให้คะแนนของนักท่องเที่ยวมุสลิม ตั้งแต่ 1-10 ประเทศมาเลเซีย ได้คะแนนเป็นที่ 1 ซึ่ง ได้คะแนน 8.3 จากทั้งหมด 50 ประเทศ รองลงมาเป็นประเทศ อียิปต์ ได้คะแนน 6.7 ตามมาด้วยอาหรับเอมิเรต และตุรกี ซึ่งได้คะแนนเท่ากันคือ 6.6

ภาพยนตร์ของชาวปาเลสไตน์ ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ “5 Broken Cameras” ภาพยนตร์เชิงสารคดีของปาเลสไตน์ที่ น�ำเสนอเรือ่ งราวชีวติ ของช่างภาพชาวปาเลสไตน์และลูกชายของเขา ในเมืองทีเ่ ต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่าง ปาเลสไตน์ และ อิสราเอล ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ประเภทภาพยนตร์สารคดี ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก�ำกับโดย Emad Burnat and Guy Davidi เป็ น การเล่ า เรื่ อ งราวที่ เ กิ ด ขึ้ น ในเมื อ งเล็ ก ๆแห่ ง หนึ่ ง ของชาว ปาเลสไตน์ที่ชื่อว่า Billin ผ่านชีวิตของตัวผู้ก�ำกับ Burnat เอง ซึ่ง มองว่าเป็นความรับผิดชอบของเขาที่จะต้องน�ำเสนอการบุกรุกของ ชาวอิสราเอล การประท้วงอย่างสงบ รวมถึงชีวิตลูกชายของเค้าที่ เกิ ด มาท่ า มกลางความขั ด แย้ ง และความสู ญ เสี ย โดยชื่ อ ของ ภาพยนตร์เรื่องนี้มากจาก กล้อง 5 ตัวที่ถูกทุบท�ำลายโดยทหารชาว อิสราเอล ขณะที่ก�ำลังบันทึกภาพการยืนหยัดต่อสู้ของชาวเมือง billin นั่นเอง

6


รถต้นแบบของRolls-Royce ตั้งชื่อตามชาวมุสลิมในต�ำนาน

ในศตวรรษที่ 9 ที่เมือง คอร์โดบา ก่อนหน้าสองพี่น้องตระกูลไรท์จะท�ำการทดลองบินนับพันปี อับบาส อิบนุฟิรนาส (Abbas Ibn Firnas) เป็นมนุษย์ คนแรกในประวัติศาสตร์ที่พยายามจะบินโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ เขาได้สร้างปีกขึ้นมาให้สามารถบินได้ จนเป็น แรงบันดาลใจให้มีการสร้างเครื่องบิน ในเวลาต่อมานอกจากนี้เขายังเป็นนักดาราศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักเคมี จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชื่อของเขา ได้กลายมาเป็นชื่อถนน และชื่อสนามบินต่างๆ

7


i-coffee

8


9


พพื้นที่โฆษณาราคาถูก โทร. 086-890-6055

พื้นที่โฆษณาราคาถูก โทร. 086-890-6055 10


Recommend

กองบรรณาธิการ

คียบ ์ อร์ด ล้างน�ำ้ ได้

จากงานวิจยั ยืนยันแล้วว่า คียบ์ อร์ด หรือแป้นพิมพ์ เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย!!! แต่ไม่ต้องตกใจไปเพราะ ค่ายคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Logitech ได้เปิดตัวคีย์บอร์ดรุ่น Washable K310 ความพิเศษอยู่ที่สามารถล้างน�้ำท�ำความสะอาดได้ทุก ซอกทุกมุม แถมยังแช่น�้ำได้ในระดับความลึกไม่เกิน 11 ฟุต แห้งเร็ว ไม่มี น�้ำขัง สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.logitech.com

Polaroid ยุคดิจิตอล ถ่ายปุ๊บ พิมพ์ปั๊บ ไม่ง้อฟิล์ม Polaroid ผู้ผลิตกล้องชื่อดังที่มีจุดเด่นคือถ่ายแล้วได้ภาพทันที เปิดตัวกล้องดิจติ อลพร้อมเครือ่ งพิมพ์ภาพในตัว Polaroid Z2300 ท�ำให้ ไม่ต้องง้อฟิล์มที่มีราคาค่อนข้างแพงอีกต่อไป รูปทรงที่เล็กกะทัดรัดและ ดีไซน์ที่ดูทันยุคทันสมัย แถมยังสามารถแชร์ภาพ พร้อมเลนส์ความ ละเอียด 10 ล้านพิกเซล สามารถพิมพ์ภาพขนาด 2x3 นิ้ว ได้จากตัว เครื่องทันที โดยใช้เวลาไม่ถึงนาที พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการตกแต่งภาพที่ หลากหลาย ท�ำให้เจ้า Polaroid ตัวนีน้ นั้ ตอบโจทย์คนยุคนีไ้ ด้ดเี ลยทีเดียว

ซื้อนาฬิกา แถมการปลูกต้นไม้ กระแส Eco product ช่างมาแรงเหลือเกิน แถมยังมีแนวคิดดีๆ อย่าง ซื้อนาฬิกา แถมการปลูกต้นไม้ด้วย WEWOOD Watch แบรนด์นาฬิกา ข้อมือที่ท�ำด้วยวัสดุไม้ทั้งตัวเรือนตลอดจนสายนาฬิกา และที่ส� ำคัญ เขาคอนเฟิร์มว่าไม่ระคายเคืองผิวหนัง เพราะวัสดุไม้ไม่มีส่วนผสมของ สารเคมี WEWOOD น�ำรายได้ทไี่ ด้จากการจ�ำหน่ายต่อหนึง่ เรือนไปสมทบ ทุนปลูกต้นไม้เพิ่มให้โลกของเรา“one watch.one tree.one planet.” ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.we-wood.us

Saving Food from the Fridge

JihyunRyou เสนอนวัตกรรมใหม่ ที่ตู้เย็นจะไม่มีความส�ำคัญต่อชีวิตของคนเราอีกต่อไป ขอเพียงแค่คุณมีเพียงชั้นไม้ กระจก และทราย ก็เพียงพอ ทีจ่ ะท�ำให้ผกั ของคุณสดกว่านอนแช่ในตูเ้ ย็น โดย Ryou บอกว่าการเก็บผักมีหวั ในแนวตัง้ ด้วยการปักลงไปในทราย จะช่วยรักษาความชืน้ และท�ำให้ผักสดใหม่อยู่เสมอ ถือเป็นเรื่องง่ายๆที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของโปรเจกต์นี้ต่อได้ที่ www.savefoodfromfridge. com 11


Tasty

ลัญญุตา วงษ์ยุติธรรม

มาเชียงใหม่ ต้องข้าวซอยสุธาสินี

มาถึงเชียงใหม่ทั้งที พลาดไม่ได้กับเมนูอาหารฮาลาลหลากหลายความอร่อยจากร้าน สุธาสินี เป็นร้านอาหารที่มีการสืบทอดกันมา 100 กว่าปี ด้วยเมนูแนะน�ำ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวซอยสูตรฉพาะที่ จากเดิมเป็นข้าวซอยยูนานแต่ปัจจุบันได้ปรับสูตรเป็นน�้ำกะทิ (วัตถุดิบทั้งหมด ทางร้านเค้าผลิตเอง เส้นข้าวซอยไม่มชี รู ส ไม่ใส่ส)ี ,ข้าวหมกแพะ,ย�ำวุน้ เส้นยูนาน,ก๋วยเตีย๋ วลุยสวน นอกจากนี้ ยังมีเมนูอนื่ ๆให้เลือกรับประทาน ตามใจชอบ ข้าวหน้าเป็ด,ข้าวมันไก่,สลัดแขก,ข้าวราดแกง,ข้าวหมกไก่ แพะ เนื้อ, ซุปหางวัว, ก๋วยเตี๋ยว, สะเต๊ะ, เกี๊ยวซ่า และอาหารตามสั่ง นอกจากนีแ้ ล้วทางร้านสุธาสินยี งั เป็นโรงงานผลิตน�ำ้ พริก, เส้นข้าวซอย / รับท�ำข้าวกล่อง จัดชุดเบรก จัดนอกสถานที่ โต๊ะจีน และบุฟเฟ่ต์ อีกด้วย ข้าวซอยต้นต�ำรับอิสลามของแท้ต้อง “ร้านข้าวซอยสุธาสินี เชิญแวะได้นะจ้าว”

ข้อมูลจ�ำเพาะ ชื่อร้าน

สุธาสินี สาขาของร้าน สาขาย่อย-โรงพยาบาลมหาราช (สวนดอก) สาขา ซอยข้างโรงแรม The Impress เมนูแนะน�ำ ข้าวซอยต้นต�ำรับ (สูตรเฉพาะ), ข้าวหมกแพะ, ย�ำวุ้นเส้นยูนาน, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน สถานที่ตั้ง อยู่ใกล้กับหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ ก่อนถึงมัสยิด ช้างคลาน ถ้ามาจากไนท์พลาซ่าก็ตรงมา เวลาเปิด-ปิด เปิดบริการทุกวัน เวลา 7:30 – 16:00 น. (ช่วงhigh season จะเปิดตอนกลางคืนด้วย) บริหารงานโดย จารุ บุญอ�ำนวยชัย โทร.053-819-378 12 12


หัวหมาก

ชาหอม

13


Halal Medical Hub กับโอกาสของประเทศไทย MAIN HALAL : กองบรรณาธิการ ภาพ : คอลิด เยนา

14


จากนโยบายของรัฐบาลยุคหนึ่งที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ท�ำให้เมืองไทยก้าวขึ้น เป็นผูน ้ ำ� ด้านบริการสุขภาพในระดับโลก เกิดการเติบโตของธุรกิจด้านบริการสุขภาพอย่างรวดเร็ว เรามีสถานบริการ สุขภาพและสถานประกอบการที่มีคุณภาพมาตรฐานในระดับนานาชาติ เช่น JCIA (Joint Commission International Accreditation) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในความพร้อมของบุคลากรและเครือ่ งมือทางการแพทย์ รวมทัง้ การให้บริการ ที่ทันสมัยและเป็นสากล นอกจากนี้เมืองไทยยังได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลกหลายรางวัล ท�ำให้เป็นที่รู้จัก และมีชอื่ เสียงมากยิง่ ขึน ้ ส่งผลให้มจี ำ� นวนชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยเพิม ่ สูงขึน ้ สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจ�ำนวนมหาศาล ชาวอาหรับเป็นกลุ่มหนึ่งที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในบ้านเราเป็นจ�ำนวนมาก และด้วยความที่เป็นประเทศ เงินถุงเงินถัง ท�ำให้ตลาดสุขภาพในกลุ่มชาวอาหรับนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โรงพยาบาลเอกชนน้อยใหญ่ ปรับตัวเองเพื่อรองรับชาวอาหรับมากขึ้น เพราะนอกเหนือจากการมารับการรักษาพยาบาลแล้ว ชาวอาหรับนั้นมี ลักษณะเป็นครอบครัวใหญ่ การมารักษาพยาบาลในบ้านเราแต่ละครั้งจึงมักจะยกกันมาทั้งครอบครัว ส่งผลให้เกิด เม็ดเงินสะพัดจากลูกค้ากลุ่มนี้จ�ำนวนมาก อนันต์ สะเล็ม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาหรับ โรงพยาบาลเวชธานี เป็นผู้หนึ่งที่คร�่ำหวอดในวงการการท�ำการตลาดสุขภาพกับชาวอาหรับ บุกเบิกและเปิดตลาดอาหรับให้กับต้นสังกัดมาแล้วกว่า 6 ปี Halal Life จึงไม่รีรอที่จะจับเข่าคุย ถึงช่องทางและโอกาสของชาวมุสลิมที่มีต่อการ เติบโตของตลาดสุขภาพของชาวอาหรับในครั้งนี้ อนันต์ สะเล็ม จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร กรุงไคโร ประเทศอียปิ ต์ เมือ่ ปี 2547 หลังจบการศึกษาเคยสอนหนังสืออยูพ่ กั ใหญ่ๆ ก่ อ นจะเริ่ ม มาท� ำ งานในโรงพยาบาลด้ ว ยการเป็ น ล่ า มให้ กั บ ผู ้ ป ่ ว ย ชาวอาหรับที่เข้ามารักษาพยาบาล เส้นทางสู่การเป็นล่าม เส้นทางการเป็นล่าม ถ้าเอาจริงๆแล้วเนี่ย มันจะต้องเรียนกันถึง รากฐานของภาษาทีเดียว ว่ามีความเป็นมาอย่างไรในแต่ละอักษรออก เสียงอย่างไร ในแต่ละค�ำศัพท์แต่ละค�ำมีที่มาอย่างไร นั่นคือการเรียนใน ขั้นของนักแปลมืออาชีพ ซึ่งในปัจจุบันนี้ถามว่าเจ้าหน้าที่ล่ามที่ไปเรียน ภาษาอาหรับกลับมาก็อาจจะมีบางส่วนที่เรียนถึงรากฐานตรงนั้น แต่ก็ อัลฮัมดุลิ้ลละห์ที่พี่น้องของเราที่จบกลับมาเรียนภาษาอาหรับกลับมาก็มี ทักษะในเรื่องของภาษาดีมาก ซึ่งสามารถที่จะอ่าน พูด ฟัง เขียน ได้เป็น อย่างดี เพราะว่าคนที่ไปเรียนที่ประเทศอาหรับก็จะได้สัมผัสในทุกๆ อิริยาบทของภาษา ถ้าพูดถึงการจะมาเป็นล่ามที่ดีก็คงจะต้องมีการ เตรียมตัว คือถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมาเป็นล่ามมืออาชีพแล้วเนี่ย เราก็ตอ้ งเตรียมตัวมาตัง้ แต่เรียน แต่อย่างตัวของผมเองเนีย่ บอกตรงๆว่า เราไม่ได้มคี วามคิดว่าจะมาเป็นล่าม ซึง่ ในยุคนัน้ บอกได้เลยว่าคนทีไ่ ปเรียน ที่ประเทศอาหรับเนี่ยก็ไม่ได้มีความคิดที่จะมาเป็นล่าม ก็คือเรียนเพื่อจะ เรียนรูศ้ าสนาในเชิงลึกแล้วกลับมาเพือ่ จะใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสังคม บ้านเรา แต่ในยุคนี้มีการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับด้านการแพทย์ ในบ้านเราตอนนี้ชาวอาหรับเขาให้ความเชื่อมั่นมาก เข้ามารักษามาก ฉะนัน้ ตามโรงพยาบาลต่างๆ ก็มคี วามต้องการบุคลากรทีพ่ ดู ภาษาอาหรับ ได้ อันนี้คือโอกาสที่เกิดขึ้นมาแก่พี่น้องมุสลิมที่ไปเรียนภาษาอาหรับมา ข้อดีของการเป็นล่าม มันมีความเปลีย่ นแปลง ถ้าพูดถึงในเรือ่ งของรายได้ การทีเ่ ป็นครูสอน ในโรงเรียนซานาวี สอนภาษาอาหรับทัว่ ไปเนีย่ มันก็คงจะได้นอ้ ย ได้ไม่พอ แต่ก็อัลฮัมดุลิ้ลละห์คนที่เขาสอนด้วยใจ เขาก็อยู่ได้ อยู่ในแนวทาง ของอัลลอฮฺ แต่ถ้ามองกันในเรื่องทั่วๆไป ในเรื่องของธุรกิจว่าโอกาสของ พี่น้องมุสลิม การที่เราเข้ามาสู่วงการ มีการใช้ภาษาอ�ำนวยความสะดวก

และน�ำเอาศักยภาพหรือทักษะพิเศษของพี่น้องมุสลิมในการพูดภาษา อาหรับได้เนี่ยมาใช้ให้เกิดผลประโยชน์แก่ชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ โรงพยาบาล ธุรกิจการท่องเที่ยว ร้านอาหารหรือว่าอุตสาหกรรมต่างๆ ตอนนีม้ คี วามต้องการผูท้ พี่ ดู ภาษาอาหรับได้อย่างมากขึน้ เรือ่ ยๆ อันนีเ้ ป็น สิง่ หนึง่ ทีม่ คี วามแตกต่างและมีการเปลีย่ นแปลงทีก่ า้ วกระโดดพอสมควร มุสลิมก็ควรที่จะให้ความสนใจเรื่องภาษาอาหรับกันให้มากขึ้น ผมถือเป็นรุ่นแรกที่โรงพยาบาลเวชธานี ถือว่าเป็นชุดบุกเบิก มาลุย เรื่ อ งการท� ำ ตลาดให้ กั บ โรงพยาบาล ดึ ง ลู ก ค้ า ชาวอาหรั บ เข้ า มาสู ่ โรงพยาบาลแห่งนี้ แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ผมมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เมื่อปี 2550 ตอนนี้ก็ประมาณ 6 ปีแล้ว ลูกค้าชาวอาหรับก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่เราใช้ความรู้ที่เราได้รับการศึกษาที่เราไปเรียนที่ประเทศ อาหรับเราได้ไปเรียนรูถ้ งึ วัฒนธรรมของชาวอาหรับว่า เขามีความต้องการ อย่างไร มีเอกลักษณ์อย่างไร และมีวฒ ั นธรรมของเขาอย่างไรตรงนีเ้ อามา ใช้ได้ ใช้ได้ดีและท�ำให้เป็นที่ยอมรับ และการบริการของโรงพยาบาลนั้น ก็น่าเชื่อถือ อันนี้คือสิ่งส�ำคัญ ล่ามเนี่ยจริงๆแล้วมีมุมมองที่แตกต่างกันอยู่ บางคนจบมาแล้วก็บอก ว่าขอให้ฉันได้เป็นล่ามเพราะว่าได้เงินเดือนดีกว่าที่จะไปสอนหนังสือ ถ้า คิดแค่นนั้ โอกาสทีจ่ ะก้าวต่อไปก็จะน้อย แต่อยากจะให้หลายๆคน เมือ่ เข้า มาอยู่ตรงนี้แล้ว มีความสามารถทักษะด้านภาษาอาหรับ ก็พยายามคิด ต่อไปว่า เรามาเป็นล่ามแล้วเนี่ย เราควรที่จะ หนึ่ง คือเอาภาษาอาหรับ มาใช้ สองท�ำให้เขาเห็นถึงศักยภาพของพี่น้องมุสลิมว่าเราก็สามารถที่จะ ยืนอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายได้ ไม่ได้เป็นเพียงคนแปลกหน้าแต่ อย่างใด แสดงศักยภาพออกมาให้เห็นว่า หนึง่ เราเอาภาษามาใช้ สองบุคลิก กิริยามารยาทของมุสลิมเป็นอย่างไร มันเป็นการดะห์วะห์ เป็นการ เผยแพร่ไปในตัวได้ หลายๆคน โดยเฉพาะผมได้รับประสบการณ์โดยตรง กับการที่เราไม่ เคยท�ำงานทางสายของโรงพยาบาล เราไม่เคยรู้เลยว่าโรคหนึ่งโรคใด มีความเป็นมาอย่างไร ในคนๆหนึง่ ทีเ่ ขาเป็นโรค สมมติวา่ เขาเป็นเบาหวาน เนีย่ มันเกิดมาได้อย่างไร แต่พอเราเข้ามาท�ำงานในโรงพยาบาลเนีย่ เราก็มี ความเข้าใจ จากการที่เราจะต้องเตรียมตัวที่จะไปแปลกับแพทย์ใน แต่ละโรค ในขณะเดียวกันเราก็ต้องมาหาข้อมูลเพิ่มเติมที่จะเป็นความรู้ ในการทีเ่ ราจะไปแปลได้เข้าใจมากยิง่ ขึน้ เพราะการถ่ายทอดภาษาทีด่ ี การ ที่เรารู้ภาษาอาหรับอย่างเดียวเนี่ย มันไม่ใช่เราจะเข้าใจได้เลยในศัพท์ ทางการแพทย์ เราจะต้องมีการเรียนรู้ มีศัพท์เทคนิคเฉพาะ นี่เป็นเรื่องที่ ล่ามทุกคนเขาก็มีความสนใจ ก็ตื่นตัวที่จะค้นคว้าข้อมูลและเตรียมตัว

15


อันนี้คือสิ่งที่ท�ำให้เราได้ความรู้เพิ่มโดยเฉพาะในเรื่องของการแพทย์ ปัจจุบนั นีม้ นั มีความส�ำคัญเราจะต้องเรียนรูว้ า่ โรคนีเ้ ป็นอย่างไร จริงๆแล้ว อย่างที่เราอ่านในหนังสือของนักวิชาการอิสลามก็มีนะครับ อย่างดิบุ้ลนาบาวี่ การแพทย์ตามแบบอย่างที่ศาสดาได้สอนเอาไว้ก็มีหมดเพียงแต่ ว่าเราอาจจะยังไม่เข้าใจ เพราะเราไม่ได้ทำ� งานเกีย่ วกับโรงพยาบาลจริงๆ แต่พอได้มาท�ำงานตรงนี้กลับไปย้อนเราจะเข้าใจตรงนี้ได้ง่ายๆเป็นสิ่งที่ดี มากๆเลย Thailand Medical Hub โครงการ medical hub ของรัฐบาลของประเทศไทย ก็เนือ่ งจากเห็น โอกาสที่มีชาวต่างชาติให้ความเชื่อมั่นเชื่อถือในด้านการแพทย์ของไทย ประเทศไทยเห็นโอกาสตรงนี้ก็เลยคิดโปรเจคนี้ขึ้นมาที่จะท�ำให้ไทยเป็น ศูนย์กลางทางการแพทย์ ซึง่ ส�ำหรับผมจากประสบการณ์แล้วในระยะหลัง ได้เข้ามามีบทบาทในการที่จะท�ำตลาดให้กับโรงพยาบาลเลยได้เห็น อนาคตของประเทศไทยทางด้านนี้พอสมควร ว่าน่าจะไปได้สวยไปได้ดี โดนเฉพาะตลาดอาหรับ ณ วันนี้ยังไม่มีสัญญาณที่จะบอกว่าอาหรับ จะลดลงมีแต่จะเพิม่ ขึน้ แต่ถา้ ไม่มเี หตุการณ์รา้ ยแรงอย่างทีผ่ า่ นมา เพราะ ทีผ่ า่ นมามีเหตุการณ์รา้ ยแรงพอสมควรท�ำให้สะดุดไปบ้างหรือว่าชะลอลง ไปบ้างหรือลดจ�ำนวนลงไปบ้างในบางช่วงเวลาแต่กไ็ ม่มวี แี่ ววว่าจะหายไป เลย หลังจากทุกอย่างสงบชาวอาหรับก็จะกลับมาเหมือนเดิม อันนี้มันคง วางอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีในด้านนี้ บุคลากร ทางการแพทย์ หรือว่าการให้บริการ คนไทยเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ นับถือศาสนาใดก็แล้วแต่ ก็ให้บริการได้ดี การเป็น medical hub ผมว่า เมืองไทยพร้อมๆอย่างมากๆ แต่มันก็มีผลตามมาในกรณีที่ว่า ถ้าเกิด ประชาคมอาเซียนที่จะเปิดอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ มันก็มีผลเหมือน

กัน ส�ำหรับคนที่อยู่ในธุรกิจหลายๆธุรกิจก็ควรที่จะศึกษาให้ดีถึงข้อดีข้อ ได้ข้อเสีย โดยเฉพาะข้อเสียหรือผลกระทบที่จะเกิดกับเมืองไทย ก็ควรที่ จะศึกษาหาทางที่จะรับมือต่อไป พูดถึงปัจจุบันนี้จ�ำนวนของผู้ป่วยอาหรับที่เข้ามาถือว่าเยอะ โดย เฉพาะปี 2555 นี้ ถ้าเป็นชาวอาหรับทั้งหมดที่มารักษาในเมืองไทยก็จะ อยู่ที่ประมาณ หนึ่งแสนห้าหมื่นราย แต่เฉพาะของเราเองก็ประมาณอยู่ ที่ 5,000-7,000 คน สถิติตรงนี้ก็เป็นที่น่าพอใจส�ำหรับเราเอง เพราะเรา ก็โตขึ้นมาเรื่อยๆและต้องการที่จะดูแลคนไข้อย่างทั่วถึง ก็ค่อยๆเตรียม ความพร้อมและขยายตัวขึ้นมา ส่วนเม็ดเงินก็เยอะนะครับ ซึ่งถ้าเฉพาะ ของเราเองอยูใ่ นหลักของ 600 ล้าน ต่อปี ซึง่ ก็เป็นทีน่ า่ พอใจ และอาหรับ โดยเฉพาะปีนี้ อย่างคนไข้ชาวอาหรับที่มาส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไข้มาจาก คอลี ช คื อ กลุ ่ มประเทศความร่ ว มมื อ อ่ า วอาหรั บก็ จ ะมี อยู่ป ระมาณ 6 ประเทศ ซึง่ ก็จะให้ความส�ำคัญกับการทีจ่ ะมารักษาบ้านเรา ซึง่ มารักษา เนี่ยบางคนก็จะมาเที่ยวไปด้วยอะไรอย่างนี้เป็นต้นก็ได้ทั้งครอบครัว เหตุไฉนชาวอาหรับจึงเลือกเมืองไทย ถามว่าท�ำไมถึงมาบ้านเราอันนีผ้ มคงต้องขอเท้าความไปนิดนึง อาหรับ ที่เริ่มบูมที่มาบ้านเราเยอะๆเนี่ย ก็หลังจากเหตุการณ์ 911 อาหรับก็เริ่ม ที่จะมีปัญหาในการที่จะเข้าไปยุโรป เข้าไปในอเมริกา ในการที่จะเข้าไป รักษาหรือเข้าไปท่องเที่ยว ก็จะมีปัญหาเกิดความยากล�ำบากมากขึ้น อาหรับจึงเปลี่ยนเบนทิศมาทางด้านเอเชีย แล้วชาวอาหรับเนี่ยจริงๆเขา ก็ไปมาหมดแล้ว ไม่วา่ จะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่กมั พูชา ประเทศ จีนเขาก็ไปรักษากันมาหมดแล้ว ส่วนใหญ่แล้วพอมาเมืองไทยก็จะติดใจ ติดใจทัง้ เรือ่ งความสามารถในการรักษาของแพทย์ไทย และการให้บริการ ของคนไทยอันนี้คือสิ่งส�ำคัญ เพราะฉะนั้นพอเขาไปลองมาทุกที่แล้วเนี่ย

ล่ามหลายๆคน อย่างผมเอง งานหลัก ของเราคือ เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ท�ำงานเป็นล่ามแปลภาษาอาหรับแต่เราก็ มีหน้าที่รองของเราเช่น น�ำเอาความรู้ไป เผยแผ่ หรือท�ำอย่างไรให้ ชาวอาหรับกับ พี่น้องมุสลิมไทยได้ท�ำการรู้จักมักคุ้นกัน ยิ่งขึ้น

16


เขาก็ติดใจที่เมืองไทยแล้วก็ไปบอกต่อๆกันว่า เมืองไทยใช่แล้ว สมควร ว่าดี ที่จะมารักษา ก็เลยเริ่มมาเยอะขึ้น จนกระทั่งที่ว่าในปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลในเมืองไทยก็แข่งขันกันเองเพื่อที่จะรองรับตลาดตรงนี้ แล้ว ก็บวกกับ AEC ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเปิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี ส�ำหรับชาวไทยเรา อาหรับนีจ่ ริงๆ ก็เหมือนกับพีน่ อ้ งมุสลิมเรา ทีเ่ วลาผูใ้ หญ่ไม่สบายเข้า โรงพยาบาลก็จะไปเยี่ยมกันเต็มโรงพยาบาลเลย อาหรับก็เหมือนกันเขา จะมากันทัง้ ครอบครัวเพราะว่าเขาก็ให้ความส�ำคัญกับผูใ้ หญ่ กับคนป่วย ก็คือจะมาแล้วก็มาเฝ้ามาดูใจกันก็คือจะมาอยู่ใกล้ๆ แล้วอาหรับเขาจะ เป็นครอบครัวที่ใหญ่เขาก็จะมากันเยอะ บางกลุ่มก็เปลี่ยนกันมา ถ้ามา อยูน่ านๆเขาก็จะเปลีย่ นกันมา ลูกหลานก็จะเปลีย่ นกันมาบางคนท�ำงาน บ้างก็ผลัดกันมาเฝ้า มากันเยอะ ระยะเวลาของการมาพักรักษาตัว บางคนเป็นเดือนบางคนเป็นปี แต่ถ้าส่วนใหญ่แล้วเนี่ยก็จะอยู่ที่ ประมาณ 3 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน รายที่ต้องแอดมิดในโรงพยาบาล เพราะ ว่าหลังจากที่เขาไปหาแพทย์ที่บ้านเขาแล้วเนี่ยก็จะเป็นโรคที่ง่ายๆ หลัง จากนั้นเขาก็ต้องหาที่รักษาในต่างประเทศ ก็คือมาเมืองไทย บางโรคก็ ต้องไปเจอกันหลายแพทย์หน่อยกว่าจะเจอว่าเป็นอะไรแน่ ถึงจะรักษา ได้ ถูกทาง แต่วา่ ถ้าถามถึงเรา ทีเ่ วชธานีนี่ เราเริม่ ด้วยกับการให้ความ ส�ำคัญกับคนไข้ที่เป็นโรคกระดูกและข้อ เวชธานีจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในเรื่องโรคกระดูกและข้อทุกสาขาเลย ไม่ว่าจะเป็นต้นคอ แขน หัวไหล่ ข้อเข่า หรือว่าหลัง เราก็จะมีแยกกันชัดเจน ตรงนี้ก็เป็นจุดที่อาหรับเขา ให้ความสนใจ ถ้าเป็นเรื่องกระดูกเขาก็จะเน้นมาที่เรา แต่จริงๆเราก็มี แพทย์ทุกสาขา ชาวอาหรับนี่ จริงๆเขาก็ใช้พอประมาณนะ เพียงแต่วา่ เขาอยูใ่ นสภาพ ที่มีเงินค่อนข้างเยอะ ฉะนั้นในมุมมองของผม คนไทยอาจจะมองว่าเขา ฟุ่มเฟือย แต่จริงแล้วในสภาพของเขาคือเป็นคนที่มีเงินแล้วค่าเงินของ เขามันสูงกว่าเรา เงินมันแข็งกว่าเราเขาก็ใช้จ่ายในแบบปกติ แต่เราอาจ จะมองว่าเขาใช้จา่ ยแบบคนรวย แต่จริงๆเขาก็เป็นคนมีเงินเยอะแล้วก็ใช้ จ่ายแบบสบายๆ เนื่องจากประเทศเขามีสวัสดิการให้กับประชาชนของ เขาดี โดยสรุปก็เป็นคนรวยอย่างทีเ่ ราทราบกันดีวา่ เป็นเศรษฐีนำ�้ มันอะไร ประมาณนี้ มุสลิมไทยได้ประโยชน์อะไร ผมว่ามีส่วนอย่างมากทั้งในทางตรงและทางอ้อม ทางตรงเนี่ยก็คือ ท�ำให้มุสลิมที่พูดภาษาอาหรับได้ ได้มีงานท�ำมากขึ้น อย่างเช่นเป็นล่าม เมื่อก่อนนี้โรงพยาบาลไม่มีคนไข้อาหรับก็ไม่ต้องใช้ล่าม แต่ในปัจจุบัน อย่างเฉพาะทีโ่ รงพยาบาลเวชธานีแห่งเดียวเนีย่ ก็มลี า่ มทีพ่ ดู ภาษาอาหรับ ได้ประมาณ 50 กว่าท่าน และในโรงพยาบาลอืน่ ๆ อย่างเช่นบ�ำรุงราษฎร์ กรุงเทพ ก็มีพี่น้องที่พูดภาษาอาหรับได้เยอะกว่า เพราะมีคนไข้ที่เยอะ กว่า อันนีก้ เ็ ป็นทางตรงทีท่ �ำให้เห็นว่าพีน่ อ้ งเรามีโอกาสในการท�ำงานมาก ขึน้ ส่วนในทางอืน่ ๆ เช่น สามารถทีจ่ ะไปท�ำงานเกีย่ วกับบริษทั ทัวร์ หรือ ว่าอุตสาหกรรมส่งออก เป็นต้น หรือแม้แต่พนี่ อ้ งชาวอาหรับเวลามาบ้าน เราแล้วเนี่ยเขาก็อยากจะไปเห็นวัฒนธรรมประเพณีของเราก็จะมีพี่น้อง ทีเ่ ป็นล่ามของเราเนีย่ ก็พาไปเทีย่ วไปพบปะสังสรรค์กจ็ ะเกิดความสัมพันธ์ ทีด่ มี ากขึน้ ตรงนีก้ เ็ ข้าสูค่ ำ� สอนของอิสลามเช่นกันทีบ่ อกว่า เราจะต้องมา สร้างความเป็นพี่น้องปรองดองซึ่งกันและกัน และก็อาหรับเขาก็มีความ ใจบุญเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ก็จะมีการบริจาคเงินให้กับมัสยิดบ้างหรือว่า ให้กับครอบครัวมุสลิมที่ด้อยโอกาสอะไรแบบนี้เป็นต้น อันนี้คือผลที่มัน เข้ามาโดยเราอาจจะไม่ได้รู้หรือไม่ได้ทราบมาก่อนเลย

เพราะว่าล่ามหลายๆคน อย่างผมเอง งานหลักของเราคือเป็นเจ้า หน้าที่ของโรงพยาบาลท�ำงานเป็นล่ามแปลภาษาอาหรับแต่เราก็มีหน้าที่ รองของเราเช่น น�ำเอาความรู้ไปเผยแผ่ หรือท�ำอย่างไรให้ชาวอาหรับกับ พี่น้องมุสลิมไทยได้ท�ำการรู้จักมักคุ้นกันยิ่งขึ้น ความส�ำคัญของภาษาอาหรับ ส�ำหรับผมถือว่ามีความจ�ำเป็นอย่างมากเพราะว่าชาวอาหรับทีเ่ ขาเข้า มาบ้านเราเยอะขึ้น ซึ่งคนมุสลิมเนี่ยแน่นอนเหลือเกินว่าภาษาอาหรับมี ความจ�ำเป็นเพราะเราจะต้องอ่านกุรอานได้อันนี้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ ในวงของธุรกิจก็มีความส�ำคัญขึ้นมาเรื่อยๆ หรือแม้แต่ในปัจจุบันนี้ของ โรงพยาบาลเวชธานีเอง พนักงานที่ไม่เคยเรียนภาษาอาหรับมาเลยเขาก็ มาให้ความสนใจที่จะเรียนรู้ การพูดภาษาอาหรับกับชาวอาหรับที่มาใช้ บริการ เรียนรูค้ ำ� ง่ายๆทีจ่ ะให้สามารถพูดตอบโต้กบั ชาวอาหรับได้เพือ่ ให้ เกิดความประทับใจ ซึ่งผมเองก็ได้รับมอบหมายอยู่บ่อยๆให้เป็นวิทยากร สอนภาษาอาหรับในกรณีพเิ ศษ สอนพูดโดยตรงอะไรอย่างนีค้ รับ หลายๆ คนทีผ่ มสอนถึงขัน้ ว่ามีบางกรณีเนีย่ ไม่ตอ้ งใช้ลา่ มแล้ว เพราะเขาสามารถ พูดโต้ตอบได้ เพราะความเพียรพยายามทีจ่ ะพูดภาษาอาหรับถึงแม้มนั จะ ไม่ชัด100% แต่อาหรับเขาฟังแล้วเขาเข้าใจเขาก็ประทับใจที่ให้ความ ส�ำคัญกับภาษาอาหรับ ภาษาของเขาและภาษาของมุสลิมเราด้วย แรกๆทุกคนจะบอกว่ายาก หลายๆคนอาจจะท้อแต่ว่าเราก็พยายาม ใช้วิธีให้เกิดความง่ายที่สุดให้เป็นกันเอง หาค�ำง่ายๆมาสอนเขาก่อน จน เขาเกิดความชอบแล้วค่อยเพิม่ ทีละนิดๆ แล้วเราก็คอ่ ยๆใส่กฏ ใส่ไวยกรณ์ เข้าไปทีหลัง สอนพูดให้ง่ายๆไว้ก่อนแล้วเขาก็จะชอบ ตอนนี้ก็มีจ�ำนวน พอสมควรที่พูดภาษาอาหรับเบื้องต้นได้ มุสลิมไทยอยูใ่ นเมืองไทยก็มหี ลายสถาบันทีเ่ ขาเริม่ สอนภาษาอาหรับ ตัง้ แต่แรก นีค่ อื สิง่ ส�ำคัญทีน่ อ้ งเยาวชนทีจ่ ะต้องสนใจแต่แรกให้ได้ให้เยอะ ที่สุดแล้วก็ต้องพยายามฝึกตนเองด้วย แต่ถ้าเป็นน้องๆที่โตขึ้นมาเนี่ยก็ ต้องพยายามที่จะฝึกอาจจะพูดกับครูกับเพื่อนหรือว่าหาโอกาสพูดกับ เจ้าของภาษาเลยทุกคนอาจจะมองไม่เห็นโอกาสตรงนีห้ รือช่องทางตรงนี้ จริงๆของเราเนี่ย เกือบทุกปีที่ผ่านมาจะมีช่วงปิดเทอมหรือว่าช่วงฝึกงาน จะมีนักศึกษาจากสถานบันที่เป็นมุสลิม ที่เรียนภาษาอาหรับ อย่างเช่น มหาวิทยาลัยอิสลามยะลาจากทางใต้ โรงเรียนอิสลามสันติชน ก็ส่งลูก ศิษย์มาเพื่อจะได้มาสัมผัสกับเจ้าของภาษาจริงๆ ก็มาเดินมาคุยกับชาว อาหรับ เราก็ให้โอกาสตรงนี้ ให้น้องได้พูดคุยแล้วก็ถามจากล่ามเพิ่มเติม ว่า มันคืออะไร มันแปลว่าอะไร ค�ำนี้ควรจะพูดยังไง อันนี้คือฝึกปฎิบัติ จริงๆ ส่วนในภาคทฤษฏีก็ควรจะเก็บเกี่ยวมาให้ได้มากที่สุดเป็นพื้นฐาน ให้กับตัวเราเอง ภาษาอาหรับภาษาแห่งโอกาส การเรียนภาษาอาหรับไม่ว่าเราจะมีเป้าหมายเพื่อที่จะมาเป็นล่าม โดยตรงหรือไม่ก็ตาม ผมถือว่าปัจจุบันนี้มันมีความส�ำคัญอย่างมาก ไม่ใช่ เพียงแค่เราจะเรียนเพือ่ อ่านกุรอานได้แต่วา่ เราต้องเรียนให้พดู ได้ให้เข้าใจ เพราะว่าปัจจุบันนี้พี่น้องมุสลิมที่เป็นอาหรับเองเขามาใกล้ชิดกับเรามาก เหมือนกับเป็นครอบครัวของเราแล้วถ้าเราพูดได้โอกาสหลายๆอย่างมันก็ จะตามมากับเราเองกับครอบครัวของเรา เพราะฉะนัน้ อยากจะฝากว่าให้ เราสนใจทีจ่ ะเรียนศาสนามีลกู หลานก็สง่ ให้ได้เรียนภาษาอาหรับ ปัจจุบนั นอกจากภาษาอังกฤษแล้วเนี่ยผมเห็นว่าภาษาอาหรับก็มีความส�ำคัญไม่ ได้แพ้กันเลยขอให้ลูกหลานของเราพูดอังกฤษได้แล้วก็พูดอาหรับได้เท่า เทียมกันแล้วโอกาสมากมายก็จะเข้ามาสู่เขาเหล่านั้น

17


Listen 2 Halal

pbuh.

บางครัง้ สถานการณ์ในแต่ละช่วงในแต่ละยุคอาจจะเป็นตัวแปรส�ำคัญ ของการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของปัจเจกชนหรือสังคมโดยรวมได้ โดย เฉพาะเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจแนวคิดหรือศาสนา อย่าง ทีห่ ลายท่านอาจจะทราบมาแล้วว่าหลังเหตุการณ์ 9/11การเปลีย่ นแปลง ในด้านการน�ำเสนอของสือ่ ต่างๆเกิดประเด็นหลักขึน้ ซึง่ ต่างก็โฟกัสเข้ามา “อิสลาม” จึงเป็นช่องทางของกลุม่ ดะอฺวะฮฺทตี่ า่ งท�ำงานกันอย่างไม่ลดละ และผลก็คือมีผู้คนมากมายเปิดใจรับศาสนาของอัลลอฮฺจากสื่อดะอฺวะฮฺ ต่างๆทีถ่ กู น�ำเสนอขึน้ ความจริงแล้วก่อนหน้านีก้ ารเข้ารับอิสลามมีมาโดย ตลอดอยูแ่ ล้วโดยเฉพาะสือ่ ทีเ่ สพง่ายๆอย่างนิตยสารหรือสือ่ สิง่ พิมพ์ตา่ งๆ ผมตั้ ง ข้ อ สั ง เกตในช่ ว งอาหรั บ สปริ ง ที่ ผ ่ า นมา มี ห ลายๆอย่ า ง เปลี่ยนแปลงไป มีสองท่านที่เป็นชาวอาหรับเปลี่ยนแปลงทัศนคติในห้วง ช่วงใกล้กัน อีกคนหนึ่งเป็นมุสลิมชาวไทย สามคนนี้ถือได้ว่าเป็นต้นแบบ คนส�ำคัญของวัยรุน่ หนุม่ สาวระยะเวลาสิบปีทผี่ า่ นมาอย่างชัดเจน ต้นแบบ ในทีน่ ผี้ มหมายถึงหนุม่ สาวยอมเปลีย่ นแปลงตัวเองเพือ่ ให้ใกล้เคียงไอดอล ของตัวเอง คนแรกฟิรเดาส์ ศรัทธายิ่ง ชื่อเดิมคือ ณัฐพล พุทธภาวนา หรือโต ซิลลี่ฟูล เขาเกิดในครอบครัวค่อนไปทางอิสระทางด้านความคิด แม่เป็นกวีพ่อเป็นหมอ อิทธิพลจากกวีและหนังสือของแม่จึงท�ำให้โต แสดงออกทางด้านการเขียนเพลงและแนวการร้องเพลงเฉพาะตัว ผมจ�ำ ได้ว่าสมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ขณะที่แนวเพลงป๊อปจ๋าก�ำลังครองตลาด เพลงในไทย แต่น้าโตออกอัลบั้มขัดหูเอามากๆ โดยเฉพาะแนวดนตรี

“ผู ้ ขั บ ล� ำ น� ำ ญิ ฮ าดหั น ไปร้ อ งเพลง ป๊ อ ป คนร้ อ งเพลงป๊ อ ปออกมา ญิฮาดผูใ้ ดจะปกป้องและเปลีย ่ นแปลง ได้ดีกว่านี้นอกจากอัลลอฮฺ โอ้ผู้เป็น เจ้าของแห่งการพลิกผันบรรดาหัวใจ โปรดพระองค์ทรงท�ำให้หวั ใจเรามัน ่ คง บนศาสนาของพระองค์ทา่ นด้วยเถิด” ที่เน้นไปทางกลิ่นอาย “เมทัลลิซึ่ม” ซ�้ำเนื้อหาการเขียนเพลงพลิกผัน หักมุมในหลายๆจุด แถมภาษาที่ใช้ทำ� ความเข้าใจยากขึ้นอีกด้วยเป็นตัว กระตุน้ ให้ผฟู้ งั เงีย่ หูฟงั มากขึน้ การฉีกแนวออกมาท�ำให้สงั คมเปลีย่ นแปลง ไปมากทีเดียว จากที่วัยรุ่นบางคนเคยฟังเพลงป๊อปซึ่งบางครั้งถ้ามองโดย รวมของเนื้อหาแทบไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น ไม่มีมุมมองอะไรใหม่ๆเลยแม้แต่ น้อย บางคนมีอัลบั้มซิลลี่ฟูลทุกอัลบั้ม และแกะคอร์ดกีตาร์แทบทุกเพลง เช่นกัน ความจริงเรื่องแนวเพลงไม่ค่อยเป็นจุดน่าสนใจอะไรส�ำหรับบาง คน แต่เนื้อหาจัดจ้านในยามที่เหมาะสม และอ่อนหวานแบบเดาไม่ถูก มากกว่า ทีท่ ำ� ให้ยนิ ดีซอื้ อัลบัม้ มาสะสมและตามไปในทุกๆคอนเสิรต์ ทีซ่ ลิ ลีฟ่ ลู แสดง วันนีน้ า้ โตหันหลังขวับให้กบั วงการเพลงพร้อมเปลีย่ นชือ่ สร้อย เป็นฟิรเดาส์ประกอบกับให้ทัศนะที่น่าสนใจและควรน�ำเป็นต้นแบบว่า “เพลงหรืออนาชีดถ้าส�ำคัญจริงๆนะ บรรดาซอฮาบะฮฺก็คงท�ำกันแล้วล่ะ เพราะซอฮาบะฮฺเป็นแบบอย่างของเรานี่ครับ” ผมทิ้งท้ายแบบนี้ล่ะกัน ส�ำหรับอดีตนักร้องผู้นี้ เพราะการตัดขาดจากวงการของเขาน�ำมาซึ่งการ 18

เผยแพร่สัจธรรม อย่างน้อยผู้ที่ก�ำลังมืดบอดมองไม่เห็นหนทางในการ กลับตัวกลับใจพวกเขาอาจจะมีก�ำลังใจขึ้นมาก็ได้ครับ ท่านทีส่ องรองลงมามีขา่ วอือ้ ฉาวในทีวแี ละสือ่ ต่างๆของอาหรับมาเมือ่ ต้นปีที่แล้วนี่เอง ถือว่าเป็นการพลิกผันแบบช็อควงการในระดับหนึ่งเลย ทีเดียว เมือ่ abu abdul malik ผูข้ บั ร้องล�ำน�ำแห่งวิถญ ี ฮิ าดประกาศผ่าน จับไมค์รอ้ งเพลง “ป๊อปรัก” กลิน่ อายแถบประเทศอ่าวเปอร์เซีย ใช้ภาษา อาหรับส�ำเนียงกลุม่ ประเทศอ่าวฯ ประเดิมออกอัลบัม้ “มูดาวีย”์ ดูโอกับ เพื่อนต่างอายุ และถือว่าเป็นขวัญใจสาวๆมากมายเช่นกัน ครั้งหนึ่งกลุ่ม สาวๆได้ให้ความเห็นในรายการหนึ่งว่า “เสียงของอบูอับดุลมาลิกหวาน มาก เขาน่าจะร้องเพลงแนวนี้มานานแล้ว เป็นเสียงที่กระชากหัวใจพวก เราให้ตกอยู่ในภวังค์ของเขาอย่างวิเศษจริงๆ” อบูอับดุลมาลิก หรือ มั๊วะห์ซิน ดุซรีย์ เป็นชาวซาอุฯเกิดและโตในกรุงริยาด อนาชีดญิฮาดที่ดัง และเป็นอมตะมากทีส่ ดุ คือ Sanakhud เป็นล�ำน�ำเพือ่ ชาวปาเลสไตน์และ ชาวมุสลิมทีถ่ กู กดขี่ นอกจากนีย้ งั มีอนาชีดทีร่ ว่ มร้องกับเพือ่ นๆท่านอืน่ ๆ และเป็นที่นิยมอีกมากมาย โดยร่วมร้องกับอบูอาลี, อัลรอยยาน, เช่น Ommati, Saya’tid dhiya, o7ebuk rabbi การเปลี่ยนแปลงของ อบูอับดุลมาลิกคือการเปลี่ยนแปลงจากอนาชีดสายญิฮาดที่ปราศจาก เสี ย งดนตรี ม าเป็ น เพลงพลอดรั ก ใส่ อ ารมณ์ โ ลภ โกรธ หลง เชิ ง เกี้ยวพาราสี หยอดส�ำนวนเจ้าชู้หวานๆให้สาวๆใจละลาย หรือบางเพลง เหมือนร่ายมนต์สะกด เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัวกันแน่ สาเหตุอะไรที่ท�ำให้ ผู ้ ขั บ ล� ำ น� ำ แด่ วี ร ชนในสมรภู มิ ญิ ฮ าดในเชเชน,อิ รั ก ,ปาเลสไตน์ , อัฟกานิสถาน,โซมาเลีย,เยเมน ถึงเปลี่ยนแปลงทัศนะคติมากมายเช่นนี้ “ผมต้องการเปลีย่ นแปลงการน�ำเสนอจากเดิมทีด่ อี ยูแ่ ล้วสูว่ ธิ กี ารทีด่ กี ว่า” อบูอับดุลมาลิกกล่าวให้ความเห็นหลังถูกยิงค�ำถาม นอกจากนี้เขายังให้ ความเห็นในรายการหนึ่งอีกว่า “ขึ้นชื่อว่าเพลงถ้าแต่งประโยคขึ้นมาเอง โดยคิดค�ำเรียงร้อยประโยคขึ้นมาจะเรียกว่าอนาชีดได้อย่างไร มันก็คือ เพลงทีไ่ ม่ได้ใส่ดนตรี แต่ผมมองเรือ่ งประโยชน์เป็นหลักถ้าร้องอนาชีดเป็น โทษผมเลือกร้องเพลงป๊อบเพราะท�ำให้ประโยชน์มากกว่า เนื้อหาที่เกิด ความรักมีประโยชน์แต่ถ้ามันเกิดน�ำพาไปสู่การซินาแล้วถามว่าค�ำหลาย ค�ำในอนาชีดที่เป็นค�ำบอกรักล่ะ คุณไม่คิดว่าจะไม่เกิดความรักระหว่าง ชายกับชายหรือเพศตรงข้ามหรอ” แฟนๆอนาชีดต่างออกมาให้ความเห็น มากมาย การวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าการขอดุอาอฺให้เขากลับ ตัวกลับใจ เนื่องจากบางคนตั้งข้อสังเกตุว่าภาวะแวดล้อมเป็นตัวบ่งชี้ถึง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างมาก ทั้งๆที่อบูอับดุลมาลิกเองเป็นคนหนุ่ม กลุ่มแรกๆของพวกเขาที่สื่อล�ำน�ำอนาชีดและน�ำพาสังคมวัยรุ่นในยุคนั้น ให้หันเข้าหาหลักการอิสลามได้อย่างเข้มแข็ง “อบูอับดุลมาลิกเป็นพี่ชาย ทีใ่ ห้คำ� ปรึกษาผ่านอนาชีดได้ดคี นหนึง่ ของผม เขาเคยปฏิเสธดนตรีแต่เขา เติมเต็มในงานของเขาด้วยลีลาทีส่ ละสลวยท�ำให้คนหนุม่ สาวอย่างเราเรียก คุณค่าของชีวติ กลับคืนมา ท�ำให้เราเตาบะฮฺพร้อมหลัง่ น�ำ้ ตาสะอืน้ มากนับ ไม่ถว้ น เราขอให้อลั ลอฮฺเปลีย่ นแปลงเขาอีกครัง้ หลังพระองค์ทรงทดสอบ เขา อามีน” ฏอล้าล วัยรุน่ ชาวซาอุฯคนหนึง่ กล่าว ครับ อามีนเช่นกันครับ คนสุดท้ายที่มีมุมกลับและช็อควงการเช่นกันก็คือ Fadl Shaker ผูข้ บั ขานเพลงอาราบิกป๊อปคลาสสิคอลมิวสิคหวานซึง้ เสียงคลอสัน่ ๆของ เขาท�ำให้แฟนเพลงบีบน�้ำตาได้ไม่ยาก ฟัฎลุน ชากิร เป็นอาหรับชาว เลบานอน เขายื น ยั น และประกาศชั ด เจนหั น หลั ง ให้ กั บ วงการเพลง


“ผมรู ้ สึ ก ว่ า ผมเหมื อ นเด็ ก น้อย ยามที่ผมยกมือขอพรต่อ พระองค์ แล้วพระองค์รับพรและ เปลี่ยนแปลงหัวใจผมให้สงบลง นี่เป็นการชะล้างหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ทีส ่ ด ุ มันเป็นชีว้ ด ั ว่าทีผ ่ า่ นมาผม ศรัทธาต่อพระองค์ แต่ผมใช้วิธี การที่ ไ ม่ อ นุ มั ติ ใ นศาสนาของ พระองค์เพื่อสื่อถึงพระองค์”

อาราบิกป๊อป เขายังย�้ำถึงจุดยืนในทัศนะ “ฮะรอม” ในเรื่องดนตรีดว้ ยว่า “ครั้งนั้นแนวคิดผมถูกตรึงกับดนตรี เสียงมันท�ำให้ผมนึกค�ำและประโยค ง่ายๆเพื่อหลอมรวมกับเสียงผม และถ่ายทอดให้ผู้คนเกิดความรัก แต่ ตอนนีผ้ มขอลาจากเสียงดนตรี เพราะมันซุม่ ซ่อนอารมณ์ทไี่ ม่เป็นทีอ่ นุมตั ิ ของพระผูเ้ ป็นเจ้า เสียงดนตรีมนั สร้างกิเลสและตัณหา น�ำมาซึง่ ความโกรธ หลง และลืมอัลลอฮฺ ซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่มีวิธีการสร้างที่ดีกว่านี้อีกเยอะ ผมถือว่าเครือ่ งดนตรีและเสียงของพวกมันฮะรอม และเป็นหน้าทีข่ องเรา ที่จะเลิกเสพมันและหันมาให้ความยิ่งใหญ่กับอิสลามที่แท้จริง เพราะ อิสลามยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้ดนตรี” ชากิรเข้ากับกลุ่มอะซาดุซซุนนะฮฺ ในเลบานอนเพื่อการต่อต้านรัฐบาลชีอะฮฺซีเรีย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเสียใจ อย่างมากต่อความไร้สาระของตัวเองในการละทิ้งพี่น้องของเขาให้เกิด ความหวาดกลัวและต้องยืนหยัดต่อสูก้ บั ศัตรู “ศิลปินยังคงมองไม่เห็น การ อธรรมของบัชชาร อัล อะซัด เสียงดนตรีท�ำให้ใจเราตายด้าน แทนที่มัน จะฮึกเหิม แต่น�ำมาซึ่งใจที่หลีกหนี ขี้ขลาด ต่อพวกพระเจ้าจอมปลอม”

จากนัน้ ชากิรให้มมุ มองทีส่ นในอย่างหนึง่ ก็คอื ถึงแม้เราจะพลาดพลัง้ เพียง ใดก็ตาม หากแต่หัวใจยังเรียกร้องการกลับไปหาพระเจ้าที่แท้จริง ความ ศรัทธาที่ไม่ได้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย วันแห่งความสงบสันติจะกลับ มาเหมือนเด็กเล็กๆทีไ่ ม่ได้ถกู แต่งแต้มสิง่ อืน่ ใดนอกจากความบริสทุ ธิข์ อง อิสลาม “ผมรู้สึกว่าผมเหมือนเด็กน้อย ยามที่ผมยกมือขอพรต่อพระองค์ แล้วพระองค์รับพรและเปลี่ยนแปลงหัวใจผมให้สงบลง นี่เป็นการชะล้าง หัวใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมันเป็นสิ่งชี้วัดว่าที่ผ่านมาผมศรัทธาต่อพระองค์ แต่ ผมใช้ วิ ธี ก ารที่ ไ ม่ อ นุ มั ติ ใ นศาสนาของพระองค์ เ พื่ อ สื่ อ ถึ ง พระองค์ ” ชากิรกล่าวทิง้ ท้าย ก่อนจบฉบับนีผ้ มขอตัง้ ข้อสังเกตให้รว่ มกันขบคิดด้วย กันนะครับ “ผู้ขับล�ำน�ำญิฮาดหันไปร้องเพลงป๊อป คนร้องเพลงป๊อปออก มาญิฮาด” ผูใ้ ดจะปกป้องและเปลีย่ นแปลงได้ดกี ว่านีน้ อกจากอัลลอฮฺ “โอ้ ผู้เป็นเจ้าของแห่งการพลิกผันบรรดาหัวใจ โปรดพระองค์ทรงท�ำให้หัวใจ เรามั่นคงบนศาสนาของพระองค์ท่านด้วยเถิด” อามีน

19


มูลนิธิศรัทธาชนฯ น�ำน�้ำใจจากพี่น้องกว่า 2 ล้าน สู่พี่น้องชาวโรฮิงญา

เมื่อวันที่ 16-23 มกราคมที่ผ่านมา คณะกรรมการมูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กก�ำพร้า ได้ลงพื้นที่น�ำเงินบริจาคที่พี่น้องผู้ศรัทธาบริจาคผ่าน ยาตีมทีวีกว่า 2,500,000 บาท น�ำความช่วยเหลือสู่พี่น้องชาวโรฮิงญาทางภาคใต้ของประเทศไทย และจังหวัดกาญจนบุรี และทางทีมงานได้เดินทางเข้า เยี่ยมพี่น้องชาวโรฮิงญาที่ สภ.บางกล�่ำ สภ.หาดใหญ่ สภ.สิงหนคร บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดปัตตานี บ้านเด็ก และครอบครัวจังหวัดนราธิวาส บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดพังงา ตม.สะเดา ตม.พังงา ตม.ระนอง ตม.ประจวบคีรีขันธ์ และได้น�ำน�้ำใจจากพี่น้อง ผู้ศรัทธาสู่พี่น้องชาวโรฮิงญา ดังนี้ มอบเงินปรับปรุงที่พักให้ชาวโรฮิงญาที่สถานีต�ำรวจภูธรบางกล�่ำผ่านท่านจุฬาราชมนตรี จ�ำนวน 300,000 บาท มอบเงิน 100,000 บาท ให้กับ คุณ อารีฟีน ท่อทิพย์ รองประธานกรรมการอิสลามจังหวัดพังงา เพื่อซื้อสิ่งของที่จ�ำเป็น มอบเงินช่วยโรฮิงยาผ่าน บังตุ๊แคมป์ช้างทวีชัย โดยทั้งนี้ได้ตั้งศูนย์ประสานงานที่เพื่อรับบริจาคและช่วยเหลือพี่น้องโรฮิงญา ศูนย์ประสานงานจังหวัดสงขลา ที่มัสยิดฮิดายะตุ้ลอิสลาม(โคกเมา) มูลนิธิอิสลามศึกษาเพื่อการพัฒนา ศูนย์ประสานงานจังหวัดพังงา มัสยิดนูรุ้ลฮุดา บ้านบ่อแสน ทับปุด และ บ้านหินลาด อ�ำเภอ คุระบุรี พี่น้องยังสามารถช่วยเหลือพี่น้องชาวโรฮิงญาผ่านทางมูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กก�ำพร้าได้โดยโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาลาดพร้าว 99 ชื่อบัญชี มูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กก�ำพร้า เลขที่ 181-3-09014-7 หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ 02-5303199

20


สมัคร หรือ ต่ออายุ สมาชิกยาตีมทีวีวันนี้ พร้อม รับสิทธิพิเศษ สิ ท ธิ พิ เ ศษส� ำ หรั บ สมาชิ ก เดิ ม หรือ ผู้ที่ประสงค์จะสมัครสมาชิก ใหม่ กับ ยาตีม วันนี้ พร้อมรับสิทธิ พิเศษมากมาย เช่น ส่วนลด 5-10% เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการ กับร้าน ค้าที่ร่วมรายการ, รับส่วนลด 5% เมื่ อ ซื้ อ สิ น ค้ า ยาตี ม และรั บ ของที่ ระลึ ก จากยาตี ม ที วี เมื่ อ ต่ อ อายุ สมาชิก เพียงเดือนละ 100 บาท หรือ ปีละ 1,200 บาท สนใจสมัครติดต่อ ได้ที่ 02-934-3160-2

ดาวเทียม THAICOM 5 C-Band ความถี่ 3585 V Symbol Rate : 30000 หรือดูออนไลน์ได้ที่ www.Yateem.tv

05

ท่ า นคื อ คนส� ำ คั ญ ที่ จ ะร่ ว ม สานฝันให้เด็กก�ำพร้า ร่วมสานฝันโดยบริจาคเงินเข้าบัญชี

ธนาคารกรุงเทพ สาขาลาดพร้าว 99 บัญชีกระแสรายวัน ชือ่ บัญชี มูลนิธศิ รัทธาชน เพือ่ การศึกษาและเด็กก�ำพร้า เลขทีบ่ ญ ั ชี 181-3-09014-7 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขา คลองตัน บัญชีกระแสรายวัน ชือ่ บัญชี มูลนิธิ ศรั ท ธาชน เพื่ อ การศึ ก ษาและเด็ ก ก� ำ พร้ า เลขที่บัญชี 001-6-00162-1 หรื อ ติ ด ต่ อ ส� ำ นั ก งานมู ล นิ ธิ ฯ 48/48 ซ.ลาดพร้ า ว 114 แขวงพลั บ พลา เขต วังทองหลาง กทม. 10310 โทรศัพท์ 02-934-3495 โทรสาร 02934-3496 อีเมล satthachon@hotmail.com เว็บไซต์ www.satthachon.org เฟซบุค www.facebook.com/satthachon 21


22


รับซื้อ

öºŒÒ¹ » ¤ÍѾ ´Ùö¶Ö§·Õ躌ҹ ติดตอ

แบยา

089-1279978

23


Health

สสม www.muslimthaihealth.com

น�้ำมันงา ประโยชน์และคุณค่า มากกว่าที่คุณเคยคิด คนโบราณนิยมใช้น�้ำมันงาในการรักษาตัวเองมาหลายพันปีแล้ว ทัง้ ในประเทศอินเดียและจีน ทัง้ นีเ้ พราะมีสรรพคุณต้านแบคทีเรีย เชือ้ รา และเชื้อไวรัสได้ สามารถช่วยลดการอักเสบ ท�ำให้หลอดเลือดแดงดีขึ้น ลดการอุดตันของหลอดเลือด อีกทั้งมีการวิจัยพบว่า กรด Linoleic ซึ่งเป็นกรดไขมันจ�ำเป็น ในน�้ำมันงา ประกอบกับมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถสกัดการเติบโตของเซลล์มะเร็งผิวหนัง มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ได้ดว้ ย เมือ่ เข้าสูห่ ลอดเลือดจะช่วยลดจ�ำนวน LDL ในหลอดเลือดซึง่ เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ LDL ย่อมาจากค�ำว่า Low Density Lipoprotein คือ ไขมันที่ ความหนาแน่นต�่ำ เป็นไขมันที่ท�ำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง LDL เป็นผู้ร้ายตัวจริง ยิ่งมีมากยิ่งก่อปัญหาเส้นเลือดอุดตัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้กลั้วคอ และบ้วนปากเพื่อลดเชื้อที่ท�ำให้ เหงือกอักเสบ เจ็บคอ และเชือ้ หวัด ทัง้ ยังใช้หยอดจมูก ประมาณ 1-2 หยด เพื่อรักษาไซนัส และทาผิวส�ำหรับผู้เป็นสะเก็ดเงิน หรือผิวแห้งได้ ประโยชน์ของน�้ำมันงายังไม่หมดเพียงเท่านี้ ว่ากันว่า ชาวทิเบตยังใช้ น�้ำมันงาหยอดจมูกข้างละ 1 หยด เพื่อช่วยให้นอนหลับ และลดความ กระวนกระวายได้ชะงักนัก แถมน�ำ้ มันงายังมีสรรพคุณช่วยในการระบาย อีกด้วย โดยจิบเพียง 1 ช้อนชาก่อนนอน ก็จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ได้ แต่ห้ามใช้ขณะท้องร่วงเด็ดขาด ในด้านความงาม น�้ำมันงา เมื่อใช้หมักผมจะช่วยป้องกันรังสียูวี ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นและหนังศรีษะไม่แห้ง หากทาผิวจะช่วยจับสารพิษ ชนิดละลายน�ำ้ พอล้างน�ำ้ หรืออาบน�ำ้ สารพิษเหล่านัน้ ก็จะหลุดไป ทีส่ ำ� คัญ ยังช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย และช่วยรักษารอยแผลเป็น เล็กๆน้อยๆได้ เมื่อผสมน�้ำช�ำระส่วนปกปิดจะช่วยป้องกันโรคติดเชื้อที่ท� ำให้เกิด อาการคัน (Vaginal yeast infections) และเนื่องจากน�้ำมันงามีสาร ที่ มี ผ ลคล้ า ยฮอร์ โ มนเพศหญิ ง จึ ง มี ผู ้ ใช้ ท าเฉพาะที่ เ พื่ อ ช่ ว ยลดการ เปลี่ยนแปลง เช่น การเกิดการบางตัวของผิวที่อาจท�ำให้มีอาการระคาย เคื อ งเมื่ อ ฮอร์ โ มนหญิ ง ลดลง ชาวอิ น เดี ย ใช้ ท าหน้ า ท้ อ งเมื่ อ ปวด ประจ�ำเดือน ส�ำหรับทารกน�้ำมันงาจะช่วยป้องกันการเกิดการระคาย เกิดผื่นแดง ที่ผิวจากปัสสาวะและความอับชื้น เมี่อใช้ทาผิวบริเวณจมูกและหู จะช่วย ป้ อ งกั น โรคผิ ว หนั ง ที่ อ าจเกิ ด บริ เวณเหล่ า นี้ ส� ำ หรั บ เด็ ก ที่ เ ป็ น หวั ด

สุขสาระ ปีที่ 9 ฉบับ 107 ประจ�ำเดือน พฤศจิกายน 2555

และติดหวัดบ่อย ใช้น�้ำมันงาเช็ดภายในผนังจมูกเล็กน้อยจะช่วยลดการ ติดเชื้อที่มาเข้าสู่ร่างกายได้ เห็นประโยชน์และสรรพคุณมากมายของน�้ำมันงาขนาดนี้เราคงต้อง ไปหามาทดลองใช้กันหน่อย แต่การเลือกซื้อจะต้องค�ำนึงถึงประโยชน์ ในการใช้สอยเป็นหลัก โดยขอแนะน�ำชนิดและวิธีการใช้น�้ำมันงา ดังนี้ 1. น�้ำมันงาที่ผ่านกระบวนการบีบเย็น คือ น�้ำมันงาที่บริสุทธิ์ไม่ผ่าน การฟอกสี และการต้มกลั่น แต่จะน�ำเมล็ดงามาบีบคั้นที่อุณหภูมิต�่ำกว่า 45 องศาเซลเซียส จึงคงคุณค่าสารอาหารไว้ครบถ้วน จะมีสเี หลืองใส กลิน่ อ่อนๆ เหมาะส�ำหรับการปรุงอาหารทีไ่ ม่ตอ้ งใช้ความร้อน หรือใส่ในอาหาร ที่ปรุงเสร็จแล้ว 2. น�้ำมันงาที่ผ่านกระบวนการบีบร้อน คือ การคั้นน�้ำมันงาจากเมล็ด ด้วยการบีบหรือหีบ เพือ่ ให้ได้นำ�้ มันงาออกมา แต่จะต้องน�ำเมล็ดงาไปคัว่ ให้ได้ที่ก่อน แล้วจึงน�ำมาบดหรือหีบ ซึ่งน�้ำมันงาที่ได้นี้จะมีกลิ่นหอมกว่า แต่อาจจะเสียคุณค่าสารอาหารบางชนิดไป จากกระบวนการผ่านความ ร้อน เหมาะส�ำหรับการใช้ปรุงอาหารที่ต้องผ่านความร้อน ซึ่งจะช่วยให้ อาหารมีกลิ่นหอม และสามารถเก็บไว้ได้นานไม่เหม็นหืนง่าย วิธีการปรุงอาหารด้วยน�้ำมันงาให้อร่อยนั้นไม่ยาก เราขอแนะน�ำเมนู ต่อไปนี้ 1. หุงข้าวผสมน�้ำมันงา โดยการเติมน�้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ ลงในข้าวที่ เริม่ หุง จากนัน้ ก็หงุ ข้าวตามปกติจะได้ขา้ วทีห่ อม นุม่ อร่อย และไม่บดู ง่าย 2. ดับกลิ่นคาวปลา ด้วยการหมักเนื้อปลาหรืออาหารทะเลกับน�้ำมัน งาก่อนน�ำไปปรุงอาหาร 3. ใส่ในอาหารจานผัด ไม่ว่าจะเป็น ผัดผัก ผัดเต้าหู้ หรือผัดอื่นๆ 4. ผสมเป็นน�้ำจิ้มสุกี้ หรือจะท�ำเป็นน�้ำสลัดก็ได้

24

แหล่งที่มา www.asamedia.org www.thaihealthonline.com www.thaieditorial.com www.vibhavadi.com


HELTH

25


Memories

อาฎิล ศิริพัธนะ facebook.com/ asiripatana

“เฮ้ย ไอเปี๊ยก ! ออตโตมัน หาย !” อีกสองวัน ผมก็จะออกเดินทางสู่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ครั้งนี้เป็นการเดินทางเพื่อถ่ายท�ำ สารคดีท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์กับเพื่อนๆ มุสลิมคนรุน่ ใหม่ ส�ำหรับผมแล้ว ตุรกีเป็นเหมือน กับต้นธารของสายตระกูล เราสืบเชือ้ สายมาจาก ทหารออตโตมันอพยพ ที่มาตั้งรกรากอยู่ใน จังหวัดนครศรีธรรรมราช คุณพ่อของผมยังคง ลักษณะของเติร์ก-จีน อย่างชัดเจน ส่วนผมได้ รั บ เชื้ อ สายมลายู ผ สมมาเยอะพอสมควร ตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ผมจะได้ยินพ่อของผมพูดถึง ประเทศตุรกี และอาณาจักรออตโตมันบ่อยมาก ตอนนัน้ พวกเราแซวกันว่า คุณพ่อบ้าเห่อเชือ้ สาย เติร์ก แต่จริงๆแล้วคุณพ่อของผมเห็นศักยภาพ ที่ซ่อนไว้ของประเทศอย่างตุรกีมานานมากแล้ว ส่วนผมเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก รู้แค่ว่าประเทศ ตุรกีวิวสวย อย่างไรก็ตามลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ในที่สุดผมก็ต้องรู้จักออตโตมันมากขึ้นจนได้ การเดินทางครั้งนี้ ท�ำให้ผมนึกย้อนไปสมัย มัธยม ตอนนั้น ม.6 ผมมีเพื่อนสนิทชื่อเปี๊ยก เราค่ อ นข้ า งจะไปไหนมาไหนด้ ว ยกั น ตลอด ช่ ว งเย็ น ๆ ผมไม่ มี อ ะไรท� ำ ก็ จ ะแวะไปหอ ข้างโรงเรียนที่เปี๊ยกเช่าอยู่ เล่นหมากรุกบ้าง อ่านการ์ตูนบ้างตามประสา เปี๊ยกกับผมเข้ากัน ได้เป็นอย่างดี เพราะนิสัยสนใจเหมือนกันๆ ไม่ชอบพูดในประเด็นไร้สาระ เราจึงแลกเปลีย่ น ความคิดกันเสมอ และการถกกันในประเด็น ต่างๆทุกครั้ง ผมกับเปี๊ยกก็จะตกผลึกความคิด ใหม่ๆไปอีกขึ้นหนึ่ง มีครั้งหนึ่ง ผมจ�ำได้ดีมาก ตามปกติแล้ว ผมจะเป็นเด็กขี้เกียจเรียน และ เบื่อการเรียนในห้อง แต่ช่วงนั้นมีสอบหรือยังไง ไม่ทราบ ผมหยิบเอกสารสังคมศึกษาขึ้นมาอ่าน จะมีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์โลก ผมก็ อ่านไปเรื่อยๆจนจบ และสังเกตพบสิ่งผิดปกติ บางอย่าง ผมอ่านไป อาณาจักรกรีก โรมัน เปอร์เซีย โรมันตะวันออก การล่มสลายของ กรุงคอนสแตนติโนเปิล ยุคเรโนซองค์ ยุคปฎิวัติ อุตสาหกรรม “เฮ้ย ! เปี๊ยก ! อาณาจักรออตโต มันมันหายไปไหน” เปี๊ยกหันมาถามว่าอะไร ? ผมก็ เ ลยรี บ บอกไปว่ า “ดู นี่ สิ ! ยุ ค ระหว่ า ง อาณาจั ก รคอนสแตนติ โ นเปิ ล ล่ ม สลายกั บ ยุ ค เร โ น ซ อ ง ค ์ มั น ห ่ า ง กั น ตั้ ง 8 0 0 ป ี แปดร้อยปีนมี้ นั หายไปไหนวะ! เย็บชีทมาไม่ครบ

รึป่าว?” เราก็หากันใหญ่ และพบว่าเอกสารมัน มี แ ค่ นั้ น จริ ง ๆ เปี ๊ ย กมั น ก็ ง งๆ แต่ เราก็ เช็ ค timeline ตามทีเ่ อกสารระบุไว้ และพบว่าหมวด สังคมตัดประวัติศาสตร์ 800 ปีนี้ทิ้งออกจาก หลักสูตรจริงๆ เรือ่ งนีถ้ อื เป็นประด็นมากส�ำหรับเราสองคน เพราะมีบางอย่างผิดปกติ ไม่โปร่งใส ส�ำหรับผม เด็กมุสลิมที่สับสนในชีวิต และเปี๊ยก เด็กพุทธที่ ใช้ ชี วิ ต ตามกระแส หลั ง จากนั้ น ผมจ� ำ ได้ ว ่ า เรานั่งถกกัน ผมก็เล่าประวัติศาสตร์หลังจาก คอนสแตนติโนเปิลถูกพิชติ โดย สุลต่านมูฮมั หมัด อัล-ฟาติหฺ ที่ถูกท�ำนายไว้ในค�ำภีร์อัลกุรอ่าน และกรุงคอนสแตนติโนเปิลซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อ เป็นอิสตันบูล ให้เปี๊ยกฟัง ขยายความไปถึง golden age ของโลกมุสลิม และอาณาจักร ออตโตมันที่ถือเป็นศูนย์กลางของโลกอยู่เกือบ 800 ปี เปี ๊ ย กที่ ยั ง งงๆก็ ไ ม่ พู ด อะไรมาก แค่ยอมรับประมาณว่า “เออ จริงด้วย” ในวัย 17 และ 18 ปี ของผมและเปี๊ยก จุดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ส�ำคัญ ในส่วนตัวผม ทราบข้อมูลมาตั้งแต่เด็กในเรื่องประวัติศาสตร์ ของผู ้ ช นะ รู ้ ม าคร่ า วๆว่ า ไม่ ว ่ า จะอย่ า งไร สื่อตะวันตกในยุคปัจจุบันก็จะพยายามปิดกั้น ประวั ติ ศ าสตร์ อิ ส ลามให้ อ อกสู ่ ส าธารณชน ได้น้อยที่สุด และไม่แปลกใจที่พบว่า หลักสูตร สังคมศึกษาของประเทศไทย จะมองข้ามตรงนี้ ไป เพราะประเทศไทยรั บ แต่ สื่ อ ตะวั น ตก มาหลายชั่วอายุคนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันโจ่งแจ้ง มาก ผมตระหนักในทันทีว่าโลกนี้สองขั้วจริงๆ ที่ ส� ำ คั ญ ผมเองอยู ่ ใ นกลุ ่ ม ของผู ้ แ พ้ ท าง ประวัตศิ าสตร์ มันตระหนักให้ผมหันกลับมามอง อั ต ลั ก ษณ์ แ ละที่ ม าของตนเองอย่ า งจริ ง จั ง เป็ น การตอกย�้ ำ ถึ ง ความจริ ง ว่ า อารยธรรม อิสลาม แค่กำ� ลังถูกกดให้เงียบเท่านัน้ แต่สักวัน มันจะหวนกลับมาใหม่ และหลักฐานที่ชัดเจน ของการกลับมาส�ำหรับอารยธรรมอิสลาม ก็คือ การที่ เริ่ ม มี เ ด็ ก ๆรุ ่ น ใหม่ อ ย่ า งผมและเปี ๊ ย ก ที่จับได้ถึงความผิดปกติของโลกยุคนี้ ส� ำ หรั บ เปี ๊ ย กผมคิ ด ว่ า นี้ ค งเป็ น การเปิ ด โลกทัศน์ ว่าความเป็นจริงไม่ได้มีแต่ในกระแส หลัก เปี๊ยกคงเริ่มเห็นความเป็นจริงว่าโลกนี้มี 26

การต่อสู้ระหว่างสองขั้วใหญ่อยู่เบื้องหลัง และ ผลของการต่อสู้นั้นได้แทรกแซงเข้ามาแม้แต่ ประเทศไทย และได้แอบซ่อนความเป็นจริง หลายอย่างไม่ให้ตนรับรู้ หลังจากนั้น ชีวิตผมและเปี๊ยกก็ด�ำเนินต่อ ไป เราเข้ามหาวิทยาลัย ผมชวนเปี๊ยกมาเรียน ด้วยกัน เปี๊ยกเองก็ตัดสินใจไม่เรียนหมอ เพราะ ไม่ได้ชอบ และอยากมองหาค�ำตอบใหม่ๆให้กับ ชีวติ ชีวติ มหาลัยอันแสนสับสนล้มลุกคลุกคลาน ทุกๆครั้งที่เราทานข้าว ทุกๆครั้งที่ไปเที่ยว ทุกๆ ครัง้ ทีไ่ ปอ่านหนังสือ ทุกๆครัง้ ทีเ่ ราคนใดคนหนึง่ จีบหญิงไม่ติด ด้วยเหตุผลบางประการ ทั้งๆที่ ผมเองไม่ได้มีเจตนาชัดเจนที่จะชวนเพื่อนมา เป็นมุสลิม แต่สุดท้าย เราก็มักจะถกกันไปถึง แก่นวิธีคิดและวกเข้าสู่อิสลามเสมอ อยู่มาวัน หนึ่ง ขณะที่ผมก�ำลังขี่มอเตอร์ไซค์ โดยมีเปี๊ยก ซ้อนท้าย มันก็เอ่ยขึ้นมาว่า “กูอยากเป็นมุสลิม แล้ว ไม่รู้จะต้องรออะไรอีก “การสรรเสริญทั้ง มวลเป็ น ของอั ล ลอฮฺ นั่ น ถื อ เป็ น จุ ด เริ่ ม ต้ น การเดินทางในเส้นทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าของ เปี๊ยกจนถึงปัจจุบัน บางอย่ า งในชี วิ ต ของเรามั น ดู เ หมื อ นจะ ยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบซะเหลือเกิน แต่บางอย่าง มั น ก็ เ ป็ น ลิ ขิ ต ที่ เ ห็ น เส้ น ทางได้ อ ย่ า งชั ด เจน เช่นเดียวกัน ผมและเปี๊ยก เกิดมาถูกที่ถูกเวลา ถูกสิ่งแวดล้อม หากเปี๊ยกไม่ใช่คนดีที่มีจิตใจ เปิดกว้างและใจเย็น ปรากฎการณ์แห่งทางน�ำ อาจจะไม่เกิดขึ้น พอๆกัน ถ้าหากผมไม่ใช่คน บ้าบิ่น และซื่อบื้อเพียงพอจะคุยอย่างเปิดเผย เกีย่ วกับอิสลามกับเพือ่ นต่างศาสนิก ผมคงไม่ได้ เรียนรู้ไปพร้อมๆกับเปี๊ยก และในวันนี้ เปีย๊ กหรือเฟาซีอสิ ลาม ผม และ เพื่อนๆผู้ร่วมอุดมการณ์อีกหลายชีวิต ก�ำลังจะ ออกเดิ น ทางสู ่ เ มื อ งแห่ ง ลิ ขิ ต อาณาจั ก ร ออตโตมัน ทีส่ ญ ู หายไปจากหมวดสังคมเป็นเวลา กว่า 800 ปี -Adil Effendi Al-Rifai 22/01/2013


หลักกิโลเมตรที่ศูนย์

อับดุรเราะฮหมาน มูเก็ม

ดื่มสักจอกเถิด “สหาย” อากาศหนาวในเมืองเล็ก ๆ ของอินเดีย ได้พราก ผู้คนไปปีละไม่ต�่ำกว่า ๑๐๐ คน ความหนาวได้เล็ดลอด ผ่านตึกรามบ้านช่องและได้ใช้อาคารสถานเป็นแหล่ง กบดาน กระทั่งคอยออกอาละวาดเมื่อได้เวลาประจวบ เหมาะ บางทีความหนาวก็ส�ำแดงฤทธิ์ออกมาผ่านม่าน หมอกที่ท�ำให้เมืองกลับมืดมิดไปในชั่วพริบตา การเดิน ทางต้องล่าช้า และร้านรวงเปิดท�ำการช้ากว่าปกติ หน�ำซ�้ำการเข้าห้องของนักเรียนในอินเดีย ต้องหยุด ชะงักลง บางพื้นที่ใช้ฤดูหนาวเป็นเทศกาลปิดภาคเรียน ผู้คนเกือบทั้งเมืองต้องอพยพลงมาเสี่ยงโชคและสู้กับ ชะตากรรมเพื่อความอยู่รอด

ไปไหน นับเป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ผมได้พบเจอ และกล่าวกับตัวเองอย่างไม่หลบตาว่า “ประเทศไทยที่ เราถือก�ำเนิดนับเป็นประเทศที่ดีที่สุดแล้ว” เราไม่ต้อง อพยพช่วงหนาว ทนม่านหมอกและถูกขับไล่ดว้ ยลมร้อน แห่งฤดูกาล ผมอาจจะสรุปได้อย่างเห็นแก่ตวั และเอาตัว เองเป็นมาตรฐานเพราะ “บ้านเราไม่เคยหนาวขนาดนี้ (ประมาณ 7 องศาเซลเซียส กระทัง่ -45 องศาเซลเซียส) และร้อนมากไปกว่านี้ 40 – 50 องศาเซลเซียสอย่างที่ ประเทศอินเดียเป็น”

สรุปได้ นั่นก็คือ “ศิลปะการชงชานับเป็นศาสตร์แขนง หนึ่งที่จ�ำเป็นอย่างยิ่ง หากไร้การเข้าถึงศาสตร์และศิลป์ แขนงนี้ ก็อย่าริอาจเดินบนหนทางสายนี้อย่างเด็ดขาด เอาเข้าจริง ท�ำได้กบั ท�ำเป็นต่างกันก็เพราะ ศิลป์มนี ยั ยะ ไปถึงความช�ำนาญการทางด้านวิชาชีพนั่นเอง”

ชากลายเป็นชีวติ และจิตใจของชาวอินเดียไปอย่าง ไม่ตอ้ งลังเล กระทัง่ เวลานี้ ผมยังต้องร่อนเร่ในยามค�ำ่ คืน เพื่อตะลอนหาชา ปกติการดื่มชาที่ต้มด้วยส่วนผสมนั่น ก็คือ นมสด ชา น�้ำตาลและน�้ำ นับเป็นอาหารยอดนิยม วันละไม่น้อยกว่า 4 แก้ว / วัน ทว่าเมื่อลมหนาวพัด ผ่านมา ชามีอทิ ธิพลมากกว่าน�ำ้ ดืม่ ปกติสำ� หรับผูค้ น ผม มักดื่มชาวันละมากกว่า 10 แก้ว กระนั้นเพื่อประทัง ผู้คนจากเมืองเหล่านั้นต้องลากสังขารออกมา เพื่อ เรือนร่างที่หนาวสั่นและผิวหนังที่ปริแตก ความอยูร่ อด ไม่ตา่ งกับชายหนุม่ ในแคชเมียร์ตอ้ งดิน้ รน ยามว่างของผมเกือบจะทุกวัน มักหมดไปกับร้าน เพื่อแลกกับรายได้ในยามหนาวด้วยการเหมารถเร็กชอ น�้ำชาริมทาง เพื่อดื่มด�่ำกับชีวิตผู้คนที่ก�ำลังนั่งรถและ ปั่นขายพรหม และผ้าชอปัชมีนา ในพื้นที่อื่น ๆ สัญจรไปมา ความสุขที่ได้มอง ความอิ่มหน�ำที่ได้ขบคิด

อย่างตวงอย่างพอดี ผสมอย่างกลมกล่อม ใช้เวลาพอ ประมาณ สิ่งท้ายสุดที่ผมพยายามนึกนั่นก็คือ นมสดที่ ใช้ต้ม เมื่อผมเปิดหม้อนมสด ผมพอจะสรุปได้ว่า “นม สดผสมน�้ำมากกว่าครึ่ง”

ห้วงยามนี้เมืองที่ร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายน – กรกฏาคม ได้เปลี่ยนผ่านเป็นเมืองความหนาว อากาศ หนาวได้เริม่ ออกอาละวาดไปทัว่ อาณาและทุกอณู เมือง ชิมลา(Shimla)และมานาลี (Manali) กลายเป็นที่ท่อง เที่ยวยามหนาวเพื่อให้แต่ละคนได้เดินเวียนมาชื่นชม หิมะ เมืองดราส (Dras) นับเป็นเมืองที่หนาวตลอดปี มีความสูงจากระดับน�้ำทะเลถึง 3,230 เมตร อากาศ หนาวแบบปกติ -22 และอากาศหนาวสูงสุดทีเ่ มืองดราส ได้ท�ำไว้ นั่นก็คือ -45 ได้กลายเป็นเมืองที่หนาวเป็น อันดับหนึ่งของประเทศอินเดีย

ผมได้เดินทางสู่เมืองดราสในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2012 อากาศประมาณ 5 กระทั่ง -5 องศาเซลเซียส กระโจมกลางทะเลทรายและสายน�้ำได้วางอยู่มากมาย ผมเดินทางออกจากแคชเมียร์(Kashmir) ตั้งแต่เช้ามืด ของวันนั้น กระทั่งรถโดยสารประจ�ำทางได้แวะพักที่ เมื อ งดราสเพื่ อ ตรวจหนั ง สื อ เดิ น ทางของผมและลง บันทึกด่านระหว่างเมือง พร้อมหยุดทานอาหารระหว่าง ทาง เมื อ งดราสเป็ น ประตู สู ่ เ มื อ งเละของลั ด ดาห์ ก (Leh,Ladahk) อาหารที่ผมได้ดื่มกินระหว่างทางแม้จะ สุกใหม่จากเตาไฟ เมือ่ บรรจุในภาชนะของผมไม่ตา่ งจาก อาหารแช่แข็งที่เย็นยะเยือก ผู ้ ค นในเมื อ งนี้ ใช้ ชี วิ ต ท่ า มกลางความหนาว ตลอดปี หน�ำซ�ำ้ เด็กนักเรียนทุกคนต้องออกจากบ้านไป โรงเรียนที่ไกลออกไปกว่า 2 กิโลเมตร เดินลัดเลียบ สายน�้ำและขุนเขา เดินลัดเลาะผ่านยอดเขาสูง สองข้าง ทางผมเห็นนักเรียนเดินอย่างพลุกพล่าน ทุกคนต้องมี เสื้อกันหนาวและโลชั่นเพื่อทาผิว กระนั้นสองแก้มของ พวกเขาแดงปลั่งและผิวแตกบอกถึงรอยแห่งลมหนาว พัดมาเยือน โลชั่นเป็นสิ่งที่จ�ำเป็นส�ำหรับเด็กมากกว่าอุปกรณ์ การเรียน ต่างคนพกมันติดตัวไม่ว่าเขาจะออกเดินทาง

ผมได้ซื้อชาและแบ่งชาจากประเทศไทยส่วนหนึ่ง ที่ผมพอจะมี อย่างน้อยมันช่วยเรื่องรสชาติและความ กลมกล่อมที่สามารถเรียกศรัทธาลูกค้ากลับมา น�้ำตาล พอเหมาะสม นมสดพอได้ที่ วางบนเตาไฟพอประมาณ ตลอดระยะเวลาเดินทาง อาหารมือ้ ส�ำคัญทีส่ ดุ และ เพื่อให้เมล็ดชาแตก ไฟพออุ่น ๆ ทุกกระบวนท่าล้วนมา พอจะทะนุถนอมความหวังอันอิดโรยระหว่างทาง นั่นก็ จากความตัง้ ใจในการกูว้ กิ ฤติกลับมา ทว่า ชาเริม่ ชงและ คือ “การดื่มชา” แม้กระทั่งกองทัพที่วางกองก�ำลัง เสิรฟ์ ให้กบั มวลมิตรสหาย เสียงเดียวทีต่ อบกลับมา นัน่ เรียงรายบนภูเขาสูงกว่าระดับน�้ำทะเลมากกว่า 3,000 ก็คือ “น�้ำล้างแก้ว” ดีดีนี่เอง เมตร ก็ยังมีอุปกรณ์ส�ำหรับชงชา สติของผมพอที่จะเรียกกลับมา ชา ไฟ น�้ำตาล ทุก

ความอิ่มเอิบที่ได้ตระหนัก และความพออกพอใจที่ได้ สู ด กลิ่ น สั ง คมแห่ ง ความวุ ่ น วายแบบลงตั ว ที่ ก� ำ ลั ง พัดผ่านไป

เพื่อนชาวอินเดีย หันมาเปิดร้านชาเพื่อเสี่ยงดวง อย่างน้อยอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้คนในย่านนี้ เมื่ อ เผชิ ญ กั บ ความหนาว เมื อ งอาลี กั ร กลายเป็ น ที่ พักผ่อนและแหล่งกบดานในช่วงหนาวของผู้ชาชินกับ การเดินทางมานับครั้งไม่ถ้วน อาลีกัรหนาวประมาณ 1 – 8 องศาเซลเซียส อย่างน้อยทีแ่ ห่งนีห้ นาวกว่าสถาน ทีท่ ผี่ มได้กล่าวมาข้างต้นและไม่จำ� เป็นทีผ่ มต้องไปเผชิญ ความหนาวที่ว่านั้น เมื่อมันไม่ใช่เหตุจ�ำเป็น

แม้เราจะใช้เวลาเพื่อหาทางออก ปรับสูตรเพื่อหา ทางไป เติมเชื้อไฟเพื่อให้กลมกล่อม ใส่น�้ำตาลเพื่อเติม เต็มรสชาติ กระนั้นก็ไร้ความหมาย เพราะทั้งหมด เหล่านี้ คือ กระบวนการถัดไป ทว่า กระบวนการแรก นั่นก็คือ นมสด แม้กระทั่งการปรุงอาหาร งานเล็ก ๆ ที่อาจจะดู ไร้ค่า เมื่อใส่หัวใจเข้าไปและมันสามารถสร้างรอยยิ้มให้ กับผู้คนได้ นั่นแหละคือ ศิลป์ที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้ ผู้คน บนหนทางสายนี้คือ “ศิลปินโดยแท้” อย่าพยายามปรับทีป่ ลายแถวให้ตรง เมือ่ แถวมันเฉ และบิดเบีย้ วมาตัง้ แต่ตน้ กระดุมเม็ดสุดท้ายอาจวางผิด ที่เพียงเพราะเม็ดแรกผิดแปลก ถึงขั้นนี้ ผมพอจะ หลั บ ตาและส� ำ นึ ก ได้ อ ย่ า งหนึ่ ง นั่ น ก็ คื อ สถาบั น ครอบครัว หากขาดพร่อง ไฉนเลยอาศัยสถาบันอื่นเพื่อ เปลีย่ นคนในครอบครัว เมือ่ ครูทที่ รงพลังคนแรกของเด็ก นั่นคือ แม่ของตัวเอง

อย่าหวังเปลีย่ นเด็กให้เป็นคนดีหรือฝันอย่างเปลือย เปล่า ด้วยเหตุเพราะโรงเรียน สถานศึกษา หรือกระทั่ง ร้านน�้ำชาเริ่มเปิดอย่างเป็นล�่ำเป็นสัน ซัดดัมและ ผู้คนรอบข้าง เพราะวิธีการเหล่านี้นับเป็นการเสี่ยงมาก มุกตาร สองพ่อลูกหันมาเอาดีทางด้านการบริการน�ำ้ ชา ทีส่ ดุ เมือ่ คนต้นแบบของเด็กเหล่านัน้ กลับไร้จติ วิญญาณ ให้กับผู้คน เพื่อนคนไทยหลายคนได้เข้าไปอุดหนุนบ่อย แห่งผู้น�ำและห่างไกลจากวิถีแบบอย่างที่ดี ครัง้ เพราะความสนิทสนมและคุน้ ชิน และทัง้ หมดได้พดู ไม่ใช่เพราะ น�้ำตาล ชา หรือ ไฟ ทว่า คือ นมสด เป็นเสียงเดียวกันว่า “น�ำ้ ชารสชาติ ไม่คอ่ ยถูกปาก” หลัง ดี ๆ นี เ่ อง จึงไม่แปลกทีร่ สชาติชาของซัดดัมและมุกตาร จากนั้นลูกค้าเริ่มหายไปทีละคนสองคน ยังเหมือนเดิม อย่างหนึ่งที่ผมพอจะกู้สถานการณ์แบบนี้ไว้ นั่นก็ คือ “การสอนวิธีการชงชาและผสมชาอย่างลงตัวเพื่อ เรี ย กศรั ท ธาของลู ก ค้ า กลั บ มา” อย่ า งหนึ่ ง ที่ ผ มพอ 27


28


29


The Strangers

ummah islam facebook.com/Ummahfityah

ในอี ก ฝ่ า ยหนึ่ ง ผู ้ เ ชี่ ย วชาญเรื่ อ งอิ ส ลาม อินโดนีเซีย เช่น ดร. Robin Bush ผู้อ�ำนวยการของ โครงการอิสลามและประชาสังคมแห่งมูลนิธิเอเชีย (The Asia Foundation) ณ กรุงจาการ์ตา เกือบ จะมั่ น ใจว่ า ผู ้ น� ำ ของพรรคจะยั ง ด� ำ รงความเป็ น ปฏิบัตินิยม แม้ภายหลังชัยชนะการเลือกตั้ง “PKS นั้นน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง...ผมคิดว่า พวกเขา คืออนาคตของอินโดนีเซีย พวกเขาบอกว่า ในปี 2012 พวกเขาคิ ด ว่ า จะได้ ค รองต� ำ แหน่ ง ประธานาธิบดี ไม่ว่าพวกเขาจะไปถึงเป้านั้นได้หรือ ไม่ก็ตาม ผมคิดว่า พวกเขาจะเป็นกระแสการเมือง ที่มีพลังเพิ่มขึ้นในอินโดนีเซีย ค�ำถามที่อยู่ในใจของ ทุกคน คือ จะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่พวกเขาได้ ครองอ�ำนาจ ด้วยค�ำถามนี้ ผมได้คุยกับสมาชิก PKS ที่มีฐาน ในชุมชน และในระดับอ�ำเภอ คนพวกนี้ต่างออกไป พวกเขาเป็นคน PKS ที่ยึดมั่นกับ Shariah แต่ผม สัมผัสรูว้ า่ ผูน้ ำ� ในระดับสูงมีความจริงใจ เมือ่ เขาพูด ว่า ใช่ เขาเป็นมุสลิมทีด่ ี วัตถุประสงค์สงู สุดของพวก เขาจะต้องเป็น Shariah แต่พวกเขายังไม่พร้อมทีจ่ ะ ท�ำอย่างนั้น นั่นไม่ใช่หนทางที่เขาก�ำลังมุ่งไป พวก เขาเห็นว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นกลไก ที่พวกเขาต้องการใช้เพื่อให้บรรลุเป็าหมายของ พวกเขา นโยบายของ PKS ขณะนี้ คือ การขจัดคอรัปชัน่ ไม่เพียงแต่พรรคจะสนับสนุนรัฐบาลในการก�ำจัด คอรัปชั่น PKS ยังคาดหวังที่จะท�ำให้ส�ำเร็จในสิ่งที่ พรรคอืน่ ๆ ล้มเหลว นัน่ คือ การตรวจสอบผูน้ ำ� พรรค ของตนเองว่าจะต้องเป็นบุคคลที่อุทิศตัว ประวัติไม่ ด่างพร้อย เดินตามค�ำพูดของตัวเองและปฏิบตั ติ าม สิ่งที่ตนได้พร�่ำสอน นโยบายเช่นนี้ ได้ถูกแสดงออก หลังจากการแต่งตัง้ เมือ่ ประธานสภา (Hidayat Nur Wahid) ปฏิเสธสิทธิพิเศษ เช่น รถหรูที่สั่งจากต่าง ประเทศและห้องพักสูทหรูในโรงแรม... นี่คือพรรคการเมืองที่ไม่เหมือนกับพรรคอื่นๆ ในอินโดนีเซีย พรรคนี้ได้ตอบสนองความต้องการ ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง และเปิดกว้างต่อ ความคิ ด ที่ จ ะตี ค วามหมายใหม่ ใ นวั ต รปฏิ บั ติ ที่ยึดถือกันมานานว่าเป็นวิถีอิสลาม เพราะว่ามันไม่ ได้ท�ำให้ชีวิตชาวมุสลิมดีขึ้น และในประเทศที่มี ประชากรมุสลิมมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก และ เกือบครึง่ หนึง่ มีชวี ติ ทีย่ ากจนข้นแค้นในระดับต่างๆ กั น อิ ส ลามจะต้ อ งเล่ น บทส� ำ คั ญ ในการตั ด สิ น ชะตากรรมของประชาชนและของชาติ นอกจากนี้ พรรคได้แสดงถึงความมีวินัย ดังปรากฏในการเดิน ขบวนประท้ ว งใหญ่ ห ลายครั้ ง ที่ เ ป็ น ไปอย่ า งมี ระเบียบและสันติ เช่น ในการประท้วงต่อสหรัฐฯ หลายๆ ครั้งที่พรรคและสมาชิกได้จัดขึ้น”

Hidayat Nur Wahid นักการเมืองสายอิสลามแห่งอินโดนีเซีย

เคยได้ ฟ ั ง อาจารย์ บ รรยายพาดพิ ง ถึ ง พรรคการเมื อ งแนวอิ ส ลามที่ มี ค วามใกล้ ชิ ด กั บ Muslim Brotherhood ในอินโดนีเซีย อยู่หลาย ครั้งว่า มีบทบาทส�ำคัญมากท�ำให้เกิดความสนใจ ก็เลยไปหาข้อมูลดู พรรคนี้ชื่อว่า Partai Keadilan Sejahtera มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Prosperous Justice Party คงแปลไทยได้ว่า พรรคยุติธรรม รุ่งเรือง บุคคลทีม่ อี ทิ ธิพลต่อพรรค และเคยเป็นหัวหน้า พรรค ชื่อว่า Hidayat Nur Wahid ท่านเกิดเมื่อ วันที่ 8 มีนาคม 1960 (วัย 51 ปี) ที่ Klaten ชวากลาง ท่านจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัย อิสลามแห่งมะดีนะฮฺ คณะดะอฺวะฮฺและอุศูลุดดีน ปี 1983 ปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยอิสลาม แห่งมะดีนะฮฺ สาขาอะกีดะฮฺ ปี 1987 ปริญญาเอก จากมหาวิ ท ยาลั ย อิ ส ลามแห่ ง มะดี น ะฮฺ คณะ ดะอฺวะฮฺและอุศูลุดดีน ด้านอะกีดะฮฺ ปี 1992 ท่าน จึงเป็นอุละมาอ์ที่หันมาท�ำงานการเมือง เป็นเคส พิเศษจริง ๆ ในการเมืองอินโดนีเซีย งานวิชาการของท่านมีมากมาย ทั้งที่เขียนเอง และแปลงานจากภาษาอาหรับ เช่น งานของชัยคฺ เกาะเราะฎอวีย์ ท่านแปลเป็นภาษาอินโดนีเซีย หลายเล่ม เช่น Pengantar studi Islam (ค�ำแนะน�ำ การศึกษาอิสลาม) As-Sunnah sebagai sumber ilmu dan kebudayaan (สุนนะฮฺ แหล่งก�ำเนิด ความรู้และวัฒนธรรม) ปัจจุบันพรรค PKS (Partai Keadilan Sejahtera) มีส.ส. 57 ที่นั่ง คิดเป็น 7.88% เป็นพรรค อั น ดั บ สี่ PKS ได้ เข้ า ร่ ว มรั ฐ บาลกั บ พรรคของ ประธานาธิบดีทมี่ าอันดับหนึง่ ได้ 150 ทีน่ งั่ (ทีน่ งั่ ใน สภามี 560) ร่ ว มจั ด ตั้ ง รั ฐ บาลพร้ อ มกั บ พรรค อิสลามอื่นๆที่เป็นแนวมุฮัมมะดียะฮฺ (43 ที่นั่ง) กับ แนวนะฮเฎาะตุลอุละมาอ์ (37 ที่นั่ง) และผู้สมัคร อิสระ กลายเป็นเสียงส่วนมาก ส่วนฝ่ายค้านนัน้ เป็น พรรคอันดับสอง (125 ที่นั่ง) และสาม (107 ที่นั่ง)

ที่น�ำโดยนางเมกาวตี ซูการ์โน่ บุตรี (Megawati Sukarnoputri) ข้อมูลที่เขียนเกี่ยวกับพรรคนี้ เท่าที่หาได้ใน อินเทอร์เน็ตมีดังนี้ “ ...... ท่ามกลางบรรยากาศที่ อิ่มเอิบด้วยอิสรภาพประชาธิปไตย ที่เจริญงอกงาม ภายใต้รัฐบาลชั่วคราวของประธานาธิบดี B.J. Habibie ที่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองอิสลามผุดขึ้น มาเป็นดอกเห็ด ในการเลือกตัง้ เมือ่ วันที่ 7 มิถนุ ายน 1999 จากทัง้ หมด 48 พรรค มี 19 พรรค ทีบ่ รรยาย ว่าตัวเองเป็นอิสลาม หรือมีอุดมการณ์บนฐานของ อิ ส ลาม น่ า จะเห็ น ได้ ชั ด ว่ า พวกฝั ก ใฝ่ อิ ส ลาม (Islamists) จะต้ อ งคิ ด ว่ า หลั ง จากเวลาหลาย ทศวรรษแห่งการฟื้นคืนชีพและการขยายตัวไปทั่ว โลกก็น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่อินโดนีเซียจะมีรัฐบาล อิสลามได้ แต่การขาดความเป็นเอกภาพผสมกับ ความอยู ่ ย งคงกระพั น ของชาติ นิ ย มฆราวาส (secular nationalism) ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า นั่น เป็นการคาดหวังมากเกินไป แม้ว่าประชาชนจะดู เหมือนว่าได้ค่อยๆ ถูกกลืนเข้าสู่กระแสอิสลามด้วย วิธีต่างๆ กัน ดังที่เขียน โดย Hisanori Kato แห่ง Sakai International Interchange Association ใน Jakarta Post ว่า... คนที่เคยอาศัยอยู่ในกรุง จาการ์ตา 15 ปี ก่อน และกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง จะ สังเกตเห็นว่า เดี๋ยวนี้ มีผู้หญิงอินโดนีเซียใช้ผ้าคลุม ศีรษะมากขึ้น...และมีพรรคการเมืองที่เป็นอิสลาม อนุรักษ์มากๆ พรรคยุติธรรมรุ่งเรือง (Prosperous Justice Party—PKS) ได้กวาดเสียงส่วนใหญ่ใน กรุงจาการ์ตาในการเลือกตั้งปีก่อน ปรากฏการณ์และเหตุการณ์เหล่านี้ ท�ำให้คน อาจจะสงสัยว่า จะเป็นสัญญาณถึงเวลาทีอ่ สิ ลามจะ โผล่ขึ้นมาครองอ�ำนาจในประเทศหรือไม่ แม้ว่ายัง จ�ำเป็นที่จะต้องจับตามองต่อไปและอภิปรายอย่าง ระมัดระวังในอุบัติการณ์แต่ละครั้งเพื่อตอบค�ำถาม [อ้างจาก “Islam Post-9/11: Trends and Opportunities นี้ ก็พอจะยืนยันได้ว่า อิสลามอนุรักษ์นิยมสามารถ for Modernization in Indonesia : A case study” by Askiah binti Mohd Adam (API 2004/05), Freelance จับจองชัยภูมิในอินโดนีเซียได้แล้ว and Consultant, Malaysia [2007, pp. 68-80]]

30


31


32


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.