เมื่อตัวอย่างความสำ�เร็จมีให้เห็น การนำ�ศิลปินมาฟีเจอริ่งกับแบรนด์แฟชั่น ก็กลายเป็นเทคนิคการตลาดสำ�เร็จรูปที่หลายแบรนด์ทำ�ตามกันอย่างไม่รู้เบื่อ ปีที่ผ่าน มา Anselm Reyle ออกแบบกระเป๋าให้กับ Dior ส่วนดีไซเนอร์ Lisa Perry เอาผลงาน ของ Jeff Koons มาแปะลงบนเสื้อผ้าของเธอทั้งกระบิ หรือแม้แต่ศิลปินระดับพันล้าน อย่าง Damien Hirst ก็ยังทำ�คอลเล็คชั่นพิเศษให้กับแบรนด์เสื้อผ้ายีนส์ Levi's ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ...เพราะการจับมือกันนั้นวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย ศิลปิน ได้ทั้งเงิน (ก้อนโต) กับชื่อเสียงในวงกว้าง แถมยังทำ�ให้พวกเขาขายงานได้ในราคาที่ แพงขึ้นตามมาอีกด้วย ส่วนแฟชั่นเฮาส์ก็ได้กระแสการตลาด และกระตุ้นยอดขาย จากการนำ�มิติอันสูงส่งของงานศิลป์ มาเชื่อมโยงกับสินค้าลักชัวรี่ สร้างมายาคติกับ ผู้บริโภคว่า 'นี่ไม่ใช่แค่กระเป๋าหนังวัวพิมพ์ลายธรรมดาๆ นะจ๊ะ แต่มันคืองานศิลปะ!' ความสัมพันธ์ระหว่าง วงการศิลปะ และอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ได้มีแค่การ ร่วมงานเพื่อผลิตคอลเล็คชั่นพิเศษเท่านั้น แต่มีความสลับซับซ้อนหลายมิติ ยักษ์ใหญ่ ในอุตสาหกรรมแฟชั่น เป็นทั้งผู้อุปถัมภ์งานศิลปะ สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการให้สปอนเซอร์ จัดตั้งมูลนิธิ การมอบรางวัล ฯลฯ แต่ในที่สุดแล้วก็หนีไม่พ้น การนำ�ศิลปะเหล่านั้นมาสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของตน การสะสมงานศิลปะเป็นกิจกรรมที่แสดงถึงสถานะทางสังคมและรสนิยม ตั้งแต่ ตระกูลเมดิชี ในยุคเรอเนซอง มาจนถึง ศตวรรษที่ 21, Tom Ford สนับสนุนเงินทุน ประติมากร Richard Serra เพื่อสร้างงานศิลปะในงาน Venice Biennale และซื้องาน มาตั้งไว้ในบ้านของตัวเอง, ส่วน Miuccia Prada ก็ก่อตั้งมูลนิธิ Fondazione Prada สะสมงานศิลปะร่วมสมัยโดยเฉพาะ พร้อมกับมอบหมายให้ Andrea Gorsky ช่างภาพ
ศิลปะชื่อดัง ถ่ายภาพในโชว์รูมของ Prada ในรูปแบบเดียวกันกับที่ศิลปินถ่ายภาพ แลนด์สเคป แน่นอนว่ายักษ์ใหญ่ของวงการ Bernard Arnault แห่ง LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton ก็ไม่น้อยหน้าใคร นอกจากจะเป็นคอลเล็คเตอร์คนสำ�คัญ เขายังอุทิศ พื้นที่ชั้น 7 ทั้งชั้นของร้าน Louis Vuitton สาขา Champs-Élysées ให้เป็นพื้นที่แสดง งานศิลปะ ที่เรียกว่า Espace ในขณะที่คู่แข่งทางธุรกิจตลอดกาลอย่าง Francois Pinault ก็บริหารอาณาจักร Gucci, Bottega Veneta, Saint Laurent ไปพร้อมๆ กับ ดูแล บริษัทประมูลงานศิลปะชั้นหนึ่งของโลก Christie's จึงไม่ต้องแปลกใจที่งานเปิด ตัวแกลเลอรี่ส่วนตัวของ Pinault ในเวนิส นั้นเป็นข่าวใหญ่ในสื่อสายแฟชั่นมากกว่า นิตยสารศิลปะ เพราะมีนางแบบ-เซเลบริต้ี มาร่วมงานอย่างคับคัง่ ทัง้ Naomi Campbell, Azzedine Alaïa, Stefano Pilati ฯลฯ ศิลปะ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในองคาพยพของอุตสาหกรรมแฟชั่น เป็นส่วนหนึ่ง ของแบรนด์อย่างแยกไม่ออก Peter Marino สถาปนิกผู้รับผิดชอบงานออกแบบบูติก ให้กับลักชูรี่แบรนด์ระดับโลกนับไม่ถ้วน มักจะผสมผสานงานศิลปะไว้ในงานอินเทีเรียร์ อยู่เสมอ ว่ากันว่าเขาสามารถจ้างศิลปินคนใดก็ได้สำ�หรับโปรเจ็คต์ที่เขาออกแบบไม่น้อย กว่าสามชิ้น โดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมาคาดว่ามีการมอบหมายงานแก่ศิลปินทั้งรุ่น เล็กรุ่นใหญ่ไม่น้อยกว่า 200 งาน ซึ่งก็ไม่ต่างจากการที่วาติกันว่าจ้าง Michaelangelo ให้เขียนภาพจิตกรรมใน Sistine Chapel สักเท่าไร...จะว่าไป 'บูติก' ก็คือ 'มหาวิหาร' ของเหล่านักช้อปในยุคปัจจุบันดีๆ นี่เอง DONT
91