06 ก่อนเข้าตลาดหุ้น7 10

Page 1

9 สิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทุนในตลาดหุ้น ชยุต จึงภักดี นักลงทุนอิสระ

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าสู่การเป็นนักลงทุนหุ้นอาชีพ (Full Time Investor) หรือท่านที่ยังทำงานประจำอยู่ ก็สามารถเป็นนักลงทุนได้ โดยก่อนที่จะเข้าสู่ ตลาดหุ้น มี 9 อย่างที่ควรรู้ แล้วเราจะลงทุนอย่างมีความสุข มีกำไรอย่าง ยั่งยืน

1. การลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ตลอดระยะเวลาที่ลงทุนมากว่า 24 ปี กว่าจะได้กำไรจากหุ้นไม่ง่าย หลายปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ บางครั้งหุ้นที่กำลังราคาขึ้นอยู่ พอเข้าไปซื้อมา กลับตกลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเหตุผล หรือซื้อหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี ราคา ไม่ไปไหน เมื่อขายออกไป ราคาวิ่งขึ้นทันที ทำให้โอกาสทำเงินจากหุ้นตัวที่ ถือมานานๆ หลุดลอยไป สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ การซื้อหุ้นแต่ละตัว ต้องมีการวิเคราะห์ทั้ง พื้นฐานและเทคนิคก่อนเสมอ ไม่ซื้อตามเพื่อนบอกหรือเจ้าหน้าที่การตลาด บอก เพราะหากราคาหุ้นไม่ปรับขึ้น การขาดทุนในราคาหุ้นจะเกิดขึ้นทันที และต้องยอมรับทั้งกำไรและขาดทุนให้ได้ก่อนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

2. เงินลงทุนควรเป็นเงินที่ไม่ใช้ในชีวิตประจําวัน เงินที่จะเอามาลงทุนซื้อหุ้น ควรเป็นเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในชีวิต ประจำวัน เพราะจะช่วยให้เงินลงทุนสามารถทำงานได้นาน เมื่อซื้อหุ้นแล้ว สามารถถือครองเพื่อให้ผลตอบแทนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้อง รีบขายออกเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดมาใช้จ่าย การใช้เงินกู้หรือมาร์จิน จำเป็น ต้องมั่นใจว่าราคาหุ้นที่จะเข้าเล่นต้องขึ้นเท่านั้น หากไม่แน่ใจไม่ควรใช้ มาร์จิน 7


3. เลือกหุ้นคุณภาพดี มีกําไร เมื่อมีเงินลงทุนแล้ว ควรเลือกหุ้นให้เหมาะกับความรู้ความสามารถ ของตัวเอง ว่าจะสามารถเข้าใจหุ้นที่เลือกได้มากน้อยขนาดไหน สำหรับคน ใหม่ที่ไม่เคยลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีการซื้อขายติดอันดับทุกวัน ซึ่งจะอยู่ใน SET 100 จะช่วยให้ลงทุนได้อย่างปลอดภัย เมื่อเลือกหุ้นได้แล้ว จึงนำมาดู ปัจจัยทางเทคนิคว่า อยู่ในช่วงที่น่าซื้อหรือไม่ เพราะเหตุใด ก่อนเข้าซื้อเสมอ

4. หุ้นสามารถมีมูลค่าเป็นศูนย์ได้ ในอดีตมีการปิด 56 ไฟแนนซ์ ทำให้ราคาหุ้นที่โดนปิดไปมีค่าเป็น ศูนย์ ผู้ถือหุ้นจะไม่ได้อะไรเลย นี่คือความเป็นจริงที่ต้องรู้ก่อนซื้อหุ้น โดยหุ้น ที่มีโอกาสเป็นศูนย์ จะมีสัญญาณบอกเหตุสำคัญคือ ขาดทุนต่อเนื่อง ส่วนผู้ ถือหุ้นเหลือน้อยและใกล้จะเป็นศูนย์ หุ้นแบบนี้ต้องหลีกเลี่ยง ก่อนซื้อหุ้นจึง ต้องคิดให้หนักๆว่า หุ้นตัวนั้น มีทิศทางของกำไรและรายได้เป็นอย่างไร แต่ อีกแบบหนึ่งคือการโกงบริษัทตัวเองที่ทำงาน โดยผู้บริหารอาจจะยักยอกเงิน มาเป็นของตนในรูปแบบผิดปกติ อันนี้บริษัทนั้นเมื่อโดนตรวจสอบก็จะกลาย เป็นศูนย์ได้เช่นกันหากแก้ไขไม่ทันเวลา

5. ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ราคาหุ้นจะขึ้นกับอนาคตของกำไรต่อหุ้นของบริษัท หากอนาคตดูแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้น ราคาหุ้นน่าจะลดลงได้ ในทางกลับกัน ราคาหุ้นที่เคยตกต่ำ เมื่อมีโครงการใหม่ที่จะสร้างรายได้และกำไรที่เป็นที่เชื่อถือได้ ราคาหุ้นจะ วิ่งขึ้นไปรอ จึงสรุปได้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้น กับหลายปัจจัย ทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ผู้บริหาร แนวโน้มผู้บริโภค ซึ่งนัก ลงทุนต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนทันสถานการณ์

6. ปัจจัยทางเทคนิคสะท้อนทุกอย่าง การลงทุนในหุ้นนอกจากพื้นฐานแล้ว ยังมีกราฟเทคนิคให้ดูการ เปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น ซึ่งที่นิยมใช้คือกราฟแท่งเทียน เพราะสามารถบอก

8


แรงซื้อแรงขายได้ชัดเจน เช่นแท่งเทียนสีเขียว หมายถึงแรงซื้อมากกว่าแรง ขายและแท่งเทียนสีแดง หมายถือ แรงขายมากกว่าแรงซื้อ นอกจากนี้ ต้อง มองแนวโน้มราคาให้ออกว่า ราคามาถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุดแล้วหรือยัง บาง ครั้งราคาหุ้นขึ้นมาหลายปีติดต่อกัน ทั้งที่บริษัทมีพื้นฐานที่ดี แต่เมื่อราคาหุ้น ไม่สามารถไปต่อได้อีก และราคาลดลงเรื่อยๆ แสดงว่า พื้นฐานบริษัทเริ่มแย่ ลง ดังนั้น ปัจจัยทางเทคนิคจะบอกล่วงหน้าว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับพื้นฐาน ของบริษัท

7. ผู้บริหารกําหนดอนาคตบริษัท ต้องเลือกบริษัทที่มีผู้บริหารเข้าใจผู้ถือหุ้น ยิ่งบริษัทที่มีผู้บริหารต่าง ชาติจะค่อนข้างเสี่ยง เพราะบางเวลา บริษัทกำลังเติบโตดีๆ ผู้บริหารกลับไม่ ขยายงาน ปล่อยให้กำไรของบริษัทลดลง และปล่อยให้ราคาหุ้นตกลง แบบนี้ ก็มีเช่นกัน จึงควรเลือกบริษัทที่มีผู้บริหารที่มีธรรมภิบาลและไม่มีประวัติที่ไม่ ใส่ใจผู้ถือหุ้นรายย่อย และต้องไม่ลืมว่าผู้ถือหุ้น จะไม่มีอำนาจใดๆในการ บริหารจัดการ ได้เพียงเสนอแนะกับฝ่ายบริหารเท่านั้น

8. กําไรพอใจควรขาย เมื่อลงทุนในหุ้นแล้ว จะใช้พื้นฐานกำหนดราคาเป้าหมาย หรือใช้ เทคนิคในการกำหนดก็ตาม วันใดที่กำไรมาถึงเป้าหมาย มีสองทางเลือกคือ ขายหุ้นบางส่วนเท่ากับทุนที่ลงไป เพื่อเอาทุนคืนออกมา จากนั้นเหลือหุ้นฟรี ให้วิ่งต่อไป จนสุดทาง หรืออีกทางคือขายหมดทั้งจำนวนเมื่อราคาถึงเป้า หมายที่ตั้งไว้ โดยไม่ลังเล และไม่ต่อเวลา หวังว่าราคาจะขึ้นไปต่อเรื่อยๆ อาจจะทำให้ขาดวินัยในการลงทุน และหลายคนที่พลาด อาจจะทำให้กำไรที่ จะได้ หายไปอย่างไม่มีวันได้คืน หรือบางกรณี ลงทุนหุ้นมีกำไรแล้วไม่ขาย ถือจนกลับมาเป็นขาดทุน อันนี้น่าเสียใจอย่างที่สุด

9. ถ้าผิดทางต้องขายหยุดขาดทุน การเลือกหุ้นและจังหวะเข้าซื้อหุ้น บางครั้งอาจจะผิดทาง พอซื้อแล้ว ราคาลดลงทันที จำเป็นต้องมีการตั้งจุดตัดขายขาดทุนเพื่อรักษาทุนเอาไว้ เพราะมีนักลงทุนจำนวนมาก ที่ไม่ตั้งจุดขายขาดทุน ทำให้ติดหุ้นเป็นเวลา นาน ทำให้ไม่สามารถสร้างเงินหรือกำไรจากการลงทุนได้

9


ดังนั้น การเข้าซื้อหุ้น นอกจากพื้นฐานดีแล้ว ราคาหุ้นควรอยู่ในโซน ต่ำพอที่จะมีโอกาสขึ้นมากกว่าลง ซึ่งแบบนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องขายขาดทุน เมื่อราคาลงต่ำกว่าทุนที่ซื้อมา ยกเว้นพื้นฐานเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อาจจะ ต้องขายขาดทุนเมื่อหลุดแนวที่ตั้งไว้ หนังสือเล่มนี้ เน้นหลักของฟีโบนัชชีเทรด ซึ่งเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มี ความมหัศจรรย์ในหลายเรื่อง อาทิเช่น สามารถคาดการณ์เวลาที่จะเกิดการก ลับทิศทางได้ สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ การตัดสินใจอย่างถูกต้อง ของการใช้ฟีโบนัชชี เทรด เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ ท่านจะได้คำตอบ จุดซื้อจุดขายและเวลา ครบทุกอย่างที่นักลงทุนควรทราบ …

#ขอขอบคุณกราฟแท่งเทียนจาก investing.com

10


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.