นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 17 เดือนมิถุนายน 2559

Page 1


C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


สารบัญอนุรักษ ๐๖

โลกใบใหญ ใส ใจอนุรักษ

๓๖

พระสวย

๔๖

เรื่องราวข าวสารของการอนุรักษ

๑๖

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ อกครุฑ

๒๒

ของต องรฤก

พลังอํานาจแห งคุณพระรัตนตรัย

๒๘

คุณค าสถาป ตย

คอนเซ็ปชัญ วัดคริสตังที่เก ากว า กรุงเทพฯ

๑๔๒

๕๘

กาลครั้งหนึ่ง

เที่ยวทะเลพม า หลังเป ดประเทศ

ในความทรงจํา

๗๒

เป ดบ านปลายเนิน… ศาสตร แห งศิลป จากรุ นสู รุ น

๘๖

คงไว ซึ่งคุณค า

๙๒

คอลเลกชันเหรียญกษาปณ เหรียญที่ระลึก และตราประทับ กะไหล ทองสมัยคริสต ศตวรรษ ที่ ๑๙

พิพิธภัณฑ

๑๐๐ เรื่องเล าคนอนุรักษ

๑๑๘ โลกใสๆ ใบสวยๆ

๑๔๒ ภาพเล าเรื่อง

ตํานานไทย

๑๐๒ กินเที่ยวพัก แบบชาวอนุรักษ

๑๒๘ เข าตามตรอก ออกตามเมือง

๑๕๐ สืบสํารับตํารับคาวหวาน

๑๓๖ คนรุ นใหม หัวใจอนุรักษ

๑๕๖ ป ดท ายเล ม

อดีตและวันนี้กับ พิพิธภัณฑ ศิริราช เป นคนต องมีครู

อนุรักษ วัฒนธรรม

ก อเจดีย ทราย…สร างกุศล

มานพ

อาทิตย เบิกฟ าที่ “เกาะพระทอง”

๑๑๒ เรื่องเล าวันวาน

หม อดอกไม แห งความรุ งเรืองไพบูลย

แมวเอ ยแมวเหมียว

๗ โบราณสถานค ายตากสิน ประวัติศาสตร ที่ถูกปลุกให ตื่น ฟาร มตาเล็ก…มาแล วเด็กจะรักษ

นางสาวไทยตกสวรรค ในป ๒๔๘๔ ม.ล. ขวัญทิพย เทวกุล เข าถึง เข าใจ อาหารไทย ดอกต อยติ่ง

๑๑๘

๔๖ ๑๕๐

142 |

๓๖ ๒ |

๕๘ มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๓


อนุรักษ ทักทาย

ทีมอนุรักษ

ในทีส่ ดุ ฝนก็โปรยลงมา ช วยดับความร อน ลดความแล ง หลังจากทีป่ ระเทศไทยของเราติดอันดับร อนทีส่ ดุ ในโลก อุณหภูมสิ งู ไปกว า ๔๐ องศา ลํานํา้ หลังบ านทีน่ าํ้ ลึกท วมศีรษะยังแห งจนมองเห็นพืน้ ดินแตกระแหง เด็กชาวบ านลงเล นโคลนสบายใจ แต เรากลับกังวลกับความเปลีย่ นแปลง ของธรรมชาติ นํา้ แล งเช นนีแ้ ล วสัตว ปา จะอยูอ ย างไร “Go Wild for Life” คําขวัญป นจี้ ากองค การสหประชาชาติ เนือ่ งใน “วันสิง่ แวดล อมโลก” มุง รณรงค ให เห็นคุณค าของสัตว หยุดทําร ายสัตว หยุดการลักลอบซือ้ ขาย โดยเฉพาะ ช าง แรด เสือ กอริลลา และเต าทะเล ทีม่ จี าํ นวนลดลงอย างน าเป นห วง เราจึงต องเร งฟ น ฟูปา แหล งทีอ่ ยูข องสัตว แหล งเพาะพันธุ แหล งนํา้ เพือ่ รักษาความสมดุล และร วมกันกระตุน จิตสํานึกร วมอนุรกั ษ ทอ งทะเลสีคราม เนือ่ งในโอกาส “วันมหาสมุทรโลก” อีกด วยนะคะ ดีใจทีท่ กุ คนช วยกันเป นกระบอกเสียง ร วมลงมือลงแรงด านการอนุรกั ษ เพิม่ ขึน้ เพือ่ โลกของเรา อาภาภรณ โกศลกุล

รูปภาพและข อเขียนทั้งหมดในนิตยสารอนุรักษ สงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การนําไปตีพิมพ อ างอิง เผยแพร ซํ้า ต องได รับการยินยอมเป นลายลักษณ อักษร

ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สราวุธ วัชรพล คณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ม.ร.ว. จักรรถ จิตรพงศ เฉลิม อยู วิทยา ดาราณีย ตันชัยสวัสดิ์ ม.ร.ว. ดิศนัดดา ดิศกุล วิชัย ศรีวัฒนประภา นิพนธ พร อมพันธ ุ นพ. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ป ญญชลี เพ็ญชาติ พล.ต.อ. เพรียวพันธ ดามาพงศ สุวัจน ลิปตพัลลภ อนุทิน ชาญวีรกูล บรรณาธิการอํานวยการ อาภาภรณ โกศลกุล บรรณาธิการบริหาร อาภาวัลย สรรพโส หัวหน ากองบรรณาธิการ นุดา พวงชะบา นักเขียนรับเชิญประจําฉบับ ส. พลายน อย ม.ล. ภูมิใจ ชุมพล นภันต เสวิกุล ผศ. ประเทือง ครองอภิรดี จิระนันท พิตรปรีชา ธีรภาพ โลหิตกุล นิรมล เมธีสุวกุล อนุสรณ ติปยานนท สันติ อรุณศิริ ปรีชา เอี่ยมธรรม บรรณาธิการศิลปกรรม ธวัชชัย เลิศจตุรภัทร ศิลปกรรม นิรันดร ถิระสุข วิษณุ จันทร ทอง พิสูจน อักษร จิตติมา สิริขจร ประสานงานกองบรรณาธิการ ชญาภา ป กษี ควบคุมการผลิต นัตฐา เลิศจตุรภัทร บริษัท เวอร โก อาร ต กิลด จํากัด แยกสีและเพลท บริษัท สุนทรฟ ล ม จํากัด พิมพ ที่ บริษัท สยามพริ้นท จํากัด บรรณาธิการผู พิมพ /โฆษณา พุทธิพล โกศลกุล จัดจําหน ายโดย บริษทั เวิลด ออฟ ดิสทริบวิ ชัน่ จํากัด ธุรการ/โฆษณา กิดาพรรณ โกศลกุล โทร. ๐๘ ๐๔๕๑ ๕๕๕๕ Email: kidapan.anurakmag@gmail.com เจ าของ บริษัท สป ริต อาร ท ๒๐๑๑ จํากัด ๓๒๔/๑ หมู ๘ รามอินทรา ๖๑ แขวงท าแร ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ๑๐๒๓๐ โทร. ๐ ๒๕๐๙ ๐๐๔๔ โทรสาร ๐ ๒๕๐๙ ๐๐๒๖ Email: info@anurakmag.com www. anurakmag.com www.facebook.com/AnurakMagazine

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


โลกใบใหญ่ใส่ใจอนุรักษ์ | เรื่อง : ธาดา ราชกิจ

อนาคตของเสือโคร่งที่แลดูสดใส เสือโคร่งจัดเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบ นิเวศในประเทศนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน เสือโคร่งบนโลกนี้ลดจ�านวนลงเป็นอย่างมาก โดยจากสถิตเิ มือ่ ราวปี ค.ศ. ๑๙๑๐ มีประชากร เสือโคร่งในป่าตามธรรมชาติกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ตัว ๑๐๐ ปีถดั มาในปี ค.ศ. ๒๐๑๐ มีการส�ารวจ พบว่าจ�านวนประชากรเสือโคร่งลดลงเหลือ เพียง ๓,๒๐๐ ตัวเท่านั้น วิกฤติการณ์นี้ท�าให้ เสือโคร่งถูกจัดให้อยู่ในสิ่งมีชีวิตหมวดใกล้

สูญพันธุต์ ามการเก็บข้อมูลของ IUCN Red List of Threatened Species www.iucnredlist.org ทีท่ า� การรณรงค์และดูแลเรือ่ งสัตว์ใกล้สญู พันธุน์ ี้ นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ TX2 ซึ่งเกิด จากองค์ประชุม Global Tiger Forum (GTF) พันธมิตรเครือข่ายประเทศที่มีเสือโคร่งอยู่ ตามธรรมชาติ โดยเป้าหมายของ TX2 ก็คือ การเพิ่ ม จ� า นวนประชากรเสื อ โคร่ ง ให้ ไ ด้ สองเท่าภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๒ ซึ่งเป็นปีเสือ ตามระบบนักษัตรอีกด้วย แม้วา่ ระยะทีผ่ า่ นมา จ�านวนเสือโคร่งตามธรรมชาติจะลดลงอย่าง ต่อเนื่อง แต่ในปี ค.ศ. ๒๐๑๖ นี้ ทาง GTF ก็ออกมาประกาศว่าจ�านวนเสือโคร่งในปัจจุบนั มีทงั้ สิน้ ๓,๘๙๐ ตัว ซึง่ เพิม่ จ�านวนขึน้ จากการ ส�ารวจเดิมในปี ค.ศ. ๒๐๑๐ ตัวเลขนี้อาจ มาจากปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่การพัฒนา มาตรฐานและวิธีการเก็บข้อมูล การเพิ่มการ

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K

ปกป้ อ งป่ า ตลอดจนป้ อ งกั น การคุ ก คาม เสือโคร่งได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปจนถึง การให้ความร่วมมือในระดับนโยบายรัฐบาล ของประเทศต่างๆ ที่ส่งผลดีต่อการปกป้อง สัตว์ป่า เป็นต้น จ�านวนที่เพิ่มขึ้นนี้นับเป็น ข่าวน่ายินดีที่หลายฝ่ายให้ความร่วมมือใน การฟื้นฟูเสือโคร่งตามธรรมชาติกันอย่าง จริงจังอีกด้วย ติ ด ตามรายละเอี ย ดเพิ่ ม เติ ม ได้ ที่ www.iucnredlist.org, www.globaltigerforum.com และ www.wwf.or.th ภาพจาก : Global Tiger Forum (GTF) www.globaltigerforum.com WWF Thailand www.wwf.or.th

6 |


องค การนาซากับอีกก าวของการศึกษา

การเติบโตของเอเชีย

การเคลื่อนตําแหน งแกนหมุนของโลก

กับความยัง่ ยืนของสิง่ แวดล อม ป จจุบนั เอเชียเป นภูมภิ าคที่ มี อั ต ราการพั ฒ นาและเจริ ญ เติบโตอย างก าวกระโดดในทุกๆ ด าน จากสถานการณ ดงั กล าว มีทงั้ ด านดีและด านร ายทีเ่ กิดขึน้ โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบต อ สิ่งแวดล อมที่ ไม เพียงสร างผล กระทบโดยตรงต อเอเชียเอง แต ยงั สร างผลกระทบในวงกว างต อทัง้ โลกอีกด วย กรณีนที้ าง WWF ได หยิบยกประเด็นมาศึกษาใน หัวข อ Asian Fast Moving Consumer Goods (FMCG) ที่นิยามถึงอาหาร เครื่องดื่ม เครือ่ งใช ภายในบ าน และเครือ่ ง อุปโภคต างๆ ซึง่ เป นสิง่ สําคัญ อย า งหนึ่ ง ต อ การเติ บ โตของ เอเชีย เพราะเมือ่ ภูมภิ าคนีเ้ ติบโต ทางเศรษฐกิจย อมส งผลต อการ เพิม่ ขึน้ ของประชากรและส งผล โดยตรงต อการบริโภคในระดับ จุลภาค ซึ่งเป นสิ่งสําคัญไม แพ ระดับมหภาคเลยทีเดียว ป ญหาสําคัญที่พบก็คือ บริษัทที่เกี่ยวข องโดยตรงกับ เรื่อง Asian Fast Moving Consumer Goods (FMCG) ของกลุ มประเทศส วนใหญ ใน เอเชียมีความตระหนักในสังคม ธุรกิจเพือ่ ความยัง่ ยืน ตลอดจน สิ่งแวดล อมตํ่ากว าบริษัททาง ตะวั น ตกซึ่ ง ใส ใ จเรื่ อ งนี้

๘ |

อย างจริงจัง ด วยการขาดการ ใส ใจสังคมในภาพรวมประกอบ กับกฎหมายที่หย อนยาน ไป จนถึงการไม เอาจริงเอาจังต อการ จัดการของรัฐ ทําให บริษทั ต างๆ ในเอเชี ย ผลิ ต ผลิ ต ภั ณ ฑ ที่ ไม คํ า นึ ง ถึ ง สั ง คมและสภาพ แวดล อมองค รวม โรงงานจํานวน มากไม ได มาตรฐานเท าที่ควร ตลอดจนไม มีการใส ใจเรื่องผล กระทบต อสิง่ แวดล อม ทําให การ เติ บ โตของเอเชี ย อาจกลาย เป นการทําลายสิง่ แวดล อมไปใน ตัวซึง่ ส งผลต อโลกในองค รวม ป ค.ศ. ๒๐๑๖ นี้ ทาง WWF ทําการรีววิ และเสนอทาง แก ไขเป นครั้งแรกผ านรายงาน และแผนแนะนํ า ปฏิ บั ติ ก าร “Asian Fast Moving Consumer Goods – A Sustainability Guide forFinanciers and Companies” เพือ่ สร าง วิ ถี ค วามยั่ ง ยื น ให กั บ ภู มิ ภ าค เอเชี ย โดยเน น ไปยั ง บริ ษั ท ผู ผลิตที่ส งผลต อผู บริโภคใน ระดับจุลภาคให เริม่ หันมาใส ใจต อ ระบบการผลิตของตัวเองทีใ่ ส ใจ สิง่ แวดล อมและสังคมองค รวมให มากขึน้ กลุม ประเทศในเอเชีย ๙ ประเทศที่เป นเป าหมายหลักใน การรณรงค ครั้งนี้ ได แก จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟ ลิปป นส สิงคโปร เกาหลีใต ประเทศไทย และเวียดนาม ซึง่ มี อัตราในการพัฒนาภาคธุรกิจ ตลอดจนอุตสาหกรรมค อนข าง สูงและส งผลกระทบมหาศาลใน กรณีนนี้ นั่ เอง ติดตามรายละเอียดเพิ่ม เติ ม ตลอดจนดาวน โหลด รายงานไปจนถึ ง แผนแนะนํ า ปฏิบัติการได ที่ wwf.panda. org

แค ลงมือ…โลกก็น าอยู ขึ้น Greenpeace ประเทศไทย เป ด ตัวโครงการใหม #YesIDo กับการ ตั้ ง คํ า ถาม “กล า พอไหม? ที่ จ ะ เปลี่ ย นเพื่ อ สิ่ ง แวดล อ ม” และ แฮชแท็ก #YesIDo เพื่อกระตุ นให คนรุ นใหม หันมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อ สิ่งแวดล อมนั่นเอง ไอเดียนี้ไม ใช เรื่องใหม แต อย างใด แต เป นการพูด ซํ้าเพื่อกระตุ นให คนรุ นใหม หันมา เปลี่ยนตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว า แค ล งมื อ …โลกก็ น า อยู ขึ้ น เป น การปลุ ก จิ ต สํ า นึ ก ให เ รารั ก สิ่งแวดล อมกันด วยวิธีง ายๆ ซึ่งอยู ในวิถีชีวิตประจําวัน เราปรับเปลี่ยน พฤติกรรมเล็กน อย ทว าอาจช วย เรื่องสิ่งแวดล อมได อย างไม น าเชื่อ โดยพฤติ ก รรมหลั ก ที่ ร ว มทํ า แคมเปญรณรงค นั้น ตัวอย างได แก ถอดปลั๊ก (อุปกรณ เครื่องใช ไฟฟ า ต างๆ) ทุกพักเที่ยง ยืดอกพกถุงผ า

พกกระติ ก นํ้ า ติ ด กระเป า เพื่ อ ลด ปริ ม าณขยะ ปฏิ วั ติ ก ารเดิ น ทาง ด วยระบบขนส งมวลชน ไปจนถึง ไม ช อปป งเสื้อผ าใหม เป นเวลา ๑ ป เป นต น กิจกรรมตั้งแต ระดับง าย ไปจนถึงระดับยากทีต่ อ งใช การวัดใจนี้ เราสามารถร วมเพื่อเป นส วนหนึ่ง ของการช วยเหลือโลกได หรืออาจ แนะนํ า วิ ธี ทํ า ประโยชน เ พื่ อ สิ่ ง แวดล อมของเราในทางอื่นๆ นอก เหนือจากนี้ก็ได เช นกัน ติ ด ตามรายละเอี ย ดเพิ่ ม เติ ม ได ที่ www.greenpeace.org/seasia/th

เมือ่ เดือนเมษายน ค.ศ. ๒๐๑๖ ทีผ่ า นมา องค การนาซา (NASA) เป ดเผยผลการศึกษา วิจยั ของนักวิทยาศาสตร Surendra Adhikari และ Erik Ivins จากหน วยวิจยั NASA Jet Propulsion Laboratory (JPL) แห งสถาบัน California Institute of Technology ทีว่ จิ ยั เกีย่ วกับ การเคลือ่ นทีข่ องมวลนํา้ ทัว่ โลกทีม่ ผี ลกับการ เคลื่อนตําแหน งแกนหมุนของโลก ซึ่งผลการ ศึกษาในครัง้ นีช้ ว ยเพิม่ เติมองค ความรูล ะเอียด ขึน้ ในเรือ่ งอุณหภูมโิ ลกตัง้ แต อดีตจนถึงอนาคต นับ แต มีการเริ่มสํารวจเรื่องแกนหมุน ของโลกเมือ่ ป ค.ศ. ๑๘๙๙ มาจนถึงป จจุบนั ในป ค.ศ. ๒๐๑๖ พบว าแกนหมุนของโลกเปลีย่ นไป จากตําแหน งเดิมมากทีส่ ดุ ถึง ๑๒ เมตร ซึง่ การ เปลีย่ นแปลงนีอ้ าจไม สง ผลกระทบโดยตรงต อ วิถชี วี ติ ประจําวันของเรา แต สง ผลต อระบบการ สํารวจโลกต างๆ ทัง้ จากทางดาวเทียมไปจนถึง บนภาคพื้นดินที่ค าตําแหน งต างๆ เปลี่ยนไป อันจะส งผลต อการคํานวณในระดับละเอียด นับแต ป ค.ศ. ๒๐๐๐ เป นต นมา แกนโลกเปลีย่ น

ตํ า แหน ง อย า งฉั บ พลั นในอั ต รา ๗ นิ้ ว /ป นักวิทยาศาสตร ยังชี้ว า การสูญเสียมวลของ แผ นดิน Greenland และ Antarctica ซึง่ เกิดจาก การทีแ่ ผ นนํา้ แข็งละลายอย างรวดเร็วอาจเป น สาเหตุให เกิดการเคลื่อนที่ของแกนโลกอย าง ฉับพลัน เพราะจากการศึกษามวลนํา้ ทีเ่ คลือ่ นที่ ในโลกนั้นมีความเกี่ยวโยงกันของการเคลื่อน ย ายมวลแผ นดินในพืน้ ทีต่ า งๆ ของโลก ซึง่ นัน่ ทําให เกิดการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมติ ามมาด วย และส งผลให เกิดภัยธรรมชาติทตี่ ามมาได เช นกัน อย างไรก็ตาม เรือ่ งนีเ้ ป นเรือ่ งทีล่ กึ ซึง้ ละเอียดอ อน การถ ายเทมวลอาจทําให เกิดการปรับเปลีย่ นแกน และส งผลต อการเปลีย่ นแปลงอืน่ ๆ ซึง่ คงต อง ศึกษาในเชิงลึกกันต อไป แต ถอื เป นผลการวิจยั ทีส่ ร างองค ความรูเ พิม่ เติมในเรือ่ งนีไ้ ด เป นอย างดี ทีเดียว ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได ที่ www. jpl.nasa.gov ภาพจาก : NASA Jet Propulsion Laboratory (JPL) (www.jpl.nasa.gov)

ภาพจาก : ภาพจาก : Greenpeace Thailand www.greenpeace.org/seasia/th

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๙


ทําลายสถิตอิ ณ ุ หภูมโิ ลก การทําลายสถิตินี้ดูอาจไม ใช เรื่องน าดีใจ นัก แต ในระยะไม กี่ป นี้มีการทําลายสถิติเรื่อง อุ ณ หภู มิ โ ลกเรื่ อ ยมา อย า งเมื่ อ เดื อ น กุมภาพันธ ค.ศ. ๒๐๑๖ ที่ผ านมา ได รับการ บันทึกว าเป นเดือนที่มีอุณหภูมิอบอุ นที่สุดใน ประวัตกิ ารณ เมือ่ เทียบกับค าเฉลีย่ การเพิม่ ขึน้ ของอุณหภูมิในช วงเดือนนั้นๆ แต ผ านไปอีก ๑ เดือน คือเดือนมีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๖ ก็ทาํ ลาย สถิตกิ ลายเป นเดือนทีม่ อี ณ ุ หภูมริ อ นทีส่ ดุ เป น ประวัติการณ นับตั้งแต ที่มีการบันทึกเริ่มต น ขึน้ ในป ค.ศ. ๑๘๙๑ เป นต นมา โดยมีอณ ุ หภูมิ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ๑.๐๗ องศาเซลเซียสทั่วโลก มากกว าเจ าของสถิตเิ ดือนทีแ่ ล วทีอ่ ยูใ นระดับ ๑.๐๔ องศาเซลเซียส ข อมูลนี้รายงานโดย

Japan Meteorological Agency (JMA) ของ ญี่ปุ น ปรากฏการณ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ นี้จะส งผลต อภาวะโลกร อนอย างแน นอน ที่ สําคัญ ตามที่นักวิทยาศาสตร คาดการณ กัน ไว ว า จะส งผลให เกิดปรากฏการณ Super El

Niño ที่จะทําให ป ค.ศ. ๒๐๑๖ เกิดความ แห งแล งอย างหนัก สภาพภูมอิ ากาศแปรปรวน รุนแรง ตลอดจนส งผลกระทบต อสิ่งแวดล อม ในหลากหลายมิติด วย ติ ด ตามรายละเอี ย ดเพิ่ ม เติ ม ได ที่ ecowatch.com หรือ www.jma.go.jp

ภาพจาก : Eco Watch (ecowatch.com)

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K

อิตาลีออกกฎหมายเกีย่ วกับขยะอาหาร เป นประเทศทีส่ องในยุโรป หลังจากฝรั่งเศสที่ก าวมาเป น ชาติแรกของโลกในการออกกฎหมาย เกี่ยวกับขยะอาหารเพื่อลดปริมาณ ขยะและส งเสริมให นาํ อาหารไปบริจาค ให ผย ู ากไร ไปแล วนัน้ เมือ่ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๖ อิตาลีกเ็ ริม่ ขยับตัวกับ มาตรการนีบ้ า งเพือ่ เร งออกกฎหมาย อันเป นประโยชน นมี้ าใช ให เร็วทีส่ ดุ ซึง่ อิตาลีถอื เป นประเทศทีส่ องในยุโรปที่ หันมาจริงจังกับเรือ่ งขยะอาหาร Maurizio Martina รัฐมนตรี ว าการกระทรวงเกษตรของอิตาลี ออกมาเป ดเผยว า ในแต ละป เราสร าง ขยะอาหารมากกว า ๕๕๐ ล านตัน และมี แ นวโน ม จะเพิ่ ม สู ง ขึ้ น เป น ๑,๐๐๐ ล านตันในป ค.ศ. ๒๐๑๖ นี้ ทางรัฐบาลอิตาลีบอกว ารายละเอียด

๑๐ |

ในนโยบายอาจแตกต างจากฝรั่งเศส อยูบ า ง โดยอิตาลีนาํ มาพัฒนาเพิม่ เติมให มีความเหมาะสมและเป นมิตร กั บ ประชาชนผู ป ฏิ บั ติ ม ากกว า ฝรัง่ เศสออกกฎหมายเพือ่ มาตรการ จัดการและปรับอย างจริงจังสําหรับ เรื่องขยะอาหาร แต อิตาลีต องการ สร างแรงจูงใจกระตุน ให เกิดการปฏิบตั ิ มากกว า โดยจะเน นการจัดการกับ ระบบบริจาคอาหารก อนทีจ่ ะเป นขยะ เพือ่ ลดปริมาณขยะ ตลอดจนลดงบ ประมาณในด านนีล้ งกว า ๑๒ พันล าน ยูโรให ได โดยกฎหมายใหม ทคี่ าดว าจะ ออกมานี้ อิตาลีจะให สทิ ธิประโยชน กบั ร านอาหาร ตลอดจนซูเปอร มาร เก็ต ต า งๆ ที่ มี แ ผนการในการบริ จ าค อาหารก อนหมดอายุอย างชัดเจน

จริงจังมาลงทะเบียนล วงหน า และเมือ่ มี ก ารปฏิ บั ติ ต ามกฎหมายอย า ง เคร งครัดแล ว พวกเขาก็จะได สว นลด ในเรือ่ งภาษีการกําจัดขยะด วย แถม อั ต ราการลดภาษี นี้ ยั ง ขึ้ น อยู กั บ ปริมาณในการบริจาคการกุศลต างๆ อันจะส งผลดีทงั้ ต อผูป ระกอบการที่ เข าร วม ตลอดจนผูท ขี่ าดแคลนอาหาร ไปจนถึงลดภาระในการกําจัดขยะของ รัฐในอนาคต เทรนด ก ารลดปริ ม าณขยะ อาหารนีก้ าํ ลังเป นทีต่ ระหนักในยุโรป เป นอย างมาก หลายรัฐบาลเริม่ มอง เห็นป ญหาและเห็นพ องกับวิธีการ กําจัดขยะทีเ่ อือ้ ผลประโยชน อกี ด าน ไปในตัว นักการเมืองฝรั่งเศสอย าง Arash Derambarsh ก็พยายาม

ภาพจาก : INDEPENDENT www.independent.co.uk

ผลักดันร างกฎหมายร วมยุโรปที่จะ ออกมาบังคับในเรือ่ งนีเ้ พือ่ เป นหนทาง ช วยลดปริมาณขยะอันเป นป ญหา สําคัญหนึ่งในยุคป จจุบันที่ย อนแย ง กับอีกป ญหาที่เกิดขึ้นพร อมๆ กัน นั่นก็คือการขาดแคลนอาหารของ ผู ยากไร นักการเมืองคนนี้ยังเคย พูดไว วา “ป ญหาและการจัดการนัน้ ง ายมากๆ พวกเรามีปริมาณอาหารที่ ใกล จะเป นขยะเป นจํานวนมาก ในขณะ เดียวกัน ผูย ากไร ของเราจํานวนมาก ก็กาํ ลังหิว” นัน่ เป นหัวใจสําคัญง ายๆ ทีจ่ ะส งผ านอาหารสูผ ย ู ากไร กอ นทีจ่ ะ กลายเป นขยะไร คา ติดตามรายละเอียดเพิม่ เติมได ที่ www.independent.co.uk


สถาป ตยกรรมลูกครึ่งที่มีเสน ห ยุ ค นี้ ยุ โ รปมี โ ครงการ รีโนเวตสถาป ตยกรรมยุคเก า ให กลับมามีชวี ติ ในรูปแบบใหม มากมาย หนึ่งในโปรเจ็กต ที่น า สนใจทีห่ ยิบมานําเสนอในคราว นี้ ก็ คื อ สะพาน IJsselbrug ในเนเธอร แลนด สะพานเก าแก นี้ เ ดิ ม ที ส ร า งขึ้ น เพื่ อ รองรั บ ขนส งระบบราง การรีโนเวต ใหม เป นการอนุรกั ษ ผสมผสาน การสร างสรรค สถาป ตยกรรม ใหม โดยจะยั ง คงโครงสร า ง เดิ ม ของสะพานทั้ ง หมดที่ มี เอกลักษณ เอาไว แต จะมีการ สร างสถาป ตยกรรมอันทันสมัย ผสมกลมกลืนลงไปให เข ากัน และคาดว าจะกลายเป นแลนด มาร กใหม ที่น าสนใจในอนาคต

สถาป ตยกรรมที่สร างเพิม่ เติมเข าไปนั้นมีส วนของช อง ทางสํ า หรั บ จั ก รยานและทาง เดิ น เท า ที่ ใ ห ผู ค นได เ ดิ น เล น หย อ นใจไปจนถึ ง จุ ด ชมวิ ว ที่ โดดเด น สําหรับผู ที่ชนะการ ประกวดแบบในครัง้ นีค้ อื บริษทั Moederscheim Moonen Architects ที่ มี ส ถาปนิ ก ผูอ อกแบบโครงการนีก้ ค็ อื Erik Moederscheim นั่นเอง คาดว า สะพานแห งนีจ้ ะรีโนเวตรูปแบบ ใหม เสร็จในป ค.ศ. ๒๐๑๗ ติดตามรายละเอียดเพิม่ เติม ได ที่ www.moederscheimmoonen.nl

ภาพจาก : Moederscheim Moonen Architects www.moederscheimmoonen.nl

รางวัลเพื่อนักอนุรักษ

สิ่งแวดล อม

ประกาศผลออกมาแล ว สํ า หรั บ ป ค.ศ. ๒๐๑๖ กั บ รางวัล The Goldman Environmental Prize ที่เปรียบ เสมือนเป นรางวัลโนเบลทางด าน สิ่งแวดล อม ซึ่งในป นี้มีผู ได รับ รางวัลจากทั่วโลกรวม ๖ คน ด ว ยกั น บุ ค คลเหล า นี้ เ ป น ผู ที่ ต อ สู เ พื่ อ ปกป อ งโลกและ สิ่งแวดล อม ประกอบไปด วย ๑. Destiny Watford (USA) ที่รณรงค เรื่องพลังงาน สะอาด ๒. Leng Ouch (Cambodia) ทีท่ าํ งานด านสิทธิมนุษยชน และความยั่งยืน ๓. Luis Jorge Rivera Herrera (Puerto Rico) ที่

จริงจังกับ Ecotourism การ ท องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนอย าง แท จริง ๔. Zuzana Caputova (Slovakia) ทีต่ อ สูเ รือ่ งนโยบาย สิ่งแวดล อมกับทางภาครัฐ ๕. M á xima Acu ñ a (Peru) ที่ต อสู เพื่อเรียกร อง สิทธิ์ในที่ดินของตัวเองจากการ บุกรุกของนายทุน ๖. Edward Loure (Tanzania) ที่รณรงค ให คนท องถิ่น สนใจเรื่ อ งวิ ถี ชี วิ ต ที่ ยั่ ง ยื น และ การอยู ร วมกันกับสิ่งแวดล อม ติ ด ตามรายละเอี ย ดเพิ่ ม เติมของผู ที่ ได รับรางวัลในป นี้ ได ที่ www.goldmanprize.org

ภาพจาก : The Goldman Environmental Prize www.goldmanprize.org)

๑๒ |

เดนมาร กเป ดตัวซูเปอร มาร เก็ต

อาหารหมดอายุเป นที่แรกของโลก เดนมาร กเป นอีกหนึง่ ประเทศในยุโรปทีเ่ ริม่ หัน มาให ความสนใจเรื่องขยะอาหารอย างจริงจัง โดย เมือ่ ต นป ทผี่ า นมา ทีเ่ มืองโคเปนเฮเกนมีการเป ดตัว WeFood ซูเปอร มาร เก็ตทีข่ ายแต อาหารหมดอายุ ล วนๆ (ตามป ายที่ติดวันหมดอายุไว ) ทว ายังเป น อาหารทีส่ ามารถบริโภคได และอยูใ นระยะปลอดภัย ซู เ ปอร ม าร เ ก็ ต ในคอนเซ็ ป ต นี้ ถื อ เป น ที่ แ รกใน โคเปนเฮเกน และดูเหมือนจะเป นที่แรกของโลกที่ ขายเฉพาะอาหารหมดอายุ นโยบายช วยกันกําจัดอาหารขยะกําลังได รับ ความสนใจในยุ โ รปเป น อย า งมาก จากสถิ ติ เดนมาร กผลิตขยะอาหารมากกว า ๗๐๐,๐๐๐ ตัน/ป และทั่วโลกผลิตขยะอาหารรวมกันมากกว า ๑.๓ พันล านตัน/ป ซึ่งถือเป นปริมาณที่มาก เอาการ มาตรการนี้จัดทําขึ้นเพื่อใช ประโยชน ของ ผลผลิตให มากที่สุด ชะลอเวลาก อนที่มันจะกลาย เป นขยะไร ค าให นานที่สุด ซึ่งที่จริงแล ว หลังจาก อาหารหมดอายุตามมาตรฐานที่กําหนดไว ก็ยัง สามารถบริโภคได ต อ ซูเปอร มาร เก็ตแห งนี้รับซื้อ อาหารหมดอายุจากแหล งอื่นๆ (รวมถึงซูเปอร มาร เก็ตอื่นด วย) รวมไปถึงสินค าบริโภคทั้งหลาย ที่บรรจุภัณฑ อาจไม สมบูรณ (ฉลากฉีกขาดบาง ส วน กล องบุบ รูปทรงเบี้ยว เป นต น) แต ตัว ผลิตภัณฑ ยังใช ได อยู และไม หมดอายุ มาจําหน าย ในราคาทีล่ ดลงกว า ๕๐-๗๐% ของราคาปกติเลย

ที เ ดี ย ว ไอเดี ย แนวความคิ ดนี้ เ ริ่ ม ต น โดย Folkekirkens Nodhjaelp นักธุรกิจท องถิ่น ผู ไม แสวงหาผลกําไรที่อยากช วยเหลือสังคมใน เรื่องนี้ อย างไรก็ดี ซูเปอร มาร เก็ตไอเดียบรรเจิดนี้

ยังได รบั การเข าช วยเหลือสนับสนุนจากรัฐบาลด วย โดยเป าหมายหลักนอกจากจะช วยลดป ญหาขยะ เพื่อตระหนักถึงสิ่งแวดล อมแล ว มาตรการอาหาร ราคาถูกนี้ยังช วยเหลือคนมีรายได น อยได เป น อย างดีอีกด วย เป นไอเดียที่น ายกย องทีเดียว ติ ด ตามรายละเอี ย ดเพิ่ ม เติ ม ได ที่ www. noedhjaelp.dk

ภาพจาก : The Telegraph (www.telegraph.co.uk)

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๓


โฆษณารักษ โลก

จากมูจิ

นี่เป นแคมเปญโฆษณาที่ไม เห็นสินค าแต อย าง ใด แถมไม ได มีภาพสวยเลิศเลอที่ทําให กลายเป น ภาพกระตุน การช อปป ง แม แต นอ ย แต ภาพโฆษณา กลั บ เป น การถ า ยปะการั ง ใต นํ้ า ที่ แ ลเห็ น ผื น ฟ า ตลอดจนเกาะแก งต างๆ ในสถานทีน่ นั้ ทีอ่ ยูเ หนือโลก ใต ทะเลให เห็นไปพร อมๆ กัน แคมเปญโฆษณาชุดนี้เป นของแบรนด ญี่ปุ นที่ ดังระดับโลกอย าง MUJI ที่เผยแพร ออกมาช วง ปลายป ค.ศ. ๒๐๑๕ เป นต นมา โดยเริม่ ทยอยทํา บิลบอร ดขนาดใหญ ตดิ หน าร าน ไปจนกระทัง่ ฉาย บนจอโฆษณาที่ MUJI สาขาต างๆ ทัว่ โลก แคมเปญ โฆษณานีม้ ชี อื่ ว า Colors of Earth เป นการทํางาน ร วมกับดีไซเนอร อย าง Kenya Hara กับช างภาพ Yoshihiko Ueda ทีส่ ร างสรรค คอนเซ็ปต ถา ยภาพ ใต นาํ้ กับภาพด านบนผิวนํา้ พร อมๆ กัน โดยพืน้ ที่ ที่ไปถ ายคือบริเวณหมูเ กาะ Raja Ampat Islands ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป นส วนหัวนกของเกาะนิวกินี (New Guinea) รัฐเอกราชปาป วนิวกินี (Papua New Guinea) ดินแดนทัง้ หมดนีม้ รี ปู ร างคล ายนก และยังได รบั การบันทึกว าเป นเกาะทีใ่ หญ เป นอันดับ สองของโลกด วย บริเวณเกาะ Raja Ampat Islands ยังเป นพืน้ ทีซ่ งึ่ มหาสมุทรอินเดียมาบรรจบ กับมหาสมุทรแปซิฟ ก ได รับการขนานนามว าเป น พืน้ ทีท่ มี่ คี วามหลากหลายของระบบนิเวศทางทะเล มากทีส่ ดุ ในโลกอีกด วย ทีส่ าํ คัญ บริเวณนีเ้ ป นพืน้ ที่ ที่ ไม มีมนุษย อยู อาศัย ธรรมชาติบริสุทธิ์ ไม ถูก รบกวน จนเกิ ด ที่ ม าของการตั้ ง คํ า ถามเริ่ ม ต น ในแคมเปญนีว้ า “โลกจะเป นอย างไรถ าไร มนุษย ” ภาพจาก : MUJI www.muji.com/us/message

๑๔ |

C

การสื่อสารของแคมเปญนี้ต องการบอกว า มนุษย เป นตัวการสําคัญที่ทําลายธรรมชาติจน สิง่ แวดล อมเกิดการเปลีย่ นแปลง ในทางกลับกัน พืน้ ที่ ที่ไม มมี นุษย ธรรมชาติตา งเติบโตอย างอิสระและมี เสน ห ในรูปแบบที่น าหลงใหล ที่จริงวัตถุประสงค ถ อมตนของโปรเจ็กต นตี้ อ งการสือ่ สารง ายๆ เพียง แค อยากให มนุษย ทกุ คนได เห็นภาพธรรมชาติในยุค ที่ ไม ถูกคุกคามจากฝ มือมนุษย เท านั้น แต กลับ สามารถสร างแรงกระเพือ่ มในการกระตุกต อมรักษ ธรรมชาติได ในวงกว างอย างมหาศาลทีเดียว ติดตามรายละเอียดแคมเปญจน นี้ได ที่ www. muji.com/us/message

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


พระสวย | เรื่อง : คนชอบ(พระ)สวย, ปรีชา เอี่ยมธรรม

พระสมเด็จบางขุนพรหม

พิมพ์อกครุฑ

มเด็จพระพุฒาจารย์ โต ฉายาว่า พรหมรังษี สถิต ณ วัดระฆัง ธนบุรี เกิดในรัชกาลที่ ๑ วันพฤหัสบดี เดือน ๕ พ.ศ. ๒๓๓๑ บวชเป็น สมเณรในรัชกาลที่ ๑ พระบวรวิริยเถรอยู่วัดสังเวช วิศยารามเป็นพระอุปชั ฌาย์ บวชแล้วเรียนพระปริยตั ิ ธรรม ณ ส�านักวัดระฆัง กล่าวกันว่า เมือ่ ท่านเป็นสามเณรเทศน์ได้ไพเราะ นัก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระ เมตตา เมื่ออายุครบได้อุปสมบท เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๕๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้บวชเป็นนาคหลวง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเรียก อย่างยกย่องว่า พระมหาโต ตัง้ แต่แรกบวช แต่ทา่ นไม่ ปรารถนายศศักดิ์ และเมือ่ ท่านเรียนรูพ้ ระปริยตั ธิ รรม แล้วก็ไม่เข้าแปลหนังสือเป็นเปรียญ และไม่รับเป็น ถานานุกรม แต่เป็นนักเทศน์มชี อื่ เสียงมา และทรงคุน้ เคย มาแต่รชั กาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระนัง่ เกล้า เจ้าอยู่หัว จะทรงตั้งเป็นพระราชาคณะ ท่านก็ทูล ขอตัวเสีย คงเป็นแต่พระมหาโตตลอดมา บางคนเรียก ท่านว่า ขรัวโต เพราะท่านจะท�าอย่างไรก็ทา� ตามความ พอใจของท่าน ไม่ถอื ตามความนิยมของผูอ้ นื่ ตัวอย่าง เช่นว่าท่านนอนอยู่ โจรขึ้นมาล้วงของบนกุฏิ แค่ ล้วงหยิบของ ท่านก็เอาเท้าเขีย่ ส่งไปให้โจร ฉะนีเ้ ป็นต้น อัธยาศัยของท่านมีความมักน้อยเป็นปรกติ ถึงได้ ลาภสักการะมาในทางเทศนาก็เอาไปใช้ในการสร้าง วัดวาอารามเสียเป็นนิจ จึงมีผคู้ นนับถือมาก ถึงในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวจะทรงตั้งท่านเป็นพระราชาคณะ ท่านไม่ขัด

16 |

กล่าวกันว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงคุณธรรมของท่านไม่ยิ่งหย่อนเพียงไร จึงทรงตัง้ เป็นที่ พระธรรมกิติ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๓๙๕ เวลา นัน้ ท่านอายุได้ ๖๕ ปีแล้ว ต่อมาอีก ๒ ปี พ.ศ. ๒๓๙๗ ทรงตัง้ เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ “พระเทพกระวี” ครั้ น สมเด็ จ พระพุ ฒ าจารย์ ส นมรณภาพ จึ ง สถาปนาเป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ ปี พ.ศ. ๒๔๐๗ สถิต ณ วัดระฆัง ธนบุรี สมเด็ จ พระพุ ฒ าจารย์ โ ตถึ ง แก่ ม รณภาพใน รัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๑๕ อายุได้ ๘๕ ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต ได้ขึ้นไปเยี่ยมญาติ ของท่านที่เมืองก�าแพงเพชร และได้ต�าราการสร้าง พระพิมพ์ผงขาวอ่อน พระสมเด็จวัดระฆัง กล่าวกันว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เริ่มสร้าง พระเครือ่ งรางของขลังเป็นครัง้ แรกเมือ่ เป็นที่ พระธรรม กิติ พ.ศ. ๒๓๕๙ โดยเอาปูนแดงมาปัน้ เป็นลูกอมปรากฏ มีพทุ ธานุภาพในด้านอยูย่ งคงกระพันมีชอื่ เสียงโด่งดัง มาก่อนแล้ว จึงได้พัฒนามาเป็นการสร้างพระพิมพ์ สีเ่ หลีย่ มผืนผ้า ทีว่ ดั ระฆัง ธนบุรี มีพมิ พ์ตา่ งๆ ทีอ่ ยูใ่ น ความนิยม ๕ พิมพ์ดว้ ยกัน ๑. พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ ๒. พระสมเด็จพิมพ์ทรงเจดีย์ ๓. พระสมเด็จพิมพ์เกศบัวตูม ๔. พระสมเด็จฐานแซม ๕. พระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ ประมาณมีพระจ�านวนทั้งสิ้นมากกว่า ๘๔,๐๐๐ องค์

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๗


สืบต อมาเมื่อท านเจ าประคุณสมเด็จชราภาพ ลงมากแล วจนไม สามารถทีจ่ ะปฏิบตั หิ น าทีเ่ จ าอาวาส วัดระฆังและปฏิบัติศาสนกิจในนามสมเด็จพระพุฒา จารย ได สะดวกสบาย ท านจึงขอพระราชทานออกจาก สมณศักดิ์สมเด็จพระพุฒาจารย โดยทางพระพุทธ ศาสนาได แต งตั้งให หม อมเจ าพระพุทธบาทป ลันทน เป นเจ าอาวาสวัดระฆังแทน และท านเจ าประคุณได มา จําพรรษาอยู ณ ทีว่ ดั ใหม อมตรส โดยมีเสมียนตราด วง รับเป นโยมอุป ฎฐาก และเป นลูกศิษย ลูกหารับใช ใกล ชดิ เสมียนตราด วงท านนีย้ งั มีสวนอยูใ นละแวกบาง ขุนพรหมอีกด วย ณ บัน้ ปลายชีวติ ของท านเจ าประคุณสมเด็จฯ ที่ วัดใหม บางขุนพรหมนี้ ท านได สร างถาวรวัตถุไว หลาย อย าง เช น สร างพระพุทธรูปยืนอุม บาตร ทีว่ ดั บางขุน พรหม ต อมาเมือ่ ทางราชการตัดถนนผ านทีด่ นิ ของวัด บางขุนพรหม จึงทําให วดั บางขุนพรหมเดิมต องแบ ง ออกเป นสองวัดสองฝ ง คือ วัดอินทรวิหาร และวัดบาง ขุนพรหมเดิม โดยเฉพาะที่วัดบางขุนพรหมได สร าง พระมหาเจดียแ ละสร างพระสมเด็จขึน้ มาอีกรอบหนึง่ จํานวน ๘๔,๐๐๐ องค ครบจํานวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรม ขันธ ซึง่ เป นคตินยิ มของท านผูส ร างและบรรจุไว ในพระ มหาเจดียท วี่ ดั บางขุนพรหม พระสมเด็จทีส่ ร างและบรรจุไว ทวี่ ดั บางขุนพรหม ในครั้งนี้นั้นได แกะแม พิมพ เพิ่มขึ้นมาจากสมเด็จวัด ระฆังอีก ๔ พิมพ คือ ๑. พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ เส นด าย ๒. พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ สงั ฆาฏิ ๓. พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ ฐานคู ๔. พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ อกครุฑ

๑๘ |

พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ อกครุฑนีท้ า น โหราคณาจารย ท านเรียกตามลักษณะของลํา พระองค ทนี่ นู เด นคล ายหน าอกของพระยาครุฑครับ ในอดีตท านเรียกพระสมเด็จพิมพ นี้ว า พระ สมเด็จพิมพ อกครุฑเศียรบาตร เพราะเศียรขององค พระกลมนูนเหมือนรูปบาตรควํา่ ครับ มีเรือ่ งเล าขานในกลุม นักนิยมสะสมพระเครือ่ ง ว า ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ า อยูห วั รัชกาลที่ ๕ พระองค ทา นได เสด็จประพาส ประเทศยุโรป ขณะที่ได เข าเฝ าพระเจ าไกเซอร แห งประเทศรัสเซีย ได ปรากฏมีรศั มีสสี ดใสแผ ซา น อยู ตรงทรวงอก พระองค จึงตรัสถามพระบาท สมเด็จพระเจ าอยู หัวว า นั่นเป นอะไร? พระองค คงจะตอบในทํ า นองว า เป น พระเครื่ อ ง หรื อ พระสมเด็จ ประมาณนัน้ พระเจ าไกเซอร ทรงศรัทธาเลือ่ มใส และเมือ่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ าอยูห วั จะเสด็จ กลับ พระองค จึงถอดสร อยพระศอพร อมพระ สมเด็จบางขุนพรหม พิมพ อกครุฑเศียรบาตร องค นนั้ ถวายพระเจ าไกเซอร ไป เมื่อมีผู คนทราบเรื่องราวอันเป นที่มาของ พระสมเด็จ พิมพ อกครุฑ เศียรบาตร นีแ้ ล วจึงพา กันถวายพระนามอีกชื่อหนึ่งว า สมเด็จบางขุน พรหม พิมพ ไกเซอร ครับ และทีท่ าํ เอาภาพมาเสนอ ณ ทีน่ กี้ ค็ อื พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ อกครุฑ เศียรบาตร หรือพระสมเด็จพิมพ ไกเซอร ทีส่ มบูรณ และงดงามมากครับ

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๙


เรื่องเล าคนรักพระสวย เมื่อพิจารณาดูพุทธศิลป ของพิมพ พระทั้ง ๘ พิมพ ของสมเด็จบางขุนพรหม แล วจะพบว า พิมพ อกครุฑ เศียรบาตร หรืออีกชื่อหนึ่งที่มักจะเรียกกันในอดีตว า พิ ม พ “ไกเซอร ” มี พุ ท ธศิ ล ป ที่ เ ป น เอกลักษณ แตกต างจากพระสมเด็จบางขุน พรหมพิมพ อนื่ ๆ อีก ๗ พิมพ และก็จะเป น อีกพิมพ หนึง่ ทีห่ าในสภาพสวยสมบูรณ ได ยากมาก พระองค สวยๆ อยู กับใครบ าง แทบจะนับองค กันได เลย พระสมเด็ จ พิ ม พ อ กครุ ฑ ที่ ล งใน อนุ รั ก ษ ฉ บั บ นี้ ถื อ ได ว า เป น องค ที่ ส วย สมบู ร ณ ที่ สุ ด องค ห นึ่ ง เท า ที่ ค น พบใน วงการมากว า ๔๐ ป และยังมีความพิเศษ อีกตรงที่เป นพระที่มีการลงรัก–ป ดทองใน ระหว างทําพิธีปลุกเสกก อนบรรจุลงในกรุ วัดบางขุนพรหม ตามประวัติศาสตร ถือว า เป นพระ “คะแนน” หมายความว า ทุกๆ ร อยองค หรือทุกๆ พันองค จะมีเพียงองค เดียว ถ าเป นนักเรียนก็จะสามารถเปรียบ เปรยว าเป นประธานรุ นหรือหัวหน าชั้น และ ใน ๔๐ ป ทผี่ มอยูใ นวงการสะสมพระเครือ่ ง ก็จะเคยเห็นสมเด็จพิมพ อกครุฑทีเ่ ป นพระ “คะแนน” อยู เพียงสององค เท านั้น พระสมเด็ จ บางขุ น พรหมพิ ม พ อ ก ครุฑองค นี้ เดิมเป นของนักสะสมในจังหวัด อ างทองชื่อคุณสุวรรณ ต อมาก็ตกทอด มาอยู กับนายแพทย ยศวีร สุขุมาลจันทร แพทย ผู มีชื่อเสียงโด งดังในการรักษาโรค หั ว ใจและเป น นั ก สะสมพระเครื่ อ งที่ เ น น สะสมเฉพาะพระที่สวยๆ เท านั้น ในป พ.ศ. ๒๕๑๗ คุณหมอได สง พระลงประกวดงาน ใหญ ที่วัดหลวงพ อโสธร อ. แปดริ้ว และได รับรางวัลชนะเลิศตามความคาดหมาย ผมได มีโอกาสรู จักกับคุณหมอเมื่อป พ.ศ. ๒๕๑๙ ในฐานะเป นนักกีฬายิงป น ระบบ P.C.C ของ F.B.I. ด วยกัน และจะ ต อ งเจอกั น อย า งน อ ยทุ ก อาทิ ต ย บาง อาทิตย ก็เจอกันบ อยกว านั้น และเมื่อคน สองคนทีช่ อบทัง้ สองอย างทีเ่ หมือนกันก็มี

๒๐ |

C

M

Y

CM

เรือ่ งคุยกันและสนิทสนมถูกคอกันมากขึน้ คุณ หมอในฐานะเพื่อนรุ นพี่ที่เข าสู วงการพระมา ก อนจึงได แนะนําให ผมได รู จักกับเซียนพระผู อาวุโสในขณะนั้นสองคน คนแรกก็คือ “เสี่ย ดม” หรือคุณอุดม กวัสราภรณ และคนที่สอง คือ “เฮียเถ า” หรือคุณวิโรจน ใบประเสริฐ และ หลังจากได พบกับเซียนพระทั้งสองเป นประจํา โดยวันธรรมดาตอนสายๆ ถึงบ ายๆ ผมจะไป ขลุกอยู ที่ร านโบราณวัตถุของ “เสี่ยดม” ที่ชื่อ ว า เสริมพันธ การค า และเย็นๆ หรือวันเสาร – อาทิตย ก็จะไปดักรอเจอเฮียเถ าที่สนามพระ วัดราชนัดดา เป นประจํา และเมื่อมีความรู มาก ขึ้นในเรื่องของพระสวย จึงตระหนักดีว าผมน า จะอาศัยความสนิทชิดเชื้อกับคุณหมอเพื่อจีบ ขอพระสมเด็จอกครุฑองค สวยแชมป องค นี้ และเมือ่ นําความตัง้ ใจมาปรึกษา “เสีย่ ดม” และ “เฮียเถ า” ก็ ได รับความเห็นและแนะนําที่ ตรงกันว า หากวันใดเห็นแววตาคุณหมอจะ ใจอ อน ห ามขอให คุ ณ หมอตี ราคาเด็ ดขาด เพราะคุณหมอเป นบุคคลทีข่ เี้ กรงใจเพือ่ นอย าง ที่สุด ดังนั้นควรเสนอราคาไปทีเดียวและอย า เผื่อต อรอง เพราะคนอย างคุณหมอไม มีวันที่

จะมาต อรองราคากับเพื่อนๆ ที่สนิทสนม และเกรงใจกันอย างแน นอน และโอกาสทีผ่ ม รอคอยก็ม าถึง เมื่อเช า วัน หนึ่งในเดือน ธันวาคม ป พ.ศ. ๒๕๒๐ เมือ่ คุณหมอเจอ กั บ เหตุ ก ารณ บ างอย า งในวงการพระที่ ทําให ผดิ หวังถึงขัน้ บอกลาวงการ ผมก็เอ ย ขอพระองค นี้ตรงๆ และก็รีบเสนอราคา แบบชนิดไม ตอ งต อรองกันอีก คําตอบที่ได รับจากคุณหมอสั้นๆ ก็คือ ‘ผมตั้งใจจะให คุณอยู แล ว’ และก็ยังถามกลับว า ‘ราคาที่ เสนอให ผมจะสูงเกินไปหรือเปล า ไม ตอ งถึง ขนาดนั้นก็ได นะ’ และเมือ่ เวลาผ านไปกว า ๓๘ ป เมือ่ ผม นึ ก ย อ นหลั ง เหตุ ก ารณ ใ นอดี ต ก็ รู สึ ก ประทั บ ใจกั บ นํ้ า ใจและความจริ ง ใจของ เพื่อนๆ ในอดีตที่หาไม ได อีกแล ว เพราะใน โลกป จจุบัน ไม ว าจะเป นเพื่อนสนิทหรือ ญาติพนี่ อ ง หากราคาของทีเ่ ราเสนอตํา่ กว า ราคาทีค่ นอืน่ ๆ เสนอ ก็คงหวังไม ได วา นํา้ ใจ ความผูกพัน จะชนะราคาที่สูงกว าหรือไม เฮ อ! บ นเรือ่ งพรรค นอี้ กี แล ว พอดีกว าครับ ขอบคุณครับ

MY

CY

CMY

K


ของต องรฤก | เรื่อง : เพชร ท าพระจันทร

พลังอํานาจแห งคุณพระรัตนตรัย

หนังสืออํานาจแห งคุณพระรัตนตรัย เป นหนังสือที่นําเสนอถึงจดหมายบอกเล า ประสบการณ ของผู ที่มีและครอบครองวัตถุมงคลชุดพิธีปลุกเสกหมู วัดราชบพิธ ตั้งแต ครั้งที่ ๑ ถึงครั้งที่ ๕ ภายในเล มเล าถึงสารพัดประสบการณ ด วยลายมือของ พระคณาจารย ตา งๆ ทีเ่ คยเดินทางมาร วมในพิธปี ลุกเสกฯ ครัง้ นัน้ นับเป นหนังสือ สําคัญหาอ านได ยากเล มหนึ่งของเมืองไทย

านผูอ า นครับ มีเพือ่ นสมาชิกคอลัมน ของต องรฤกหลายท าน ขัดข องหมองใจใคร ทราบว า แล วจะรู ได อย างไรว าเหรียญ ชุดพิธีวัดราชบพิธ ป ๒๔๘๑ ที่ผู เขียนกล าวอ างอิงผ านมา ถึง ๒ เล ม เพียงเพื่อประกอบให ทราบว าเหรียญพระรูปสมเด็จพระ สังฆราช กรมหลวงชินวรสิริวัฒน เนื้อเงินยกหน าทอง ที่ผู เขียนนํา มาลงให ชมในเล มที่ ๑๕ และเขียนแนะนําให รีบหามาคุ มครองตน ในเล ม ๑๖ เพราะเป นเหรียญมีประสบการณ มีกฤติยาอภินิหาร ช วยใ ห คนที่มีเหรียญหรือวัตถุมงคลที่จัดสร างเข าพิธีปลุกเสก วัดราชบพิธนั้นรอดชีวิตได อย างมีปาฏิหาริย สุดที่จะเชื่อได ท านผู อ าน ผู คนในวงการพระเครื่อง เรื่องประสบการณ ต างๆ ที่เกิดขึ้น ไม ว าจะที่ไหนอย างไร หากเกี่ยวข องกับวัตถุมงคล เครื่ องราง สิ่งพกพา หรือพระเครื่อง ผู คนในวงการนั้น ย อมรู เร็ว และ (ต องการรู ให มาก) เพราะเรื่องดังกล าวเกี่ยวข องในสายงาน ของพวกเขารวมทั้งตัวผู เขียนเอง แต เรื่องตรงข ามย อมบังเกิดแก

๒๒ |

ผู อ านเพื่อนสมาชิกผู อยู นอกวงการที่แน นอนย อมอาจ “ไม รู ว า” แต ละ ครั้งแต ละหนที่เกิดเรื่องราวอันเหลือเชื่อ มีการกล าวอ าง พลังงานทีไ่ ม อาจอธิบายได วา ออกมาช วยชีวติ ผูค นไม ให สญ ู เสียไป ในอุ บั ติ เ หตุ ต า งๆ หรื อ เกิ ด เหตุ ป ระหลาดทํ า ให ผู เ กี่ ย วข อ ง ในเหตุการณ ต างๆ รอดพ นไม เกิดภยันอันตรายใดๆ ขึ้นกับตน จนทําให เชือ่ ว าประสบการณ ทเี่ กิดขึน้ นัน้ เป นเพราะ “สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิ”์ ในวัตถุมงคลที่พวกเขาพกพาน าจะเป นสื่อดึงพลังอํานาจที่ตัวเขา เองก็อ ธิบายไม ได ซึ่งสิ่งที่อธิบายไม ได นั้นคอยปกป องช วยเหลือ พวกเขาเสมอหากเกิดเหตุการณ ไม คาดหมายขึ้น ท า นผู อ า น เรื่ อ งราวของพลั ง อํ า นาจลึ ก ลั บ ที่ ค อยปกป ก รักษาคุ มครองผู คนที่ศรัทธาในอํานาจนั้น เราท านเองก็ยังหา “ไม ได ” กับเหตุผลเพือ่ อธิบายให ผอ ู นื่ “รับรู รับรอง” ในพลังอํานาจ ลึกลับดังกล าวนัน้ เพราะทุกครัง้ ทีก่ ล าวอ างถึงเหตุการณ ตา งๆ ย อม มีทั้งผู เชื่อและผู ไม เชื่อ แน นอนผู ที่เชื่อในพลังอํานาจนั้น ส วนใหญ ย อมต องคลุกคลีหรือใกล ชิดรู ข าวนอกข าวในของวงการพระฯ อยู สมํ่าเส มอพอสมควร ดังนั้นเมื่อมีคนกล าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ทีน่ นั่ ทีน่ ”ี่ แล วมีขนั้ ตอนของความไม นา เชือ่ ว าจะเกิดขึน้ ให พอเดา เป นเค าโครงบ าง คนกลุ มนี้ย อมมีใจโน มเอียงและจะเชื่อไปใน ตอนท ายๆของเรื่องทันที แต คนอีกกลุ ม คนนอกวงการทําอย างไร ที่จะให เขาเชื่อ ผู เขียนเองก็ไม รู จะเริ่มต นอย างไร เพื่อโน มน าวให เกิดการ เชื่อถือ เพราะเมื่อนึกๆ ดู การกล าวอ างถึงสาเหตุต างๆ ย อมเป นการกระทําเพือ่ จูงใจให เกิดความนิยมคล อยตาม ก อให เกิด การฝ กใฝ หรือชักจูงให เชื่อในสิ่งที่เป นไปไม ได แต พลัง อํานาจที่เกิดขึ้นจากความศรัทธากลับมีเรื่องเล าขาน ประกอบและบันทึกเหตุการณ ต างๆ โดยบุคคลสําคัญ แน นอนแม ผูเ ขียนจะเป นนักวิชาการคนหนึง่ ทีง่ านเขียนใกล ชดิ กับพลังอํานาจ เร นลับ แต ก็น อยครั้งที่จะนําพลังอํานาจที่คนในวงการพระเครื่อง (เรื่องของสิ่งที่ชายไทยเชื่อ) มากล าวอ างถึง ส วนใหญ ข อเขียนมัก จะเป นเรือ่ งชีน้ าํ ให ทราบถึง “ศรัทธา” สิง่ ทีม่ ผี น ู ยิ มชืน่ ชอบ “ศิลปะ” สิ่งที่ เ กิดขึ้นและมีอยู ในวัตถุมงคลต างๆ เป นต น เพือ่ แนะให ทราบ และพิจารณาในฝ มอื “ชั้นเชิงช าง” ทีม่ คี วามเป นเลิศส งผลต อการ เนรมิตกรรมให เกิดขึน้ มาในวัตถุมงคลต างๆ นัน้ แต ถา ถามกันตรงๆ ว ามีความเชือ่ ในพลังอํานาจทีแ่ ตะต องไม ได นนั้ หรือไม ท านผู อ าน เพือ่ นสมาชิกทั้งในและนอกวงการ เรือ่ งเล าขานกับประสบการณ ที่ เกิดขึ้ น ต อผู ที่มีและครอบครองวัตถุมงคล (ในที่นี้ขอเน นไปที่วัตถุ มงคลชุด พิ ธีปลุกเสกของวัดราชบพิธ ที่มี ๑๐๘ พระเกจิอาจารย ผู มีชื่ อ เสียงโด งดังในยุคป พ.ศ. ๒๔๘๐ ถึง ๒๔๘๕ ร วมปลุกเสก) สิ่งที่ เ กิดกับหมู ลูกศิษย เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีผู เล าถึง “จะเป นใคร” ขอให ท า นติดตามอ านดูแล วจะทราบว าผู เขียนนั้น “เชื่อหรือไม ” ในพลังอํา นาจสิ่งลึกลับที่ไม อาจแตะต องได ซึ่งวันนี้ถูกหลอมรวม กันและมีชื่อเรียกเฉพาะเป นภาษาทางการว า “พลังอํานาจแห ง พุทธคุณ”

วัดคงคารามจังหวัดเพชบุรี วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ส วนไฉยา เจ าคุณวัดมหาธาตุ นั้น สุวรรณโชติ เจริญพอน ยังเจ าคุณทราบ อาตมาไม ได ทิ้ง จ,ม, โดยเหตุที่รูปยัง ไม เรียบร อย ครันเรียบร อยแล วอาตมาจึงได จัดส งมาให แลเรื่อง แหวนมีคุณวิเสรษ คือนางสาวสอาต จันเพญได ไปอาบนํ้า ได ทํา ตกนํ้าหาย ครันอยู มาได ๒ วันมาได ในที่นอน กับนายจรัญ นะนี กาญจนะ สุนกั กัดแล วจนกลิง้ ไปกลิง้ มาไม เข า ส วนนายผาด อังกินนั สังกะสีตกถูกทัง้ แผ นไม เข า คนทัง้ ๓ นีอ้ ยูก รอกต นจันตําบลท าราบ อําเภอเมืองๆเพชรบุรี จึงเรียนมาให เจ าคุณทราบ กับได สอดรูป ท านวัดตะโหนดหลวง มาในทรอง จ,ม ด วย โดยความนับถือ, พระแฉ ง

(บน) จดหมายลายมือหลวงพ อแฉ ง เล าประสบการณ แหวนหายแล วได คืน (ล าง) วัตถุมงคลของหลวงพ อแฉ ง รูปเหรียญเสมาเล็กเนื้อเงิน สร างครั้งแรกป ๒๔๙๓ หลวงพ อแฉ ง เป นศิษย เอกของท านเจ าคุณพระสุวรรณมุนีฯ “หลวงพ อฉุย” เกจิอาจารย องค สาํ คัญของเพชรบุรี (ประวัตขิ องหลวงพ อแฉ งท านผูอ า นสามารถหาอ านได อย างละเอียดในหนังสือพระเครือ่ งเมืองเพชร โดย นรพล สังขพิทกั ษ “ต น อ อมน อย” ซึง่ มีกาํ หนด จะออกให อ านภายในป ๒๕๕๙ นี้) เหรียญเสมาเล็กของหลวงพ อแฉ ง มีสร าง ๓ ชนิด ๒ เนื้อโลหะ คือชนิดที่ ๑. ทําด วยเนื้อทองแดงผิวไฟ ๒. เนื้อเงิน และ ๓. ชนิดเนื้อเงินลงยา เหรียญทั้งสามชนิดของหลวงพ อแฉ ง นับเป นเหรียญดีมีประสบการณ สูง ผู ที่ห วงใยในชีวิตของตนนั้น สมควรหามาขึ้นคอปกป องตัวเป นอย างยิ่ง สําหรับสนนราคาของเหรียญ นั้นอยู ในหลักหมื่นต น เนื้อเงินนั้นสูงกว าสองหมื่นบาท มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๒๓


จดหมายลายมือหลวงพ อทองสุข วัดโตนดหลวง แจ งถึงพระยาศรีสุรสงคราม เรื่องการจับปลาฉาม

รูปเหมือนบูชาหลวงพ อทองสุข วัดโตนดหลวง ขนาดบูชาหน าตัก ๕.๒ นิ้ว (ก นดินไทย) ออกให บูชาตามจํานวนผู สั่งจองพร อมเหรียญรุ น ๒ ป ๒๔๙๘ รูปเหมือนนี้เดิมเป นของ หลวงพ อหวล วัดนิคมวชิราราม ซึง่ เป นผูร บั กับมือหลวงพ อทองสุขเองเมือ่ ป ๒๔๙๘ (จากบันทึกคําสัมภาษณ หลวงพ อหวล วัดนิคมวชิราราม ตําบลเขาใหญ อําเภอชะอํา จังหวัด เพชรบุรี โดยภณ หัวหิน เมื่อป ๒๕๕๔) สิ่งสําคัญ : รูปเหมือนขนาดบูชานี้ หลวงพ อทองสุขลงเหล็กจารตัวอักขระขอมกํากับไว บนองค รูปเหมือนที่ท านสั่งทําทุกองค ด วย

วัดโตนดหลวง วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๔

ถึงเจ าคุณ ทราบ ด วยรูปพระสังฆราชกับพระแก วมรกฎนั้นอาตมาภาพไม ได เอาไป จะมี คุณวุฒิพินิหารอย างไรอาตมาภาพก็ไม ทราบ แต ว าแหวนอาตมาภาพได เอา ไป และคุณวุฒพิ นิ หิ ารของแหวนอาตมาภาพได แจ งว ามีคณ ุ วุฒพิ นิ หิ ารหลาย อย าง คือ แมลงป องต อยอาตมาภาพเอง อาตมาภาพได เอาแหวนมาวางเข า ตรงที่ถูกแมลงต อยนั้นก็หายไป แล วนางเภาบ านท าเขาบอกว าเจ็บท อง เขา เอาแหวนไปวางไว ที่ท องเจ็บท องก็หายไป แล วเขาบอกว าเขาปวดศรีษะอีก เขาราทนาแหวนไปวางไว บนศรีษะทีป่ วดศรีษะก็หาย และนางง วนบ านท าผีมา เข าเอา ๓ วัน ๓ คืนไม ออกหาหมอไปไล ก็ไม ออก แล วราทนาแหวนนั้นไปผูก คอเข า ผีทเี่ ข านัน้ ก็ออกไป แล วนายสุนบ านท าเป นลูกศิษย ของอาตมาภาพเอง เขาไปทําโป ะได ไปพบปลาฉลามตัวใหญ สักเท าตุ มธรรมดา แล วพวกเขาหลายคนได ใส แหวนลงไปจับปลาฉลามนั้นอ าปากไม ได แล วเขาเอา เชือกลงไปคล องเอาปลาฉลามขึ้นมาได และนางแววที่บ านท าเขาคลอดลูกไม ออก ๓ วัน ๓ คืน แล วราทนาเอาแหวนแช นํ้ารับประทานนํ้าเข าไป ลูกก็ออกมาได และคุณวุฒิพินิหารที่เขาพูดกันเขาว ายังมีอีกหลายอย าง เป นแต เขาพูดกันเป นปากโจทย ตลาดอาตมาภาพก็ยังเอาแน ไม ได เมือ่ เจ าคุณไปเยีย่ มอาตมาภาพทีว่ ดั เมื่อเจ าคุณได กลับมาแล ว อาตมาภาพมีความระลึกถึงอยู เรื่อยๆ แต ความทุกข สุขของเจ าคุณจะเป น อย างไรบ างอาตมาภาพไม ทราบเลย และอาตมาภาพคงเข าใจว าเจ าคุณจะมีความสุขสบายดี แต ส วนอาตมาทุกข สุขพอประมาณ ขอให เจ าคุณ จงมีอายุ วัณโณ สุขัง พลัง เถอด วัตถุมงคลที่ควรเสาะหาของหลวงพ อทองสุข : พระสมเด็จเนื้อครั่งยา สูตรของหลวงพ อทองสุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี : วัตถุมงคลชนิดนี้พบเห็นค อนข างยาก สร างจํานวนจํากัด ส วนใหญ ตกอยู กับศิษย ผู ใกล ชิดที่เฝ าดูแลหลวงพ อ เฉพาะองค นี้มีการลงเหล็กจารเขียนยันต ด วยมือหลวงพ อ ขนาดรูปทรง : ชะลูดกว าพระสมเด็จวัดไชโย ที่สร างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย (โต) วัดระฆัง สิ่งสําคัญ : พระสมเด็จเนื้อครั่งยาองค นี้ไม เคยถูกตีพิมพ เผยแพร ในนิตยสารใดมาก อน

๒๔ |

ด วยความเคารพและนับถือ เจ าอธิการสุข มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๒๕


(บนซ าย) เหรียญเงินถมดําหลังเรียบ : ขนาดเท าหัวแหวน วัตถุมงคลของหลวงพ อจงชนิดนี้ค อนข างหายาก (บนขวา) แหวนมงคลโสฬส : วัตถุมงคลของหลวงพ อชนิดนี้ค อนข างหายากเช นกัน (ล าง) ตะกรุดมหาอุด : ตะกรุดเป นของหายากที่สุดในมงคลวัตถุที่หลวงพ อได สร างไว

ท านผู อ านถึงตอนนี้แล วท านคงได คําตอบเรื่องผู เขียนเชื่อหรือไม ในพลังอํานาจของพระรัตนตรัย

เรื่องอํานาจของพระรัตนตรัยและการแนะนําวัตถุมงคลของพระเกจิอาจารย ผู ร วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลวัดราชบพิธ ทั้ง ๕ ครั้ง เพื่อเป นช องทางให ท านผู สนใจได เสาะหามาคุ มครองป องกันตนในครั้งนี้ จะสําเร็จลงไม ได หากไม ได รับการช วยเหลือจากนักสะสมพระเครื่องตามรายชื่อต อไปนี้ ขอขอบคุณ คุณจริญ ตั้งพร อมพันธ ที่เอื้อเฟ อภาพพระสมเด็จเนื้อครั่งยา สูตรของหลวงพ อทองสุข วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี ขอขอบคุณ คุณอรรณพ ล วนพร อาจารย วันชัย ตันติสิรินันท คุณหมอสุทิน สุขารักษ คุณธานินทร สุทธิวโรตมกุล คุณนรพล สังขพิทักษ คุณณรงค ฤทธิ์ วิริยะ คุณจารุวรรณ ฑีฆาวงศ ขอขอบคุณ พิพิธภัณฑ ศิลปะ พลอย - แพรวา จังหวัดนนทบุรี (ซอยวัดพระเงิน) ที่เอื้อเฟ อภาพวัตถุมงคลของหลวงพ อจง วัดหน าต างนอก และภาพรูปเหมือนบูชาหลวงพ อ ทองสุข วัดโตนดหลวง จังหวัดเพชรบุรี ป ๒๔๙๘ มา ณ ที่นี้ด วย (บน) เหรียญเงินถมดําข างกระหนก หลวงพ อจง วัดหน าต างนอก สร างประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๔ เหรียญนี้มีขนาดใหญ กว าเหรียญหลวงพ อจง ทรงนักษัตร (ด านหลังเรียบ) (ขวา) เหรียญรุ นนิยม : เหรียญหน ากลาง หลวงพ อจง วัดหน าต างนอก เหรียญรุ นนี้สร างออกมาพร อมกันแยกเป น ๓ แบบพิมพ คือ ๑. แบบชนิดพิมพ หน าใหญ ๒. พิมพ หน ากลาง (๒ พิมพ แรกมีสร างเฉพาะเนื้อทองแดง) เฉพาะพิมพ ที่ ๓. พิมพ หน าเล็ก พิมพ หน าเล็กนอกจากจะมีสร างในเนื้อทองแดงแล วยังมีในเนื้อเงิน เนื้อเงินลงยา ซึ่งจัด สร างเป นกรณีพิเศษด วย

๒๖ |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๒๗


คุณค าสถาป ตย | เรื่อง : ผศ. ประเทือง ครองอภิรดี ภาพ : วัชระชัย ไตรอรุณ

คอนเซ็ปชัญ

วัดคริสตังที่เก ากว ากรุงเทพฯ สร างมาตั้งแต อยุธยาตอนปลาย มากมายไปด วยตํานาน สืบสานมิตรภาพแห งพระสหายต างศาสนา ในเจ าฟ ามงกุฎขณะทรงผนวช

อนไปในสมัยอยุธยาตอนปลาย พ.ศ. ๒๒๑๗ สมเด็จพระนารายณ มหาราช พระราชทานที่ดินให สังฆราชหลุยส ลาโน มาสร างวัดในบางกอกสําหรับคริสตัง โปรตุเกส บริเวณวัดสมอราย (หรือวัดราชา ธิวาสในป จจุบนั ) รอบวัดคอนเซ็ปชัญซึง่ ตัง้ อยู ริมนํ้าเจ าพระยา จึงเป นที่อยู ของคริสตังไทย เชื้ อ สายโปรตุ เ กส ต อ มาในสมั ย สมเด็ จ พระนารายณ มหาราชนั่นเองที่มีพวกขุนนาง และเจ านายบางพระองค ไม พอใจพวกโปรตุเกส เห็นว าขุนนางโปรตุเกสคือเจ าพระยาวิชเยนทร ชักจะมีอํานาจมากไป ก็เกิดการชิงอํานาจ กั น ขึ้ น บาทหลวงโปรตุ เ กสทั้ ง ในอยุ ธ ยา และที่บางกอกถูกจับขังคุก เป นเหตุให วัด คอนเซ็ปชัญไร พระสงฆ อยู ระยะหนึ่ง ล ว งมาจนถึ ง สมั ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาแตก บาทหลวงกอรร พาคริสตังอยุธยาส วนหนึ่ง ลี้ภัยไปเขมร ต อเมื่อพระเจ าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีแล ว บาทหลวงกอรร จึงกลับจากเขมรและชวนพวกคริสตังเหล านัน้ มาอยู ที่ย านกุฎีจีน ได รับพระราชทานที่สร าง วัดขึ้นใหม เป นแห งที่สองคือ วัดซางตาครู ส และให บ าทหลวงกอรร ช ว ยดู แ ลวั ดคอน เซ็ปชัญด วย

แท นบูชาหน าฐาน แม พระ เพดาน เรียบง าย ทาสี นํ้าเงิน ดาวทอง

๒๘ |

อาคารวัดด านหน า หันสู ท านํ้า เพราะสร าง สมัยที่เรือเป นทางคมนาคม หลัก (อาคารหลังป จจุบันนี้ สร างในสมัยรัชกาลที่ ๓) หอระฆังเป นส วนต อเติม ในชั้นหลัง มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๒๙


บุ ต ร คราวนั้ น มี บ าทหลวงลั ง เยอนั ว ส์ กั บ คริสตังชาวเขมรติดตามมาด้วย ๕๐๐ คน จึง โปรดเกล้าฯ ให้มาอยูร่ วมกับพวกคริสตังด้วย กันที่ย่านวัดคอนเซ็ปชัญนี้ โดยพระราชทาน ปลูกโรงเรือนให้อาศัยพร้อมเครื่องอุปโภค บริโภค ก็ค่ายอพยพเราดีๆ นีเ่ อง ๕๐๐ คนใน สมั ยนั้ น ไม่ ใ ช่ ค นจ� า นวนน้ อ ยเลย วั ด คอน เซ็ปชัญเมื่อแรกสร้างเป็นเพียงโรงเรือนไม้ เล็กๆ แม้ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นอาคารปูนก็เป็น หลังเล็กๆ ขนาดเท่าโรงจอดรถได้ ๔-๕ คัน ยังปรากฏอยูท่ กุ วันนี้ ทีเ่ รียกกันว่า “วัดน้อย” ซึง่ กลายเป็นพิพธิ ภัณฑ์ของวัดไปแล้วดังจะได้ กล่าวถึงต่อไป นึกภาพเวลาประชุมนมัสการ หรือมิสซา คงจะล�าบากอยู่ อาจจะต้องมีล่าม แปลภาษา แล้วยังต้องแบ่งเป็นหลายรอบด้วย วัดนี้จึงแน่นไปด้วยเขมร จนชาวบ้าน เรียกชือ่ กันว่า “วัดเขมร” แม้วา่ อีก ๘ ปีตอ่ มา บ้านเมืองเขมรจะสงบลงแล้ว มีเขมรบางส่วน กลับบ้านเมืองตนพร้อมกับบาทหลวงลังเยอ นัวส์ ก็ยังมีชาวเขมรเหลืออยู่บางส่วน บ้าง ก็ได้รับราชการมีความดีความชอบ เช่น นาย แก้ ว ได้ เ ป็ น ถึ ง ที่ พระยาวิ เ ศษสงคราม ราชภักดี เป็นจางวาง “กรมทหารฝรัง่ แม่นปืน ใหญ่” และเป็นหัวหน้าดูแลชาวหมู่เขมรด้วย

กัน ลูกหลานได้รบั พระราชทานชุบเลีย้ งสืบมา จนสมั ย รั ช กาล ที่ ๖ ได้ รั บ พระราชทาน นามสกุลให้เป็นสกุล “วิเศษรัตน์” และ “วงศ์ ภักดี” คริสตังเขมรทีห่ นีภยั มาคราวนัน้ ได้นา� รูป แม่พระไม้สลักองค์เล็กๆ มาด้วยองค์หนึง่ ชือ่ เป็นทางการว่า “แม่พระไถ่บาป” คนเก่าๆ จะ เรียก “แม่พระตุ้งติ้ง” เพราะแต่เดิมนั้นเคย ประดับประดาด้วยต่างหูทหี่ อ้ ยตุง้ ติง้ ปัจจุบนั รูปแม่พระองค์นยี้ งั ประดิษฐานอยูท่ วี่ ดั นี้ มิใช่ว่าพวกเขมรจะมอบทิ้งไว้เป็นของ ขวัญทีร่ ะลึกอะไรหรอก แต่เพราะแม่พระท่าน ไม่ยอมกลับเอง! เล่ า ลื อ กั น เป็ น อั ศ จรรย์ ว ่ า เมื่ อ คราว บาทหลวงลังเยอนัวส์จะพาพวกเขมรบางส่วน กลับไปนั้น ได้เชิญรูปแม่พระลงเรือกลับด้วย พอไปถึงกลางน�า้ พายเท่าไหร่กไ็ ม่ไป ต้องพาย กลับมาทีว่ ดั เป็นดังนีอ้ ยู่ ๒-๓ เทีย่ ว ชาวเขมร ก็เลยเชือ่ ว่าแม่พระปรารถนาจะอยูว่ ดั นี้ ก็เลย เชิญแม่พระขึ้นจากเรือ แล้วพวกเขมรก็พาย เรือแล่นลิ่วสู่ปากอ่าวเพื่อต่อเรือใหญ่กลับ เขมรโดยสวัสดิภาพ ทั้งๆ ที่แม่พระองค์ก็เล็ก สูงแค่ประมาณ ๑ เมตร สลักขึ้นด้วยไม้ ไม่ได้ หนักหนาอะไรเลย มหั ศ จรรย์ เ กี่ ย วกั บ รู ป แม่ พ ระองค์ นี้ ยังมีอกี มากมาย สมัยพระสังฆราชปัลเลอกัวซ์

แม่พระองค์อุปถัมภ์ (เทียบได้กับพระประธาน) ของวัด

คริสตังโปรตุเกสส่วนหนึ่งหนีแยกมาอยู่ แถวตลาดน้อย ต่อมาได้รับพระราชทานที่ ให้สร้างวัดกาลหว่าร์เป็นวัดที่ ๓ คริสตัง อีกส่วนหนึง่ ก็อาจจะมาอยูย่ า่ นวัดคอนเซ็ปชัญ ทีส่ ามเสนนีด้ ว้ ย ย่านชาวโปรตุเกสในบางกอก จึงมีอยู่ ๓ ย่านรอบๆ วัดดังกล่าว คริสตังย่านวัดคอนเซ็ปชัญนี้ ในสมัย แรกๆ ก็แน่นอนว่าเป็นชาวโปรตุเกสหรือ คนไทยเชื้อสายโปรตุเกสทั้งนั้น จนกระทั่งใน สมัยรัชกาลที่ ๑ ในเขมรเกิดเหตุการณ์ชงิ ราช บัลลังก์กัน มีเจ้าเขมร ๓ พระองค์หนีมาพึ่ง พระบรมโพธิสมภาร ก็ทรงชุบเลี้ยงไว้เหมือน เข้าจากถนนจะเห็น อาคารด้านหลังก่อน

30 |

แม่พระไถ่บาปที่มาจาก เขมร หรือแม่พระตุ้งติ้ง ปัจจุบันสวมมงกุฎทอง ประดับเศียร

บาทหลวงมาโนช สมสุข เจ้าอาวาสปัจจุบัน

ดู แ ลวั ดนี้ อ ยู ่ คราวหนึ่ ง เกิ ดไฟไหม้ ชุ ม ชน บาทหลวงสวดมนต์ขอพรอยู่ที่สะพานข้าม คลอง ชายพายเรือจ้างคนหนึ่งชี้ไปที่หลังคา วัด (หลังเก่า หรือ “วัดน้อย”) ตะโกนว่ามี ผู้หญิงยืนถือผ้าโบกไล่ไฟ แต่ไม่มีใครเห็นดัง ที่เขาบอก แล้วไฟก็ไหม้มาหยุดอยู่ที่ก�าแพง โดยไม่ไหม้วัด เมื่อคนเข้าไปดูในวัดเห็นรูป แม่พระนี้มีเขม่าไฟติดอยู่ที่เท้า ชายพายเรือ คนนัน้ ยืนยันว่าเหมือนผูห้ ญิงทีเ่ ขาเห็น จึงเกิด ศรัทธาและเข้าเป็นคริสตังในที่สุด มีผู้ศรัทธา ท� า ลู ก ประค� า ทอง ๒ สายคล้ อ งพระบาท

แม่พระ ทางวัดยังเก็บเอาไว้แล้วน�าออกมา ประดับเฉพาะในวันส�าคัญ ยังไม่หมดเรือ่ งอัศจรรย์ มีชาวจีนพายเรือ มาขายผ้าที่ท่าน�้าวัด หญิงสาวผู้หนึ่งมาเลือก ผ้าพื้นสีเทาดอกแดง ๓ พับ แล้วหอบเดินขึ้น หายเข้าไปในวัด จีนขายผ้าตามเข้าไปโวยวาย ทวงค่าผ้า พบแต่ผ้าวางไว้ที่เท้าแม่พระ คุณ พ่อยวงลงมาดูจึงจ่ายค่าผ้าให้ ๘๐ บาท บ้างก็ เล่าว่า เงิน ๘๐ บาทวางไว้ใต้พบั ผ้านัน้ เอง คุณ พ่อยวงเลยน�าผ้านัน้ มาท�าเป็นม่านกัน้ ส�าหรับ แม่พระ มิถุนายน ๒๕๕๙

| 31


โถงภายใน คนเก่าแก่แถวนี้เล่าว่า เก้าอี้ท�าขึ้นใหม่และพื้นเปลี่ยนจาก กระเบื้องลายมาเป็นหินขัด ตู้เก็บเครื่องประกอบพิธี ศักดิ์สิทธิ์ใต้แท่นแม่พระ

32 |

ลวดลายใต้แท่นแม่พระองค์อปุ ถัมภ์ แกะสลักปิดทองฝังกระจก เป็นลายประจ�ายามแบบไทย

เมื่อครั้งอหิวาต์ หรือโรคห่าระบาดครั้ง ใหญ่ในปลายรัชกาลที่ ๓ (พ.ศ. ๒๓๙๒) ผูค้ น ล้มตายเป็นอันมาก ทางวัดจึงเชิญแม่พระองค์ นี้ออกแห่เพื่อให้ชุมชนครัสตังขอพร มีผู้ป่วย ขอพรแล้วรอดตายหายป่วยเป็นจ�านวนมาก แล้วอหิวาต์ก็หยุดระบาด ตั้งแต่นั้นจึงเกิด ประเพณีแห่แม่พระองค์นี้ทุกปี วั น ที่ ๒๔ กันยายน มาจนถึงปัจจุบัน และมีการเลี้ยง ขนมจีนกันในวันแห่ “แม่พระไถ่บาป” จึงได้ชื่อ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “แม่พระขนมจีน” อีก ชื่อหนึ่งด้วย บาทหลวงปัลเลอกัวซ์เป็นผู้สร้างอาคาร วัดหลังปัจจุบนั ท�าพิธเี สก ใน พ.ศ. ๒๓๘๐ และ อัญเชิญรูปแม่พระไถ่บาปมาประดิษฐานไว้ ด้วย วัตถุสา� คัญชิน้ หนึง่ ของวัดนี้ ได้แก่ บุษบก ทรงปราสาท ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่วัดนี้ บุษบก องค์นี้ปัจจุบันใช้แห่ “แม่พระไถ่บาป” เป็น บุษบกไทยที่ออกแบบพิเศษ มีการผูกลาย แบบฝรั่งที่ลายหน้ากระดานและเฟื่องประดับ งดงามมาก เนื่องจากเมื่อครั้งที่เจ้าฟ้ามงกุฎยังทรง ผนวชเป็นพระภิกษุ และทรงจ�าพรรษาอยู่ที่ วัดราชาธิวาสซึ่งอยู่ติดกับวัดคอนเซ็ปชัญ มีบาทหลวงฌอง บัปติสต์ ปัลเลอกัวซ์ พระ สหายต่างชาติเป็นเจ้าอาวาสอยู่ นักบวชต่าง ศาสนาทั้งสองรูปได้แลกเปลี่ยนวิชาการกัน อย่างจริงจัง ทรงใช้ให้นายเกิด มหาดเล็ก ไป เชิญบาทหลวงปัลเลอกัวซ์มาเฝ้า และถวาย การสอนวิชาทางตะวันตกต่างๆ เช่น ภูมศิ าสตร์ ดาราศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ภาษาอังกฤษ และ ละติน โดยทรงสอนภาษาไทย บาลี พระพุทธ ศาสนา และพงศาวดารสยามเป็นการแลก เปลี่ยน บาทหลวงปัลเลอกัวซ์เป็นเจ้าอาวาสวัด คอนเซ็ปชัญอยู่ ๙ ปี ก่อนจะย้ายไปประจ�าที่ วัดอัสสัมชัญและได้รบั การแต่งตัง้ เป็นสังฆราช แห่งสังฆมณฑลสยาม บาทหลวงปัลเลอกัวซ์ เชี่ยวชาญภาษาไทยจนสามารถแต่งหนังสือ “สัพะ พะจะนะ พาสาไท” เป็นพจนานุกรม ๔ ภาษา ไทย - ละติน - ฝรั่งเศส และอังกฤษ ซึง่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรง มีส่วนช่วยด้วยไม่น้อย และ “Grammatica Linguae Thai” เป็นหนังสือไวยากรณ์ ภาษาไทย เขี ย นเป็ น ภาษาฝรั่ ง เศส และพจนานุ ก รม ละติน-ไทย (Dictionatium Latinum Thai, Adusum Missionis Siamensis) นับเป็น

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

สังฆราชปัลเลอกัวซ์

ม้านั่งแบบเก่า เมื่อแรกสร้างอาคารวัดหลังใหญ่นี้คงได้แบบมาจาก ม้านั่งที่เคยใช้ใน “วัดน้อย” (หลังเก่า) แต่ท�าให้ขนาดใหญ่ขึ้น มิถุนายน ๒๕๕๙

| 33


บุษบกพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล าเจ า อยู หัว ใช สําหรับในพิธี แม พระไถ บาป แต ปกติ จะใช ประดิษฐานแม พระ อีกองค หนึ่งดังในภาพ

พจนานุกรมฉบับแรกของไทยที่ได รับการ ตีพิมพ แทนการเขียนลายมือ นอกจากนั้น ยั ง เขี ย นหนั ง สื อ คํ า สอน พระคริ ส ต ธ รรม บทสวดมนต ประวัตศิ าสนา ชีวประวัตนิ กั บุญ เพลงสวดมากมาย บางเล มก็เขียนเป นภาษา ไทยด วย ความเชีย่ วชาญทางด านดาราศาสตร ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล าเจ าอยู หัวที่ได เรียนรู จากพระสหายป ลเลอกัวซ นั้นพัฒนา สูงสุด ทรงคํานวณการเกิดสุริยุปราคา ที่หว ากอได อย างแม นยํากว าฝรั่งดังที่ เรารู ๆ กันอยู แต เสียดายที่พระสหาย ป ลเลอกัวซ ไม ทันได อยู ชื่นชมความ สํ า เร็ จ ด ว ย เพราะท า นสิ้ น ชี วิ ต ลง เสียก อนที่วัด อัสสัมชัญบางรัก แต ท าน แสดงความปรารถนาที่จะให ฝ งร างของ ท านที่วัดคอนเซ็ปชัญ แสดงว าท านผูกพัน กับวัดนี้มาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล าฯพระราชทาน หีบศพสลักเสลาสวยงาม เครื่องป กลอง เรือ ๓ ลําสําหรับร วมขบวนแห และมีพระบรมรา ชานุ ญ าตให ข บวนเรื อ แห ศ พผ า นพระ ตําหนักแพวังหลวงได เป นกรณีพิเศษ (ซึ่ง ปกติจะห ามเด็ดขาด)

ทรงประทับทอดพระเนตรอยูใ นเรือกลไฟ หน าวังหลวง ลดธงมหาราชลงครึ่งเสา โปรด เกล าฯ ให ขบวนเรือแวะ ทรงเป ดพระมาลายืน คํานับไว อาลัย ให เรือทุกลําและทุกป อมที่ ขบวนผ านลดธงครึง่ เสา มีผแ ู ทนพระองค เชิญ เครือ่ งขมาศพและเงินพระราชทานไปร วมพิธี ฝ งด วย จะเห็นได วา ทรงมีพระเมตตาพระสหาย ต า งศาสนาองค นี้ อ ย า งยิ่ ง คณะมิ ส ซั ง จึ ง ทูลเกล าฯ ถวายแหวนยศตําแหน งของพระ สังฆราชป ลเลอกัวซ ซึ่งใช ประกอบพิธีเป น ประจํา ทรงมีพระราชหัตถเลขาตอบรับแหวน ถึงคณะมิสซังด วย วั ด คอนเซ็ ป ชั ญ ได รั บ การบู ร ณะให สวยงามขึน้ ในชัน้ หลัง เช น ติดกระจกสี ขยาย หน าต าง ประดับภาพรูปป นนักบุญและเรื่อง ราวทางศาสนา สร างหอระฆัง เป นต น ในการ บูรณะพื้นวัดเมื่อไม นานมานี้พบว า ศพของ พระสังฆราชป ลเลอกัวซ และสังฆราชดูปองต อี ก องค ห นึ่ ง ถู ก นํ้ า ท ว ม จึ ง อั ญ เชิ ญ ขึ้ น มา ประดิ ษ ฐานใต พ ระแท น พระแม ป ระธาน (องค อปุ ถัมภ ) ในวัด ส วนเศษไม ผขุ องหีบศพ และวัตถุต างๆ ที่พบในหลุมศพเก็บขึ้นแสดง ไว ที่ “วัดน อย” ซึ่งบัดนี้กลายเป นพิพิธภัณฑ

แท นบูชาในวัดน อย เป นเครื่องไม อย างเก า

ฐานบุษบก เป นลายหน ากระดาน ผูกลายก านขดใบผักกาดอย างฝรั่ง ป ดทองติดกระจก คั่นสลับด วย ลายประจํายามก ามปูแบบไทย

เครื่องใช ประกอบพิธี ของเก าในพิพิธภัณฑ

ควรหาโอกาสได เข าชมภายในพิพธิ ภัณฑ วัดน อย จะเห็นแท นบูชาไม แบบเก า รูปเขียน ของพระแม สีเอกรงค มืดทึม ดูเข มขลัง แม จะ ไม ใหญ โตโอฬาร แต สวยและมีคณ ุ ค าในความ เก าขลัง ภาพเขียนเรื่องราวพระเยซูถูกตรึง กางเขนที่ติดประดับอยู สวยแบบศิลปะไร เดียงสา (Innocent Art) งามจริงใจและเป ย ม ด วยศรัทธาจริงๆ นอกนัน้ ยังมีเฟอร นเิ จอร และ เครือ่ งใช ในพิธเี ก็บไว จาํ นวนพอสมควร แม วา การจัดแสดงยังไม ทําเป นระบบดีนัก แต ก็พอ ให เราเห็นร องรอยความเก าแก และคุณค า ของวัดนี้เป นอย างดี ลายเฟ องประดับบุษบก เป นโลหะป ดทองประดับกระจก ร อยเรียงเป นลวดลายสวยงาม

๓๔ |

เก าอี้พิธีของวัดน อย ทาสีเขียนลายทองเก าแก งดงาม มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๓๕


กาลครั้งหนึ่ง | เรื่อง/ภาพ : นภันต์ เสวิกุล

เที่ยวทะเลพม่า หลังเปิดประเทศ

ผมเคยสงสัยและถามตัวเองเสมอๆ ว่า “คนพม่าเขา ไม่เทีย่ วทะเลกันหรือไร?” เพราะไม่วา่ จะได้ ไปเทีย่ วใกล้ เทีย่ วไกลแถวๆ ชายทะเลในประเทศนัน้ ตัง้ แต่ยงั ไม่ได้ เรียกเมียนมาร์อย่างเดีย๋ วนี้ ก็ไม่เคยเห็นคนพม่าลงนอน อาบแดด หรือนุง่ โสร่งวิง่ โทงๆ ลงทะเลในที่ไหนๆ เหมือน อย่างทีค่ นไทยเทีย่ วบางแสน ซึง่ ก็เห็นว่าแปลกอยู่ เพราะ พม่าทัง้ ประเทศนัน้ อยูต่ ดิ ทะเลอันดามัน ทะเลเดียวกับ ภูเก็ต กระบีข่ องเรานีแ่ หละ ดังนัน้ จึงเชือ่ ขนมกินได้วา่ น�า้ ทะเลต้องสวยไม่แพ้กนั แล้วผูค้ นก็นา่ จะชินทะเล

36 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 37


ละนอกจากไม่เที่ยวแล้ว ก็ยังพบว่าพม่า แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากทะเลเลย เรือ ประมงสักล�าก็แทบจะไม่มี สมัยไปด�าน�้าใน ทะเลพม่ ายุค แรกๆ ตกกลางคืนนี่เล่นเอา ปอดแหก มองไปทางไหนก็มืดตื๋อ ไม่สว่าง โพลงไปทัง้ ทะเลด้วยเรือไดหมึกอย่างบ้านเรา เรือรบทหารเรือก็ใช้เรือทีย่ ดึ ไปจากเรือประมง บ้านเราทีล่ กั ลอบเข้าไปจับปลาในบ้านเขา พอ ทาสีเทา ติดปืนหัวเรือเข้าก็กลายเป็นเรือรบ ออกไปลาดตระเวนทีไ่ หนก็จะขนครอบครัวไป ท�ากับข้าวให้กิน ภาพบ้านๆ แบบนี้ ผมคุ้นอยู่ หลายปีสมัยไปท่องเที่ยวด�าน�้าที่มีชื่อเสียง ที่สุดของพม่า ที่ปรมาจารย์และต�านานการ ด�าน�า้ Jacque cousteau น�าเรือ Calypso ของท่านไปส�ารวจแหล่งด�าน�า้ นี้ จนเป็นทีร่ จู้ กั กันในชื่อ เบอร์มา แบงก์ (Burma Bank) ที่ มีสัณฐานคล้ายภูเขายอดตัดลูกย่อมๆ โดย ยอดทัง้ หมดจมอยูใ่ ต้นา�้ เป็นทีอ่ ยูข่ องสารพัด ฉลาม เรียกว่าใครอยากไปดูฉลามก็ต้องไปดู ทีน่ นั่ และถ้าอยากจะดูให้มนั ถึงใจ สะใจ ก็มกั ซื้อปลาสดใส่ลังไปป้อน (shark feeding) ให้มันเข้ามาหาเราใกล้ๆ มากินจากมือเลย ทีเดียว เวลาลงไปดู นักด�าน�้าก็ตัวสั่นงันงก หันหลังพิงปะการังกันเป็นกระจุก รอบๆ ตัว

38 |

พม่า ติดทะเลด้านตะวันตกฝั่งเดียว แต่มีชายฝั่งยาวเหยียดตั้งแต่ทะเลอันดามันแถวๆ จังหวัดระนอง เลยเข้าไปในอ่าวเบงกอล คือพ้นเชียงใหม่ขึ้นไปไหนๆ ยังคงความพิสุทธิ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง และมั่งคั่งด้วยทรัพยากรธรรมชาติ

หิน Black Rock วันนี้ยังเป็นจุดเหนือสุดที่เขายอมให้ เข้าไปด�าน�้า (ถ้าเริ่มต้นจากจังหวัดระนอง) เต็มไปด้วยปลาใหญ่สารพัดชนิด

มีแต่ฉลามหูด�า หูขาว ฉลามสีเงิน และฉลาม นางพยาบาลตัวโตๆ ขนาดสักสองเมตรว่าย กันขวักไขว่ให้เราใจหายใจคว�่า Burma Bank รุ่งเรืองอยู่ไม่นาน พม่า ก็ห้ามเข้าไปเที่ยวในช่วงที่เขารบพุ่งมีปัญหา ในประเทศกัน ครั้นเปิดให้กลับเข้าไปเที่ยว ใหม่ ฉลามก็ไม่เหลือให้เห็นสักเท่าไร ผู้คนก็ เลยซาๆ ไป หันไปด�าน�้ากันแถบเมืองทวาย (mergui archipelago) ที่เขาเปิดให้ เข้าไปด�าน�า้ ตัง้ แต่พน้ ระนองไปหน่อย แล่นเรือ ขึ้นเหนือเรื่อยไปจนถึงแถบจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ที่เรียกว่า Black rock เป็นจุดที่ ไกลสุด ซึ่งการเข้าไปท่องเที่ยวด�าน�้าอย่าง ที่ว่านี้ล้วนต้องไปตั้งต้นที่เกาะสองของพม่า ไปจ่ายเงินค่าเข้าประเทศ ค่าธรรมเนียมด�าน�า้ ซึ่งก็ไม่ใช่ถูกนะครับ ตกคนละเกือบ ๑๐,๐๐๐ บาท (บ้านเราเสีย ๒๐๐ กว่าบาทส�าหรับคนไทย และ ๔๐๐ ส�าหรับชาวต่างชาติ) Secret Island ในปีแรกที่เห็นทางเข้า สู่อ่าวเล็กๆ ด้านในของเกาะจะถูกปิด หมดในยามน�้าขึ้น จึงคงความลึกลับ และความงามของทะเลพม่า ที่ยังปราศจากผู้มาเยือน มิถุนายน ๒๕๕๙

| 39


กระทั่งเมื่อสักสองปีก่อน ผมไปด�ำน�้ำใน พม่ำ บังเอิญลมแรงก็เลยหำที่ด�ำน�้ำง่ำยๆ แถวๆ นั้น จึงโฉบเรือไปที่ Secret ISland ซึ่งเป็นเกำะเล็กๆ ด้ำนทิศตะวันออก มีโพรง หินเล็กๆ สำมำรถลอดเข้ำไปได้ตอนน�้ำลง ก็ เลยเอำเรื อ ยำงแล่ น เข้ ำ ไป พอเห็ น เข้ ำ ก็ ตกตะลึงจังงัง อุแม่เจ้ำ เพรำะข้ำงในเป็น ทะเลสำบเล็กๆ น�้ำทะเลสีฟ้ำสวย แถมตรง ปำกทำงมีหอยมือเสือตัวเป้งคุมเชิงผูบ้ กุ รุกอยู่ งดงำมเหลือใจ ผมอุตส่ำห์ภำวนำว่ำ “เพี้ยง ขออย่ำให้ ใครได้มำพบพำนที่นี่เลย” เพรำะ เชื่อว่ำถ้ำเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มอัตรำศึก เมื่อไร เห็นทีว่ำสองปีน่ำจะหมด!! ปีถดั มำ ผมกลับมำทีน่ อี่ กี เพือ่ ทีจ่ ะพบว่ำ เจ้ำหอยมือเสือสองตัวไม่อยู่แล้ว ส่วนด้ำน นอกงดงำมยิ่ ง ขึ้ น ไปอี ก ด้ ว ยสร้ อ ยสี เ งิ น โอบล้อมบริเวณผิวน�ำ้ รอบเกำะอยูเ่ ส้นเบ้อเริม่ นั่นคือฝูงปลำแองโชวีนับล้ำนๆ ตัว เห็นแล้ว เปรี้ยวปำกขึ้นมำในบัดดล แต่กระแสน�้ำที่ เชีย่ วกรำกและลมแรงในวันนัน้ ท�ำให้ผมพลำด จำกกำรเข้ำไปส�ำรวจในอ่ำวด้ำนใน กระทัง่ ใน ปีนี้จึงได้กลับไปอีก ๒ ครั้ง พบว่ำ Secret ISland กลำยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ไปแล้วเรียบร้อย มีชื่อเสียงใหม่ในชื่อเกำะ ค้อกคอม เกำะหัวใจมรกต และแฟนนำนุแฟน ที่เข้ำไปอุดหนุนก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เป็น นั ก ท่ อ งเที่ ย วชำวไทยของเรำนี่ เ อง โดยมี สนนรำคำของค่ำบริกำรเข้ำไปท่องเทีย่ วด�ำน�ำ้ แบบเช้ ำ ไป-เย็ น กลั บ อยู ่ ใ นรำคำระหว่ ำ ง

ทะเลในของ Secret Island ในยามน�้าลง วันนี้มีผู้มาเยือนวันละหลายร้อยคน และยังเป็น ความตั้งใจของผู้รับสัมปทานเกาะนี้ที่จะควบคุมจ�านวนนักท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด

40 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 41


๓,๕๐๐-๕,๐๐๐ บาทส�าหรับการเดินทางด้วย เรือสปีดโบตล�าใหญ่ ค่าผ่านแดน และอาหาร ๒ มื้อ พร้อมทั้งได้ลงสนอร์เกิล ชมปะการัง น�้าตื้นที่เกาะหัวใจมรกตแห่งนี้และเกาะอื่นๆ อีก ๒-๓ เกาะ เช่น เกาะเกือกม้า เกาะมุเตา โดยมีเกาะตาฟุกเป็นเกาะหลักของการท่อง เที่ยวในแถบนี้ที่เขาพานักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งไป พักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวัน เพราะ เป็นเกาะที่มีชายหาดสวยงาม ขาว ใส ทราย เป็นปุย ใช้ได้เลย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบของบริเวณนี้ก็ว่าได้ ส่วนการให้บริการพิเศษที่ผมถือว่าแซงทาง โค้งทุกบริการบนเกาะในประเทศไทยก็คอื เขา มี free wi-fi แรงปรีด๊ ไว้ให้ใช้ไม่อนั้ ส�าหรับ นักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะมาแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืนบนเกาะ ซึ่งมีบริการ ห้องพักในรูปแบบของเต็นท์หรูหรา ข้างในมี ที่นอน มีพัดลม ปลั๊กไฟชาร์จแบตเตอรี่กล้อง ถามเขาว่ า ใครมาพั ก เขาก็ ว ่ า ใครก็ ไ ด้ ที่ ต้องการมาพักผ่อนแบบนานวันหน่อยและ ต้องการด�าน�้าลึกบริเวณเกาะข้างเคียงสัก หลายๆ วัน และทีน่ า่ จะกลายเป็นจุดขายทีโ่ ดด เด่นกว่า “ปูไก่” ของเกาะตาชัย ก็น่าจะเป็น บริเวณหาดเล็กด้านทิศเหนือทีม่ เี ต่าขึน้ ไข่เป็น จ�านวนมากด้วยความทีย่ งั เป็นทะเลบริสทุ ธิอ์ ยู่ เป็นอย่างมาก

42 |

ครั้ น สอบถามเจ้ า ของกิ จ การถึ ง ความ นิยมของผู้มาเที่ยว ก็ได้รบั ค�าตอบว่าในเดือน มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้มาใช้บริการประมาณ ๕,๐๐๐ คน ซึ่ง(น่าจะ)เป็นที่น่าพอใจส�าหรับ ทุกๆ ฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ส�าหรับการด�าเนินกิจกรรมในปีแรก เอกชน นั้นไม่ต้องพูดถึงละ เพราะเช้าขึ้นมาผมก็เห็น นักท่องเที่ยว day trip นั่งรถมาลงที่ท่าเรือ ระนองเป็นสายทีเดียว ส่วนรัฐบาลเมียนมาร์ ก็ได้ค่าธรรมเนียมส�าหรับค่าผ่านแดนและ ค่าลงด�าน�้าวันเดียวไปหัวละกว่า ๖๐๐ บาท

เกาะตาฟุก ศูนย์กลางการ ท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงแรก หลังพม่าอนุญาตให้มีการ ท่องเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ คุณภาพของน�้าทะเล หาดทราย และสิ่งแวดล้อม ยังถือได้ว่า อยู่ในสภาพเยี่ยม และพร้อม รองรับการมาพักแรม แบบไม่มีอาคารถาวร

(สูงกว่าค่าธรรมเนียมอุทยานฯ ในประเทศไทย ราว ๔ เท่า) ส่วนภาคประชาชนก็น่าจะเป็นที่ พอใจกันทั้งสองฝั่งประเทศ เพราะจังหวัด ระนองก็คึกคัก เกาะสองก็หนาแน่น นักท่อง เที่ยวเองก็มีความสุข รอยยิม้ ใสๆ การท�ากะปินา�้ ปลา ปลาแห้ง ยั ง คงสอดแทรกอยู ่ ร ะหว่ า งรี ส อร์ ต หรู ใ น งาปาลี... อย่างนี้ จะไปสู้เขาได้อย่างไร เมืองชายทะเลอีกแห่งทีไ่ ปอยูม่ าหลายวัน อย่างประทับใจยิ่งก็คือ เมืองงาปาลี (Ngapali) เป็นเมืองท่องเที่ยวริมอ่าวเบงกอล อยู่ ห่างจากย่างกุ้งไปทางทิศตะวันตกเพียงครึ่ง ชัว่ โมงบิน ซึง่ ก็ตอ้ งถือว่าอยูค่ อ่ นไปทางเหนือ แล้วละ รูส้ กึ พิลกึ ๆ อยูเ่ หมือนกันว่าอยูใ่ นแนว เดียวกับจังหวัดล�าปางโน่น เป็นเมืองชายทะเล ที่มีความผสมผสานระหว่างเก่ากับใหม่ได้ อย่างลงตัว เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่มี

งาปาลี เมืองชายทะเลในอ่าวเบงกอล ทีม่ ชี อื่ เสียงทีส่ ดุ ของพม่า บินสัน้ ๆ ไม่ถงึ ครึง่ ชัว่ โมงไม่วา่ จากย่างกุง้ หรือเนปิดอว์ ก็ได้สัมผัสบรรยากาศริมทะเลงาม มิถุนายน ๒๕๕๙

| 43


C

M

Y

CM

MY

CY

วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่แทบ จะหมดไปจากทุกชุมชน ริมฝ งทะเลในบ านเรา ยังคงพบเห็นได ทุกหนแห ง ในพม า

๔๔ |

CMY

ชายหาดยาวเกือบ ๒๐ กม. มีสนามบินของ ตัวเอง มีโรงแรม รีสอร ตสวยๆ ทัง้ ทีเ่ ป นธุรกิจ ของคนพม า เอง และเป น โรงแรมในเครื อ นานาชาติ แต ไม ว าจะแบบไหน ค าห องพัก ก็แพงหูตูบ คือเกินกว าคืนละ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาทขึ้นไปทั้งนั้น แต ถึงค าที่พักจะแพงขนาด นั้น แค เดินข ามถนนมาร านอาหารที่ชาวบ าน มาเป ดขาย เป นร านอาหารทะเลเล็กๆ ขนาด ๕-๖ โต ะ มีผ าปูโต ะ เทเบิลเซ็ตหรูหราอย าง ร านฝรั่ง และมีอยู นับสิบนับร อยแห ง อาหาร สดใหม จากทะเลทุกวัน แต ราคาอาหารถูก อย างเหลือเชื่อ กิน ๔ คนเต็มคราบทั้งกุ งและ ปลา ไม มีไวน ราคาเพียง ๕๐๐-๖๐๐ บาท ทุกมื้อ นับได วา ประเทศเมียนมาร “เริม่ แล ว” ที่ จะเป ดโลกทะเลเพื่อการท องเที่ยว และโดย

ความเป นจริงแล วเขามีศักยภาพสูงมาก ผม ได ข าวเหมือนกันที่จะมีการเป ดสัมปทานทั้ง เพื่อทํารังนกและเพื่อการท องเที่ยว รังนกน ะ รู สึกเฉยๆ เพราะไม ว าที่ไหนเขาก็ห ามผู คน เข าไปยุ มย าม แต เกาะเพื่อการท องเที่ยวนี่ หวาดเสียวเล็กน อย เพราะพม ามีเกาะเยอะ บางเกาะใหญ โตขนาดเกาะช าง เกาะพะงัน มี อ าวเล็กอ าวน อย บางเกาะเครื่องบินนํ้าลงได เชื่อว า อีกสัก ๒-๓ ป การท องเที่ยวทาง ทะเลของเมียนมาร น าจะเป นคู แข งที่สําคัญ ของภู เ ก็ ต พั ง งา กระบี่ เมื่ อ เขากํ า ลั ง เร ง ปรับปรุงระบบสาธารณูป โภคและโลจิสติกส ให พร อมสรรพ เฉพาะอย างยิ่ง การขยาย สนามบินทั้งที่เกาะสอง ทวาย และงาปาลี ซึ่ง ถ าเสร็จสิน้ เมือ่ ไรละก็ คงแข งขันกันสนุก... คิด แล วหนาวแทนผู ประกอบการบ านเรา!!

K


ในความทรงจํา | เรื่อง : วีรภา ดําสนิท ภาพ : พีรเชษฐ นิ่วบุตร

เป ดบ านปลายเนิน…

ศาสตร แห งศิลป

จากรุ นสู รุ น

วันที่ ๒๘ เมษายนของทุกป คือ วันนริศ วันทีร่ ะลึกคล าย วันประสูตสิ มเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยา นริศรานุวดั ติวงศ ทุกป ของวันนีป้ ระตูรวั้ ตําหนักปลาย เนินจะเป ดกว างรับเหล าศิษย และผู ชื่นชอบในศาสตร ศิลป สนามหญ าด านหลังเรือนไทยแต งเป นเวทีสาํ หรับ การแสดงศิลปะไทยดั้งเดิม ทั้งโดยเหล าศิษย รุ นเยาว ศิลป นในวงการ ตลอดจนมือสมัครเล น ผู เชี่ยวชาญ และชํ่าชอง

วันนริศ การแสดงโดยนักศึกษาที่ได รบั “รางวัลนริศ” ในสวนหลังพระตําหนักวังปลายเนิน

นั บ เป น ประเพณี ที่ ป ฏิ บั ติ สื บ ต อ กั น มาตั้ ง แต ส มั ย สมเด็ จ พระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ ยังทรงมี พระชนม ชีพ นอกจากพระองค ท านจะทรงทําบุญทางพุทธศาสนา ในวันคล ายวันประสูติทุกป แล ว จะทรงไหว ครูเพื่อบูชาครูและช าง ศิลปะหลายแขนงในอดีต เมื่อพระองค ท านสิ้นพระชนม เหล า ทายาทราชสกุลจิตรพงศ พยายามรักษาประเพณีนี้ให ยาวนาน สืบไป จึงเป นที่มาแห งการจัดงานวันนริศในทุกวันนี้ ม.ร.ว. จักรรถ จิตรพงศ ผูเ ป นนัดดาหรือ ‘หลานปู’ ในสมเด็จ พระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ บอกเล า ถึงที่มาแห งประเพณีสําคัญนี้ว า ในป พ.ศ. ๒๕๐๖ ป ครบรอบ ๑๐๐ พระชันษาสมเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ รัฐบาลไทยร วมกับองค การการศึกษาวิทยาศาสตร และ วัฒนธรรมแห งสหประชาชาติเห็นพร อมกันว า ควรจะจัดงาน เฉลิมพระเกียรติในฐานะที่ทรงเป นบุคคลสําคัญของชาติในด าน การช าง จึงได ร วมกับราชสกุลจิตรพงศ จัดงานฉลองขึ้น ในโอกาส นี้ได ตั้งทุนสําหรับบํารุงและส งเสริมการศึกษาด านศิลปวัฒธรรม เรียกว า ‘ทุนนริศรานุวัดติวงศ ’ (ป จจุบันปรับชื่อว า รางวัลนริศรา นุวดั ติวงศ ) มีคณะกรรมการควบคุมดําเนินงานในรูปแบบมูลนิธฯิ

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๔๗


๒๙ เมษายนของทุกป วังปลายเนินจะเป ดให บุคคล ทั่วไปเข าเยี่ยมชมได โดย ไม เก็บค าเข าชม มีสินค า และของที่ระลึกจําหน าย หนึ่งในนั้นคือ สํารับข าวแช บ านปลายเนินอันเลื่องชื่อ ที่หนึ่งป จะมีขายเพียง ครั้งเดียว

หม่อมราชวงศ์ จักรรถ จิตรพงศ์ ‘หลานปู’่ ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์

48 |

การจัดงานวันนริศครั้งแรกในป พ.ศ. ๒๕๐๙ ช วงเช ามีการ ทําบุญถวายเสด็จในกรมฯ องค บรรพบุรษุ และพิธไี หว ครูตามแบบ ที่เคยทรงทํา ยามบ ายมีพิธีมอบทุนการศึกษา เมื่อเสร็จสิ้นพิธี นั ก เรี ย นจะได โ อกาสแสดงฝ มือ ทางดนตรี แ ละการแสดงโดย มูลนิธิฯ เป ดให ผู ปกครองนักเรียนและผู สนใจเข าชมด วย ทั้งนี้ เป นการ “ให ทุนการศึกษาแก นักเรียนที่สนใจฝ กหัดตัวเองให เป นศิลป นไทย ถือเป นกําลังใจให เขาได เรียนให จบได สําเร็จ และมีความเป นเลิศ เพื่อที่จะสร างศิลป นอาชีพในยุคต อๆ ไป” หม อมราชวงศ จักรรถกล าวด วยรอยยิ้ม จากนัน้ ในวันรุง ขึน้ ๒๙ เมษายนของทุกป วังปลายเนินจะเป ด ให บคุ คลทัว่ ไปเข าเยีย่ มชมได โดยไม เก็บค าเข าชม มีสนิ ค าและของ ทีร่ ะลึกจําหน าย หนึง่ ในนัน้ คือ สํารับข าวแช บา นปลายเนินอันเลือ่ ง ชือ่ ทีห่ นึง่ ป จะมีขายเพียงครัง้ เดียว กิจกรรมทีพ่ ลาดไม ได คอื การ ชมตําหนักพร อมคําบรรยายนําชมโดยสมาชิกราชสกุลจิตรพงศ นับเป นประสบการณ นา ประทับใจ เรือ่ งราวในรัว้ วังเอกศิลป นแห ง ชาติผ านการบอกเล าจากเหล าสมาชิกราชสกุลที่หมุนเวียนกันไป แต ละรอบ คล ายกับว าเราได เข าไปในรัว้ บ าน ร วมรับฟ งการเล าถึง ประสบการณ ในวัยเด็กของทายาท เรื่องราวอันน าสนใจจากรุ น สู รุ นท ามกลางบรรยากาศสงบของแมกไม ร มครึ้มในวัง ทําให ผู เข าชมได เรียนรู เกร็ดประวัติศาสตร ที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ผลงาน สมเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ

หลังจากงานวันนริศในวันที่ ๒๘-๒๙ เมษายน ทุกป สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในฐานะองค ประธาน กิตมิ ศักดิท์ รงพระกรุณาเสด็จร วมงานวันนริศในวันถัดไปเป นการ ส วนพระองค บรรดานักเรียนนาฏศิลป และดนตรีไทยและคณะ ละครสมัครเล นตลอดจนวงดนตรีบ านปลายเนินต างป ติยินดีที่จะ ได แสดงฝ มือเฉพาะพระพักตร รวมทั้งนักเรียนทุนทัศนศิลป ก็ มีโอกาสที่จะทูลเกล าทูลกระหม อมถวายผลงานศิลปะฝ มือตนเอง ทั้งหมดนี้เป นความภาคภูมิใจอย างล นพ นแก คณะกรรมการ มูลนิธิฯ ราชสกุลจิตรพงศ และผู เกี่ยวข องทั้งมวล

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๔๙


ได้เห็นว่าห้องทรงงานนั้น ทรงออกแบบให้มีช่องลม เปิดกว้างทั้ง ๒ ฝั่ง เป็นห้องทรงงานที่โปร่ง โล่งสบาย เป็นการออกแบบ ทางสถาปัตยกรรมที่ เอื้อต่อการใช้ชีวิต

เรื่องเล่า ณ ต�าหนักปลายเนิน

ประวัติของบ้านปลายเนินนั้น เดิมสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยา นริศฯ ประทับอยู่ที่วังท่าพระ (มหาวิทยาลัยศิลปากรในปัจจุบัน) ต่อมาทรงพระประชวรด้วยโรคพระหทัยโตและหลอดลมอักเสบ จึงทรงคิดจะย้ายทีป่ ระทับออกจากเขตพระนคร ณ ขณะนัน้ ต�าบล คลองเตยนี้เปรียบดัง ‘นอกเมือง’ ที่มีอากาศโปร่งบริสุทธิ์ ช่วย ท�าให้อนามัยสมบูรณ์ขึ้น จึงทรงหาซื้อที่นาแปลงหนึ่งริมคลอง มีเนื้อที่ ๔.๕ ไร่ ราคาตารางวาละ ๔ บาท ทรงด�าริให้หาซื้อ เรื อ นไทยโบราณซึ่ ง ยุ ค นั้ น ไม่ เ ป็ น ที่ นิ ย มถื อ เป็ น ของล้ า สมั ย ท่ามกลางกระแสนิยมเรือนปั้นหยายุคนั้น พระองค์ทา่ นทรงประทับทีว่ งั คลองเตยนีอ้ ย่างเรียบง่าย ไม่ได้ ทรงใช้ข้าวของมีค่าแตกต่างจากธรรมดาสามัญ สังเกตได้จาก การน�าชมในวันนี้ ได้เห็นว่าห้องทรงงานนั้นทรงออกแบบให้ มีช่องลมเปิดกว้างทั้ง ๒ ฝั่ง เป็นห้องทรงงานที่โปร่งโล่งสบาย เป็นการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต ต� า หนั ก เรื อ นไทยด้ า นตะวั น ออกทรงใช้ เ ป็ น ที่ รั บ แขก จัดเหมือนขณะเมือ่ ทรงบ�าเพ็ญพระกุศล มีภาพฝีพระหัตถ์ตน้ แบบ พระอุโบสถวัดราชาธิวาส ต�าหนักโถงด้านตะวันตก เดิมเป็นทีเ่ สวย ปัจจุบันตั้งบุษบกและเครื่องลายรดน�้า ใช้เป็นที่ไหว้ครูประจ�าปี ในงานวันนริศ ห้องในต�าหนักโถงด้านเหนือ เดิมใช้เป็นห้อง

50 |

มหาดเล็กอยู่เวร ปัจจุบันใช้เก็บตู้หัวโขน ในห้องทรงงานมีภาพ ฝีพระหัตถ์ต่างๆ ที่เคยทรงไว้ อาทิ พระเมรุมาศ ตาลปัตร รวมไป ถึงโต๊ะทีเ่ คยประทับทรงพระอักษร เครือ่ งเรือนต่างๆ จัดวางไว้ตาม รูปแบบเดิม ส่วนเหตุผลทีท่ รงเรียกต�าหนักแห่งนีว้ า่ ‘ปลายเนิน’ นัน้ เพราะ แต่ก่อนระดับพื้นถนนพระราม ๔ ต�่ากว่าปัจจุบัน เมื่อตัดผ่านกับ ทางรถไฟจึงต้องถมดินให้ลาดสูง การเดินทางจึงเสมือนขึ้นลง เนินเขา ทั้งนี้ในสมัยก่อน การเดินทางโดยรถม้า กว่าจะข้ามเนิน แห่งนี้ล�าพังก�าลังม้าไม่เพียงพอ ต้องใช้แรงสารถีลากจูงเสมอ

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 51


นายช างใหญ แห งกรุงสยาม และหนึ่งในบุคคลสําคัญของโลก

ทรงออกแบบก อสร างพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ถวายพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล าเจ าอยูห วั เมือ่ พ.ศ. ๒๔๔๒

พระเมรุ สมเด็จพระศรีพชั รินทรา บรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนี พระพันป หลวง พ.ศ. ๒๔๖๓

สมเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ เป นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล าเจ าอยู หัว ทีป่ ระสูตแิ ต พระสัมพันธวงศ เธอ พระองค เจ าพรรณราย ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ าอยูห วั สมเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศฯ ได รับราชการสนองพระเดชพระคุณ ในตําแหน งต างๆ เช น เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสนาบดี กระทรวงพระคลัง เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ผู บัญชาการกรม ยุทธนาธิการ ผู บัญชาการทหารเรือใน พ.ศ. ๒๔๕๒ พระองค ท าน ทรงพระประชวรด วยโรคพระหทัยโตขณะที่ยังทรงรับราชการ ในตําแหน งเสนาบดีกระทรวงวัง จึงได กราบถวายบังคมลาออกจาก ราชการ อย างไรก็ตาม แม ไม ทรงอยูใ นตําแหน งสําคัญทางราชการ พระองค ท านก็ยังทรงรับราชการในพระองค พระบาทสมเด็จพระ มงกุฏเกล าเจ าอยู หัว โดยทรงออกแบบงานต างๆ ตามพระราช ประสงค เช น พระโกศพระบรมอัฐิ และพระวิมานทองคําลงยา ราชาวดี สํ า หรั บ ประดิ ษ ฐานพระบรมอั ฐิ พ ระบาทสมเด็ จ พระ จุลจอมเกล าเจ าอยู หัว งานสถาป ตยกรรมที่ทรงมีฝ มืออย างมากคือการออกแบบ พระเมรุ การออกแบบตาลป ตร และผลงานอันโดดเด นคือ การ ออกแบบก อสร างพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ถวายพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ าอยู หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒

สมเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ

ขันต นาํ้ มนต ถมตะทอง ลายทิศปาลก ของพระยาประเสริฐศุพกิจ ทําที่โรงเรียนเพาะช าง พ.ศ. ๒๔๖๗

๕๒ |

รถพระอาทิตย ภาพเขียนเพดานพระทีน่ งั่ ภาณุมาสจํารูญ (พระทีน่ งั่ บรมพิมาน)

สมเด็จพระเจ าบรมวงศ เธอ เจ าฟ า กรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ ทรงเป น พระโอรสลําดับที่ ๖๒ ในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล าเจ าอยู หัว รัชกาลที่ ๔ พระมารดาคือ พระสัมพันธวงศ เธอ พระองค เจ าหญิงพรรณราย ประสูตเิ มือ่ วันอังคารที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๖ และทรงเป นต นราชสกุล “จิตรพงศ ” ทรงเป นเจ าฟ าฯ ผูเ ชีย่ วชาญศิลปะ แขนงต างๆ ทั้งวิจิตรศิลป สถาป ตย ศิลป ดุริยางคศิลป และวรรณศิลป

พระองค ท า นทรงประยุ ก ต ป รั บ ปรุ ง วิจิตรศิลป ซึ่งเป นศิลปะประจําชาติไทย ด วยการศึกษาเชิงลึกถึงรากเหง า และ คลี่คลายรูปแบบทางศิลปะให มีความ เป นสากลจนเป นที่ประจักษ แก สายตา ชาวโลก อันเป นการประกาศถึงความ เป นอารยประเทศที่มีรากฐานทางศิลป วั ฒ นธรรมอั น งดงามไม ยิ่ งหย อ นไป กว าชาติใดในโลก ตลอดพระชนม ชพ ี ฯ ทรงอุทศิ เวลา ให แก การสร างสรรค “งานช าง” หลาก

สาขา ผลงานที่ ท รงรั ง สรรค ไว นั บ เป นต นแบบและแรงบันดาลใจที่สําคัญ ให แก ช างและศิลป นในยุคหลัง ทรงเป น กํ า ลั ง สํ า คั ญ ในการอนุ รั ก ษ ม รดก ศิ ล ปกรรมไทย และทรงส ง เสริ ม ผู มี ความรู ค วามสามารถให เ ป น กํ า ลั ง สํ า คั ญ ในการสื บ ทอดมรดกงานช า ง ศิ ล ป ไ ทยจนได รั บ ยกย อ งให เ ป น “สมเด็จครู“ ของช างทั้งปวง

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๕๓


นักเรียนคณะละครสมัครเล่น บ้านปลายเนิน

๑ พัดมะโรงนักษัตร ทรงเขียนทูลเกล าถวาย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล าเจ าอยูห วั เมือ่ งานเฉลิมพระชนมพรรษาครบสามรอบ พ.ศ. ๒๔๕๙ ๒ พัดหงส คาํ เปลว ทรงเขียนประทาน หม อมเจ าอิทธิเทพสรรค กฤดากร สําหรับงานศพหม อมสุภาพ กฤดากร พ.ศ. ๒๔๖๘ หม อมเจ าอิทธิเทพสรรค กฤดากรระบายสี ๓ พัดห วง สําหรับงานศพเจ าจอมมารดาห วง พ.ศ. ๒๔๖๑ ๔ พัดศรีรตั นโกสินทร สําหรับงานพระศพสมเด็จเจ าฟ า กรมหลวงศรีรตั นโกสินทร พ.ศ. ๒๔๖๖

๕๔ |

ในรั้ววังแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา คุณชายจักรรถเล่าให้ ทีมงานอนุรักษ์ฟังว่า ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ทุกๆ วันเสาร์ ในวังแห่งนีจ้ ะเปิดรับนักเรียนนาฏศิลป์และดนตรีไทยเข้าร่วมเป็น คณะละครสมัครเล่นบ้านปลายเนิน บริเวณใต้ถุนของต�าหนัก เรือนไทยหลังใหญ่นี้จะมีภาพของบรรดาเด็กตัวเล็กตัวน้อยวัย ตัง้ แต่ ๖ ขวบขึน้ ไปมาฝึกหัดโขน ถัดไปไม่ไกล ผ่านทางเดินต้นไม้ อันร่มรื่นจะมีโรงละครฝึกหัดละครอีกด้าน และอีกเรือนเป็นเรือน ฝึกหัดดนตรีไทย ตามประเพณีเก่าของไทย เด็กวัย ๕-๖ ขวบ จะได้รับการฝึกสอนให้ร�าละคร เล่นโขนตั้งแต่ประมาณ ๖ ขวบ เริ่มตีระนาด ตีฆ้อง คุณชายจักรรถให้ความเห็นว่า “ช่างเป็นภาพ ที่น่ารักน่าเอ็นดู ในงานวันนริศปีที่ผ่านมา บรรดาเด็กเล็กๆ จะมี โอกาสแสดงอย่างน้อยฉากหนึ่งในงานวันนริศ ดังนั้นจะมีบรรดา ผู้ปกครองพากันมาเป็นกลุ่มเพื่อมาดูลูกหลานของตัวเอง เพราะ ฉะนั้นงานวันนริศปีที่ผ่านมาคนจะเนืองแน่นอย่างมาก”

การแสดงละครดึกด�าบรรพ์ เรือ่ งสังข์ทอง ตอนถอดรูป ในงานวันนริศ

แต่ทว่าในปีนี้ ทางคณะละครสมัครเล่นบ้านปลายเนินได้หยุด การเรียนการสอนชั่วคราว เนื่องจากปี พ.ศ. ๒๕๕๘ หม่อมเจ้า กรนิ ก า พระธิ ด าองค์ สุ ด ท้ า ยของสมเด็ จ กรมพระยานริ ศ ฯ สิ้นชีพิตักษัย โดยตามธรรมเนียมไทยโบราณได้มีการตั้งพระศพ อยูช่ นั้ บนของต�าหนักบ้านปลายเนิน ในช่วงเวลานัน้ จึงไม่เหมาะสม ที่จะมีการฝึกหัดละครเช่นเดิม คณะละครจึงถูกระงับไปชั่วคราว โดยก� า หนดการรื้ อ ฟื ้ น คณะละครนั้ น ก� า ลั ง อยู ่ ในมติ ข องคณะ กรรมการมูลนิธิ แต่ไม่วา่ อย่างไร ภาพอันน่าจดจ�าของเหล่าบรรดา ลูกศิษย์ตัวเล็กๆ ที่มีใจรักในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย ได้ ถูกจดจ�าและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ลูกศิษย์บางคนเข้ามาเรียนตั้งแต่ ๕ ขวบ จนปัจจุบันเติบใหญ่ในหน้าที่การงาน และทุกๆ วันนริศ พวกเขาจะกลับมาระลึกถึงต้นพิกุลอายุกว่าร้อยปีที่พวกเขาเฝ้า มองตัง้ แต่เด็กทุกวันระหว่างฝึกซ้อม นีค่ อื สายสัมพันธ์ทบี่ า้ นปลาย เนินหลังนี้สรรค์สร้างคืนสู่สังคม

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 55


C

M

Y

CM

MY

ศิลปะสร างคุณค าสู สังคม

“ราชสกุลจิตรพงศ รวมไปถึงอีกหลายราชสกุล ต างมีใจที่จะ อนุรกั ษ ศลิ ปะของไทยไว อย างเข มแข็งมาตลอดทุกยุคสมัย ทีบ่ า น ของผมมีการเรียนการสอนด านดนตรีมาตลอด อย างที่พูด เช น เดียวกัน ผมเองได รบั การฝ กตีระนาดตัง้ แต อายุ ๖ ขวบเหมือนกัน จนถึงวันนี้ผมไม เคยมีความคิดว าจะเลิก แต วิถีชีวิตภายนอกอาจ ทําให บทบาทของเราแปรเปลี่ยนไป ดังนั้นวงศ สกุลของเราจึง พยายามให ลูกหลานเข าถึงศิลปะในสาขาต างๆ ตลอดชีวิต เพื่อน ฝูงบางคนที่เริ่มรู จักกันโดยการเล นดนตรี ทุกวันนี้ก็ยังรักใคร กัน สนิทสนมกัน ตัวผมเองไม ว าจะไปที่ไหน ทํางานอยู ที่ไหน ก็จะไป ดูแลกิจการของการละคร ดนตรี บางงานก็สาํ เร็จผลเป นทีน่ า พอใจ ยกตัวอย าง ที่ศูนย วัฒนธรรมแห งประเทศไทย ผมเป นผู บริหาร รุ นแรกๆ ที่สนับสนุนการเป ดหลักสูตรศิลปะ โดยจัดกิจกรรม ที่ศูนย วัฒนธรรม เชิญชวนให ผู คนที่อยู ในละแวกใกล เคียงและ สะดวกพาลูกหลานมาให สมั ผัสกับศิลปะ ลองฝ กหัดเล นโน นเล นนี่ ไปเหมือนกับที่วังปลายเนินเลยล ะ (ยิ้ม) จําได ว าป แรกผมพิมพ เป นใบปลิวโฆษณา แล วเดินเข าไปในตลาดห วยขวาง นําไปแจก บรรดาแม คา กับลูกค าในนัน้ ‘ถ าสนใจเชิญนะครับ ถ าสนใจเชิญนะครับ’

๕๖ |

CY

CMY

แล วเขามากัน ก็เป นความภาคภูมิอย างหนึ่งที่เราได สร างคุณค า ของศิลปะขึ้นมาในสังคมเล็กๆ แห งหนึ่ง ทุกวันนีโ้ ครงการฝ กสอน ศิลปะนัน้ ก็ยงั อยู เป นเรือ่ งน าชืน่ ใจว า เด็กบางคนโตขึน้ มาเป นหนุม เป นสาวแล วฝ มอื ดีมาก หลายคนสอบเข ามหาวิทยาลัยได ดว ยฝ มอื ทางศิลปะ แล วก็จบดีๆ มีอยู ครอบครัวหนึ่งซึ่งจบปริญญาเอก ในมหาวิทยาลัยทางศิลปะ นานๆ ทีผมก็กลับไปดูความก าวหน า ของเขาด วยความชื่นใจ ว าเราได ริเริ่มสร างสิ่งที่ยั่งยืนและเป น ประโยชน ต อเยาวชน” คุณชายจักรรถเล าด วยความภาคภูมิใจ ผู ใดมี ใจรักในศิลปวัฒนธรรม สิ่งนั้นจะนําพามาซึ่งกิริยา มารยาท ความซื่อสัตย กตัญู ศิลปะคือเนื้อแท ของมนุษย หากถามว าศิลปะสําคัญต อสังคมอย างไร สิ่งที่ราชสกุลจิตรพงศ มีเจตนารมณ สานต อเพราะราชสกุลจิตรพงศ เชื่อว า ศิลปะคือสิ่งที่ จะปรุงแต งมนุษย ให สมบูรณ

ข อมูลอ างอิง : บ านปลายเนิน คลองเตย มูลนิธินริศรานุวัดติวงศ

K


ประกาศโฆษณาของบริษทั เอลคิงตัน แอนด โคว ในนิตยสาร The Illustrated London News ทีต่ พี มิ พ แพร หลายในสหราชอาณาจักร ในช วงรัชสมัยของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล า เจ าอยูห วั

คงไว ซึ่งคุณค า | เรื่อง : ม.ล. ภูมิใจ ชุมพล ภาพ : หริส นพรัตน เขต

คอลเลกชันเหรียญกษาปณ เหรียญที่ระลึก และตราประทับกะไหล ทอง

สมัยคริสต ศตวรรษที่

๑๙

เป นที่ทราบกันดีอยู แล วว า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ าอยู หัว รัชกาลที่๕ เสด็จพระราชดําเนินเยี่ยมกลุ มประเทศมหาอํานาจในทวีปยุโรป อย างเป นทางการเมื่อป พุทธศักราช ๒๔๔๐ หากแต ยังมีข อมูลทาง ประวัติศาสตร ที่ระบุอีกด วยว า หนึ่งป ก อนหน านั้น พระองค ได ทรงพระกรุณา โปรดเกล าโปรดกระหม อมให สมเด็จพระเจ าน องยาเธอ เจ าฟ าภาณุรงั ษี สว างวงศ เสด็จล วงหน าไปยังทวีปยุโรปเพื่อทรงส งเสด็จสมเด็จพระเจ าลูกยาเธอ สองพระองค คือ สมเด็จพระเจ าลูกยาเธอ เจ าฟ าจักรพงศ ภูวนารถ และ พระเจ าลูกยาเธอ พระองค เจ าเพ็ญพัฒนพงศ รวมทั้งพระวรวงศ เธอ พระองค เจ านิพนั ธุภ าณุพงศ พระโอรสองค โตในสมเด็จเจ าฟ าภาณุรงั ษีอกี ด วย

แต เ หตุ ผ ลในการเสด็ จ ที่ สํ า คั ญ ยิ่ ง ไปกว านั้นคือ เพื่อให สมเด็จเจ าฟ า ภาณุ รั ง ษี ไ ด ท รงใช เ วลาระหว า งที่ ประทับอยู ในทวีปยุโรปเข าเฝ าพระประมุข และพระราชวงศ ในประเทศต างๆ ของยุโรป พบปะผูค น ค นคว าข อมูล ศึกษาขนบธรรมเนียม

๕๘ |

ประเพณีของชาติตา งๆ สังเกตการณ และตระ เตรียมทุกๆ รายละเอียดล วงหน า เพื่อให การ เสด็จพระราชดําเนินไปยังทวีปยุโรปอย างเป น ทางการของพระบรมเชษฐาในป ถดั มาเป นไป อย างราบรื่นงดงามทุกประการ

ในสหราชอาณาจั ก ร สมเด็ จ เจ า ฟ า ภาณุรังษีทรงได เข าเฝ าสมเด็จพระราชินีนาถ วิกทอเรีย เมือ่ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๓๙ และยังได ทรงพบ ทรงสร างความ คุ น เคยกั บ เจ า นายในพระราชวงศ อั ง กฤษ อี ก หลายพระองค นอกเหนื อ ไปจากนั้ น พระองค ยงั ทรงมีโอกาสได ทอดพระเนตรการ อุตสาหกรรมแขนงต างๆ ของสหราชอาณาจักร ทั้งที่เป นของดั้งเดิมและที่พัฒนาขึ้นมาใหม โดยเฉพาะอย า งยิ่ ง ผลงานของกลุ ม นั ก ประดิษฐ และช างฝ มือแขนงต างๆ ที่ได รับคัด เลื อ กให ไ ด รั บ พระราชทานตราพระบรม ราชานุญาตในองค สมเด็จพระราชินนี าถวิกทอเรีย เอง และตราวอร เรนต ในพระบรมวงศ พระองค อื่นๆ ของอังกฤษอีกด วย

หนึ่งในกลุ มช างฝ มือชั้นเลิศที่ได ทรงพบ ในคราวนั้นคือ พนักงานของบริษัทเอลคิงตัน แอนด โคว บริษัทผู ผลิตเครื่องเงินและเครื่อง โลหะต างๆ เพื่อพระราชสํานักอังกฤษ ซึ่งใน เวลานั้นได พัฒนาธุรกิจจนเติบโตยิ่งใหญ และ สามารถทําการผลิตของใช ชั้นดีทั้งสําหรับใน ครัวเรือนและในการโรงแรม จนมีชื่อเสียง และเป นทีร่ จ ู กั ไปทัง้ เครือจักรภพอังกฤษ และ ทั่วโลก บริษัทเอลคิงตัน แอนด โคว ก อตั้งโดย นายจอร จ ริชาร ด เอลคิงตัน บุตรชายของช าง ทองผู เชี่ยวชาญด านการทําของเล นเด็กด วย โลหะมีค า โดยนายริชาร ดได เข าหุ นกันกับ นายเฮนรี เอลคิงตัน ผู เป นทั้งเพื่อนและลูกพี่ ลูกน องของเขา และเริม่ ผลิตข าวของเครือ่ งใช

เหรียญจําลองเหรียญ ฉลองรัชสมัยของพระเจ า จอร จที่ ๔ แห งสหราช อาณาจักรทีผ่ ลิตขึน้ เพือ่ จําหน ายแด นกั สะสม ในรัชสมัยสมเด็จ พระราชินนี าถวิกตอเรีย

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๕๙


การชุบโลหะด วยเทคนิค อีเล็กโตรแพลตทิง ซึ่งได รับ การจดทะเบียนสิทธิบัตรเป น ลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัทนี้ ตั้งแต ป พุทธศักราช ๒๓๗๙ และมีการพัฒนาปรับปรุง ขัน้ ตอนจนสมบรูณแ บบทีส่ ดุ ในอีกสี่ป ถัดมา ซึ่งเราคง สามารถขนานนามให สองหนุ มพี่น องคู นี้ว า “นักเล นแร แปรธาตุ”

ในครั ว เรื อ นที่ ทํ า จากโลหะเงิ น ตั้ ง แต เ มื่ อ ประมาณป พุ ท ธศั ก ราช ๒๓๗๓ ภายใต เครื่องหมายการค าชื่อ จี. อาร . เอลคิงตัน แอนด โคว โดยทั้งคู ร วมกันค นคว าวิธีการ เปลี่ยนสภาพของเนื้อโลหะต างๆ ให เป นชนิด อืน่ ด วยขัน้ ตอนการกะไหล หรือการชุบโลหะ ด วยเทคนิคอีเล็กโตรแพลตทิง ซึ่งได รับการ จดทะเบียนสิทธิบัตรเป นลิขสิทธิ์เฉพาะของ บริษทั นีต้ งั้ แต ปพ ทุ ธศักราช ๒๓๗๙ และมีการ พัฒนาปรับปรุงขั้นตอนจนสมบรูณ แบบที่สุด ในอีกสีป่ ถ ดั มา ซึง่ เราคงสามารถขนานนามให สองหนุ มพี่น องคู นี้ว า “นักเล นแร แปรธาตุ” ตัวยงของเกาะอังกฤษในยุคนั้นเลยก็ว าได โรงงานของเอลคิงตัน แอนด โคว ในยุค แรกๆ นั้ น ตั้ ง ขึ้ น ที่ เ บอร มิ ง แฮม เมื อ ง อุ ต สาหกรรมที่ ใ หญ เ ป น อั น ดั บ ต น ๆ ของ อังกฤษ ซึง่ อยูท างทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ กรุงลอนดอน และภายหลังได ขยายตัวไปยัง เมืองอุตสาหกรรมอื่นๆ เช น เมืองดับบลิน

๖๐ |

ลิเวอร พูล และแม กระทั่งกรุงลอนดอนเอง นอกเหนือจากนัน้ บริษทั เอลคิงตัน แอนด โคว ยั ง ได หุ น ส ว นเพิ่ ม เติ ม อี ก หนึ่ ง คนเมื่ อ ป พุทธศักราช ๒๓๘๕ คือนายจอร ชัว เมสัน ดังนั้นจึงมีการปรับชือ่ ของบริษัทเสียใหม เป น เอลคิงตัน เมสัน แอนด โคว ซึ่งจะเป นชื่อที่ใช ในเครือ่ งหมายการค าของบริษทั นีม้ าอีกหลาย สิบป จวบจนกระทั่งถึงป พุทธศักราช ๒๔๐๔ บริษัทจึงกลับไปใช ชื่อเดิมเมื่อนายจอร ชัว เมสัน ถอนทุนออกไป

เหรียญจําลองเหรียญที่ ระลึกบุคคลสําคัญต างๆ ในประวัตศิ าสตร ของ สหราชอาณาจักรตัง้ แต ยุคราชวงศ ทวิ ดอร ฯลฯ

เมือ่ ป พทุ ธศักราช ๒๔๓๙ ทีส่ มเด็จเจ าฟ า ภาณุรงั ษีฯ เสด็จไปถึงทวีปยุโรปและทรงข าม ฟากช องแคบเข าไปยังเกาะอังกฤษนัน้ เอลคิง ตัน แอนด โคว กําลังเป นผู นําทางด านการ ผลิตข าวของเครื่องใช ที่ทําจากโลหะมีค าทั้ง ปวง โชว รมู ของเขาทัง้ ทีต่ งั้ อยูใ นกรุงลอนดอน และเมื อ งเบอร มิง แฮมคั บ คั่ ง ไปด วยลู ก ค า ฐานะดีจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต างพากันมา จับจ ายหาซื้อสินค าเครื่องเงินสําหรับใช บน โต ะอาหาร และของแต งบ านแต งเรือนอื่นๆ เพือ่ นํากลับไปเป นของทีร่ ะลึก เนือ่ งจากเครือ่ งเงิน ที่ผลิตในสหราชอาณาจักรนั้นขึ้นชื่อด านการ ออกแบบทีล่ าํ้ สมัยและมีคณ ุ ภาพทีด่ กี ว าทีใ่ ดๆ ในยุคนั้น และยิ่งเอลคิงตัน แอนด โคว ได รับ พระราชทานตราพระบรมราชานุญาตจาก สมเด็จพระราชินีนาถวิกทอเรีย และพระบรม วงศ สําคัญๆ ของอังกฤษด วยแล ว ยิ่งได รับ ความเชื่อมั่นจากผู บริโภคมากขึ้นเป นหลาย เท าทวีคูณ

บทความเกีย่ วกับเหรียญ ต างๆ ทีส่ ร างขึน้ เพือ่ เฉลิมฉลองเหตุการณ สําคัญในประวัตศิ าสตร ของสหราชอาณาจักร และเหรียญทีร่ ะลึกบุคคล สําคัญพร อมรูปเหมือน ทีพ่ มิ พ ลงในนิตยสาร เพือ่ เผยแพร ตอ สาธารณะชน ในช วงรัชสมัยของสมเด็จ พระราชินนี าถวิกตอเรีย มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๖๑


เหรียญจําลองทีร่ ะลึกจาก บริษทั เอล คิงตัน แอนด โคว

๖๒ |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๖๓


๖๔ |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๖๕


ภาพที่ ล งในหน า หนั ง สื อ Illustrated London News จากเมื่อป พุทธศักราช ๒๔๔๕ แสดงให เห็นว าสินค าของบริษัทเอลคิงตัน แอนด โคว ได รับการออกแบบอย างงดงาม และประณีตเป นอย างยิ่ง ส วนใหญ เป นเครื่อง ใช บนโต ะอาหารชนิดต างๆ มีทงั้ ทีเ่ ป นรูปแบบ ลํ้าสมัย รูปแบบดั้งเดิมของอังกฤษ และรูป แบบที่ได รับแรงบันดาลใจจากทวีปแอฟริกา และเอเชีย ทางบริษัทเอลคิงตัน แอนด โคว ยังรับ สร างชิน้ งานหนึง่ เดียวทีไ่ ม ซาํ้ แบบใคร เฉพาะ สําหรับกลุ มลูกค าพิเศษอีกด วย ซึ่ง สิ น ค า หมวดนี้ เ องที่ ส มเด็ จ เจ า ฟ า ภาณุรังษีทรงสนพระทัย และทรงมี พระบัญชาให ช างของบริษัทเอลคิงตัน แอนด โคว สร างเครื่องใช บนโต ะเสวย เชิงเทียนเงินหนึง่ คู มีหวั ช าง สามเศียร ทีฐ่ านล างมีจารึก ตราประจําพระองค สมเด็จ พระราชป ตลุ าบรมพงศาภิมขุ เจ าฟ าภาณุรงั ษีสว างวงศ ผลิตขึน้ โดยบริษทั เอลคิงตัน แอนด โคว เพือ่ ใช สาํ หรับ งานเลีย้ งพระราชทานในวาระ ต างๆ ทีว่ งั บูรพาภิรมย กรุงเทพฯ

เชิงเทียนเงินของวังบูรพาภิรมย ทมี่ ชี ามแก ว อยูด า นบน ใช ใส ผลไม หรือขนมต างๆ บนโต ะ พระราชทานเลีย้ งอาหารมือ้ เย็น

เชิงเทียนเงินอีกแบบหนึง่ ที่ได รบั แรงบันดาลใจจาก ทวีปเอเซียและอัฟริกา ซึง่ สามารถเปลีย่ นเป นแจกัน จัดดอกไม หรือพานใส ผลไม เมือ่ วางชามแก วไว ดา นบน

๖๖ |

จํานวนมากเพื่อทรงนํากลับมาสําหรับใช ใน งานพระราชทานเลี้ยงที่วังบูรพาภิรมย ของ พระองค นอกจากจะมีชอ นส อมซิลเวอร เพลต หรือเงินชุบแบบอีเล็กโทรแพลตทิงซึ่งเป น สินค าตัวเก งของบริษทั แล ว ยังมีกานํา้ ชา ถาด เงินน อยใหญ แจกัน พานผลไม และเชิงเทียน ประดับประดาด วยหัวช างและพันธุ พฤกษา ทั้งนี้บริษัทเอลคิงตัน แอนด โคว ยังจารึกตรา ประจําพระองค ของสมเด็จเจ าฟ าภาณุรังษีฯ ลงบนเครื่องเงินทุกชิ้นที่ผลิตขึ้นเพื่อวังบูรพา ภิรมย อีกด วย

ชุดช อนซ อมคาวหวานเงิน กะไหล ทองทีเ่ ป นเทคนิค การคิดค นสุดยอดของบริษทั เอลคิงตัน แอนด โคว สภาพเนือ้ ทองยังสุกปลัง่ ทัง้ ๆ ที่ ใช งานมานานกว าหนึง่ ร อยป มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๖๗


ยังมีสินค าอีกหมวดหนึ่งที่ได รับความ นิยมอย างสูงในช วงรัชสมัยของสมเด็จพระ ราชินีนาถวิกทอเรีย นั่นคือ เหรียญและตรา ประทับต างๆ ที่สร างจําลองขึ้นจากเหรียญ และตราประทับของยุคโบราณ ทีย่ งั เก็บรักษา อยู ในคอลเลกชันสําคัญๆ ของราชสํานัก และ ครอบครัวผู มีฐานะดีจากทั่วทวีปยุโรป ซึ่งใน เบือ้ งต นมักทําขึน้ จากปูนปลาสเตอร หล อ และ นํามาระบายสีทับเพื่อให ดูคล ายเหรียญโลหะ ของจริง แล วจึงนํามาเข ากรอบ รวมขึ้นเป น ชุด แยกเป นชนิดต างๆ เพื่อจําหน ายให นัก ท องเที่ยวหรือผู ที่ต องการมีไว สะสมเป นการ ส วนตัว คล ายการสะสมแสตมป

บริษัทเอลคิงตันฯ ได คิด วิธีทําให สินค าของที่ระลึก ชนิดนี้ทรงคุณค าขึ้นอีก ด วยการเปลี่ยนวัสดุที่ใช ทําเหรียญและตราประทับ จากปูนปลาสเตอร เป น แป นทองแดงกะไหล ทอง แทน

เหรียญจําลองทีม่ ลี กั ษณะ และขนาดต างๆ กัน ทีบ่ ริษทั เอล คิงตัน แอนด โคว ได รวบรวมขึน้ เป นชุดใหญ ซึง่ ได รบั ความนิยมจาก นักสะสมร วมสมัยเป น อย างมาก บางเหรียญมีที่ มาจากยุคกรีก และโรมัน โบราณ และบางชุดรวบรวม จากคอลเลกชันสะสมใน พระราชวงศ สาํ คัญต างๆ ของทวีปยุโรป

บริษัทเอลคิงตันฯ ได คิดวิธีทําให สินค า ของที่ระลึกชนิดนี้ทรงคุณค าขึ้นอีก ด วยการ เปลีย่ นวัสดุทใี่ ช ทาํ เหรียญและตราประทับจาก ปูนปลาสเตอร เป นแป นทองแดงกะไหล ทอง แทน โดยเน นความคมชัดของลวดลายของ ผิวเหรียญและความหลากหลายของทีม่ าของ เหรียญจากคอลเลกชันต างๆ ทั่วยุโรป

๖๘ |

ประวั ติ ข องการสร า งเหรี ย ญกษาปณ เหรียญที่ระลึก และตราประทับในยุโรปนั้นมี มายาวนานหลายพันป ตงั้ แต ยคุ กรีกและโรมัน โบราณที่มักสร างเหรียญและตราประทับที่มี รูปกษัตริย อัศวิน และนักปรัชญาสําคัญต างๆ ขึ้ น ไว เ พื่ อ เทิ ด ทู น คุ ณ งามความดี เ ด น ของ แต ละท าน บางทีมีการทําเหรียญเพื่อบันทึก

เหรียญจําลองเหรียญ ทีร่ ะลึกการสถาปนา จักรพรรดินี โจเซฟ น พระอัครมเหสีของ พระจักรพรรดิ นโปเลียน โบนาปาร ต ของฝรัง่ เศส

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๖๙


นอกจากจะผลิตเหรียญ จําลองเหรียญทีร่ ะลึก ของเหตุการณ สาํ คัญ ต างๆ เเล ว ยังมีการ นําตราประจําตัวบุคคล ประวัตศิ าสตร รวมไปถึง ตราสมาคม สัญลักษณ ของวัดและมหาวิหาร ตราประจําเมืองใหญ ต างๆ ทีม่ มี าตัง้ แต ยุคโบราณ เพือ่ ผลิตขึน้ สําหรับการสะสมของ นักสะสมรุน หลังๆ อีกต อหนึง่ ด วย

เรื่องราวของเหตุการณ สําคัญต างๆ เช น การ ขึ้ นครองราชย และการอภิ เ ษกสมรสของ กษัตริย และพระราชวงศ อีกทั้งการได รับ ชัยชนะในสงครามครั้งใหญ ต างๆ ซึ่งในกรณี หลังนี้ บางครัง้ มีการสร างเหรียญเพือ่ ออกขาย ระดมทุนในการออกทัพจับศึก เหรียญที่ระลึกบางเหรียญมีตราประจํา ราชวงศ กํากับ บางกรณีเป นตราประจําเมือง หรือเครื่องหมายของกระทรวง กรม หรือแม กระทั่งตระกูลยิ่งใหญ ที่มีความสําคัญแห งยุค สมัย สังคมชั้นสูงของยุโรปในคริสต ศตวรรษ ที่ ๑๘-๑๙ ให ความสําคัญต อการสะสมเหรียญ กษาปณ เหรียญทีร่ ะลึก และตราประทับเหล า นี้ และแน นอนทีว่ า ยิง่ เหรียญมีอายุเก าแก และ หายากมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งมีราคาค างวด สูงจนเกินเอื้อมของบุคคลทั่วไป ดังนั้นการ ผลิตเหรียญจําลองของบริษทั เอลคิงตัน แอนด โคว จึงเป นทีน่ ยิ มต อผูบ ริโภคชนชัน้ กลางเป น อย างมาก เพราะนอกจากสนธิราคายังไม สูง มาก พอที่จะจับฉวยได แล ว ยังมีความเป นไป ได ทจี่ ะสะสมให ได จาํ นวนมากพอทีจ่ ะรวมขึน้ เป นคอลเลกชันน าสนใจเพือ่ ส งต อให ลกู หลาน สืบไป

๗๐ |

ในสยามเองเริ่มให ความสนใจต อการ สร างเหรียญกษาปณ เพือ่ ใช แลกซือ้ สินค าแทน เงินพดด วงแบบดั้งเดิมตั้งแต ปลายรัชสมัย ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล าเจ าอยู หัว รัชกาลที่ ๓ แม แต สมเด็จพระราชินนี าถวิกทอ เรียก็เคยทรงส งเครื่องพิมพ เหรียญกษาปณ มาถวายเป น ของบรรณาการแด พ ระบาท สมเด็จพระจอมเกล าเจ าอยู หัว รัชกาลที่ ๔ หากแต การสร างเหรียญที่ระลึกของไทย นั้นจะเริ่มปรากฏให เห็นเป นจํานวนมากก็ใน ช วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล าเจ าอยู หัว รัชกาลที่ ๕ (ดังที่ผเ ู ขียนเคย เขียนบรรยายลงในนิตยสารอนุรกั ษ ฉบับที่ ๓ เดือนกุมภาพันธ ๒๕๕๗ มาแล ว) และคงไม ใช เรื่องแปลกประหลาดอะไร ที่ เ หรี ย ญจํ า ลองจากเหรี ย ญโบราณต า งๆ ของยุโรปเหล านี้จะได เข ามามีอิทธิพล และ เป นต นแบบต อการออกแบบเหรียญกษาปณ เหรียญที่ระลึก และตราประทับต างๆ ของ สยามประเทศ ตั้งแต รัชสมัยของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ าอยู หัว รัชกาลที่ ๕ เป นต นมา

สังคมชั้นสูงของยุโรป ในคริสต ศตวรรษที่ ๑๘-๑๙ ให ความสําคัญ ต อการสะสมเหรียญ กษาปณ เหรียญที่ระลึก และตราประทับเหล านี้ และแน นอนที่ว า ยิ่งเหรียญมีอายุเก าแก และหายากมากขึ้น เพียงใด ก็จะยิ่งมีราคา ค างวดสูงจนเกินเอื้อม ของบุคคลทั่วไป

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๗๑


พิพิธภัณฑ์ | เรื่อง : อรรยา ภาพ : พิพิธภัณฑ์ศิริราช, ปิยนันท์ เกียรตินฤยุทธ

อดีตและวันนี้กับ

พิพิธภัณฑ์ศิริราช

“อนุรักษ์เทเวศร์กิตติประกาศ” ภาพจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ซึ่งบอกเล่าพระราชประวัติของกรม พระราชวังบวรสถานพิมุข ผลงาน ของ ปัญญา วิจินธนสาร จัดแสดง อยู่ภายในห้องสถานพิมุขมงคลเขต

เคยมีค�ำกล่ำวว่ำ ทุกตำรำงนิ้วบนโลกล้วนเป็นรอยจำรึกเรื่องรำว ที่ผันผ่ำนไปตำมกำลเวลำ ไม่ต่ำงจำกพื้นที่บริเวณด้ำนใต้ของปำกคลอง บำงกอกน้อยเรื่อยไปจนถึงวัดระฆังโฆสิตำรำม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ของโรงพยำบำลศิริรำช ตลอดจนคณะแพทยศำสตร์ศิริรำชพยำบำล ที่ให้กำรศึกษำและช่วยเหลือดูแลสุขภำพอนำมัยของประชำชนนับล้ำนชีวิต มำตลอด ๑๒๘ ปี ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์ที่สำมำรถ ย้อนกลับไปได้ถึงสมัยอยุธยำ

72 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 73


นั

บตั้งแต่การเป็นเมืองหน้าด่าน ที่ตั้งของ ด่านขนอนส�าหรับเก็บภาษีเรือส�าเภา ซึ่ง จะล่องแม่น�้าเจ้าพระยาขึ้นไปค้าขายกับ พระนครศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลัง ที่ประทับ ของกรมพระราชวั ง บวรสถานพิ มุ ข ในสมั ย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระปฐมกษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ เป็นพื้นที่ ส�าหรับใช้เป็นอู่ต่อเรือและโรงหล่อของพระบาท สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่ตั้งของโรง ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลหลวงแห่งแรกของ สยามทีร่ กั ษาโดยการแพทย์แผนปัจจุบนั ซึง่ สร้าง ขึน้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู ่ หั ว และโปรดเกล้ า ฯพระราชทานชื่ อ ตาม พระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า ศิรริ าชกกุธภัณฑ์ ตลอดจนเป็นทีอ่ ยูอ่ าศัยของชาว บ้านชุมชนบางกอกน้อย และเคยเป็นที่ตั้งของ สถานีรถไฟธนบุรี พื้นที่แห่งนี้จึงเป็นมากกว่า สถานที่บันทึกเรื่องราวซึ่งควรค่าแก่การศึกษา หากแต่ยังทรงคุณค่าในแง่ของการอนุรักษ์ ด้วย เหตุนี้ คณะแพทยศาสตร์ศริ ริ าชพยาบาลจึงก่อตัง้

74 |

อาคารทรงนีโอคลาสสิกก่อด้วยอิฐสีแดงเดิมเคยใช้เป็น สถานีรถไฟธนบุรปี จั จุบนั ถูกดัดแปลงเป็นอาคารพิพธิ ภัณฑ์ ๑

สถานีรถไฟธนบุรีในอดีต ซึ่งปัจจุบันคือ ที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช

พิพิธภัณฑ์ศิริราชขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะสานต่อ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความรู้ทางการ แพทย์ ด้ า นต่ า งๆ เพื่ อ เป็ น ประโยชน์ ต ่ อ เด็ ก นักเรียน นักศึกษาแพทย์ และบุคคลทั่วไป

พิพธิ ภัณฑ์ศริ ริ าชเปิดให้บริการแก่สาธารณชน มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๗ ภายในประกอบด้วย พิพธิ ภัณฑ์หลัก ๒ แห่ง คือ พิพธิ ภัณฑ์การแพทย์ ของภาควิชาต่างๆ ซึง่ เป็นทัง้ แหล่งเรียนรูแ้ ละคลัง วั ต ถุ อั น ทรงคุ ณ ค่ า อั น ประเมิ น ค่ า มิ ไ ด้ และ พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ที่จัดแสดงงานด้าน ประวัติศาสตร์และโบราณคดีของบริเวณอันเป็น ที่ตั้งของสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน... ณ ที่แห่งนี้มีความเดิม พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานเป็นพิพธิ ภัณฑ์ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่และเริ่มเปิดให้เข้าชมได้เมื่อ ๓ ปี ก่อน ภายใต้โครงการ “สถาบันการแพทย์สยามิน ทราธิราช” คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เดิมพืน้ ทีบ่ ริเวณดังกล่าวอยูใ่ นความดูแลของการ รถไฟแห่งประเทศไทย แต่ด้วยพื้นที่เดิมของโรง พยาบาลศิริราชและคณะแพทยศาสตร์ศิริราช พยาบาลค่อนข้างจ�ากัด ทั้งยังไม่สามารถขยาย ออกไปด้านอื่นได้ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ การรถไฟ แห่งประเทศไทยจึงได้มอบที่ดินติดกันบริเวณ

บรรยากาศภายในห้องศิริสารประพาส ซึ่งจัดเป็นเหมือนห้องสมุดขนาดย่อม ส่วนเก้าอี้ส�าหรับนั่งชมวิดีทัศน์เป็นเก้าอี้ใน ห้องบรรยายส�าหรับนักศึกษาแพทย์ในอดีต

ปากคลองบางกอกน้อยจ�านวน ๓๓ ไร่ ซึ่งเป็น พื้นที่ของสถานีรถไฟธนบุรี (เดิม) ให้ทางศิริราช ได้น�าไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส่วนอาคาร อนุรกั ษ์อายุนบั ศตวรรษซึง่ สร้างขึน้ ในสมัยทีพ่ นื้ ที่ แห่งนี้ยังเป็นสถานีรถไฟธนบุรีจ�านวน ๔ หลัง ประกอบด้วย อาคารสถานีรถไฟ อาคารที่ท�าการ รับส่งสินค้าธนบุรี และอาคารโกดัง ๒ หลังนัน้ ทาง ศิริราชได้ดัดแปลงและจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อ รวบรวมเรื่ อ งราวประวั ติ ค วามเป็ น มาอั น ทรง คุณค่า รวมทั้งรวบรวมหลักฐานทางโบราณคดี ต่างๆ ทีพ่ บโดยบังเอิญจากการปรับปรุงพืน้ ที่ เช่น ฐานป้อมบางส่วน ซากเรือไม้ และภาชนะดินเผา มาจัดแสดง โดยผสานกับการน�าเทคโนโลยีและ สือ่ มัลติมเี ดียให้ประชาชนทัว่ ไป ตลอดจนผูพ้ กิ าร ได้เข้าชม โดยยังคงบรรยากาศและกลิ่นอายของ สถานีรถไฟโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 75


การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานจะ เริม่ ต้นทีอ่ าคารพิพธิ ภัณฑ์ ๑ อาคารทรงนีโอคลาส สิก ก่อด้วยอิฐสีแดงซึ่งเดิมเคยเป็นสถานีรถไฟ ช่องขายตั๋วรถไฟในอดีตจึงถูกดัดแปลงให้กลาย เป็นช่องจ�าหน่ายบัตรเข้าชม มีเก้าอี้พักคอยแบบ ที่ใช้เฉพาะในสถานี ส่วนชานชาลารถไฟในอดีต จัดเป็นห้องแสดงนิทรรศการถาวร ซึง่ ชือ่ เรียกอัน ไพเราะของแต่ละห้อง รวมทั้งชื่อของพิพิธภัณฑ์ แห่ ง นี้ ล ้ ว นเป็ น ชื่ อ พระราชทานจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ ทัง้ สิน้ ล�าดับการเข้าชมจะ ไล่เรียงจากห้องแรก

76 |

ศิริราชขัตติยพิมาน ส่วนจัดแสดงพระบรมสาทิสลักษณ์ พระสาทิสลักษณ์ พระราชด�ารัส พระราชเสาวนีย์ และพระด�ารัส ในพระมหากษัตริย์และพระบรมวง ศานุวงศ์ ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและพระกรุณาธิคุณ ต่อโรงพยาบาลศิริราช

ศิรสิ ารประพาส ห้องบรรยายบอกเล่าเรือ่ ง ราวโดยรวมของพิพิธภัณฑ์ เพื่อปูความรู้ความ เข้าใจผ่านวีดทิ ศั น์ ภายในห้องตกแต่งบรรยากาศ เหมือนห้องสมุด เก้าอี้นั่งทั้งหมดล้วนเป็นเก้าอี้ที่ นักศึกษาแพทย์ ในอดีตเคยใช้นั่งเรียนในห้อง บรรยาย

ศิรริ าชขัตติยพิมาน ส่วนจัดแสดงพระบรม สาทิสลักษณ์ พระสาทิสลักษณ์ พระราชด�ารัส พระราชเสาวนี ย ์ และพระด� า รั ส ในพระมหา กษั ต ริ ย ์ แ ละพระบรมวงศานุ ว งศ์ ผู ้ ท รงมี พระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ และพระกรุ ณ าธิ คุ ณ ต่ อ โรงพยาบาลศิริราช สถานพิมขุ มงคลเขต ความส�าคัญของห้อง นี้คือ พระราชประวัติกรมพระราชวังบวรสถาน พิ มุ ข ที่ น� า เสนอผ่ า นภาพจิ ต รกรรมไทยแบบ ประเพณีชื่อ “อนุรักษ์เทเวศร์กิตติประกาศ” ผล งานของปัญญา วิจนิ ธนสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขา

ทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อเข้ามาในห้องนี้ ผู้ชม จะได้ชื่นชมกับภาพวาดพร้อมเสียงบรรยายด้วย ท�านองเสนาะ ส่วนพืน้ ทีด่ า้ นข้างของภาพเขียนจัด แสดงหุ่นจ�าลองฉากละครจากพระราชนิพนธ์บท ละครเรื่อง “พระศรีเมือง” และฉากปักผ้าไหมรูป ตัวละครหลักจากวรรณคดีเรือ่ ง “ไซ่ฮนั่ ” พระราช นิพนธ์อีกหนึ่งเรื่องที่มีความส�าคัญไม่แพ้กัน ภายในห้องสถานพิมุขมงคลเขตนี้ หนึ่งใน ไฮไลต์ส�าคัญ ได้แก่ ผนังกระจกด้านข้างที่ทอด ยาวขนานไปกับทางเดินสูห่ อ้ งจัดแสดงถัดไป เปิด ให้เห็นฐานป้อมที่อยู่ลึกลงไปจากหน้าดินกว่า ๓ เมตร ซึง่ ค้นพบจากการด�าเนินงานทางโบราณคดี

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 77


ห องโบราณราชศัสตรา จัดแสดงศาสตราวุธ ในกรมพระราชวังบวร สถานพิมุข ซึ่งได รับ ตกทอดกันมาใน สายราชสกุลเสนีวงศ

บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี สันนิษฐานว าเป นฐาน ป อมพระราชวังหลัง นอกจากนี้ ก อนจะเข าสู ห อง จัดแสดงโบราณราชศัสตรา ระหว างทางเดินยังจัด แสดงภาพพิมพ แผนที่เมืองธนบุรีและปริมณฑล เขียนโดยสายลับชาวพม าทีเ่ ข ามายังแผ นดินไทย ในช วงเปลีย่ นผ านจากสมัยธนบุรถี งึ ต นรัตนโกสินทร ความพิเศษของแผนทีน่ อี้ ยูท คี่ วามละเอียดในการ จดบันทึก ส วนด านข างมีการจัดแสดงภาพถ ายใน ป จจุบนั เพือ่ เปรียบเทียบกับแผนทีใ่ นอดีตอีกด วย โบราณราชศัสตรา จัดแสดงศัสตราวุธที่ คณะแพทยศาสตร ฯ ได รบั มอบจากราชสกุล “เสนี วงศ ” เป นราชสกุลสืบเชือ้ สายจากกรมพระราชวัง บวรสถานพิมขุ มีการนําเสนอวีดทิ ศั น ขนั้ ตอนการ บูรณะศัสตราวุธและวีดทิ ศั น การพระราชสงคราม ของศึกท าดินแดง พ.ศ. ๒๓๒๙ ซึ่งเป นสงครามที่ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลคุมทัพหน าเข าตี ค า ยพม า ที่ ส ามสบ พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธ ยอดฟ าจุฬาโลกมหาราชคุมทัพหลวง และกรม พระราชวังบวรสถานพิมขุ ตามเสด็จ กองทัพหลวง เข าตีค ายที่ท าดินแดงรบกับพม าอยู ๓ วัน พม าก็ ทิง้ ค ายแตกไป หลังจากนัน้ ก็ไม มสี งครามใหญ กบั พม าอีก

๗๘ |

ห้องคมนาคมบรรหารจัดแสดง ประวัติของสถานีรถไฟธนบุรี ในรูปแบบ 4 มิติ รางรถไฟ ที่เห็นนี้เป็นของดั้งเดิม

คมนาคมบรรหาร ความพิเศษของห องนี้ อยู ที่การฉายภาพยนตร แบบ ๔ มิติ นําเสนอ ประวั ติ ส ถานี ร ถไฟธนบุ รี ซึ่ ง ถื อ เป น พื้ น ที่ แ ห ง ประวัติศาสตร ผ านการใช เทคนิคพิเศษเพื่อให ผู ชมรูส กึ เหมือนได รว มเดินทางโดยรถไฟย อนไปสู การเริ่มต นเดินทางโดยรถไฟอย างไรอย างนั้น ศิริราชบุราณปวัตติ์ บนชั้น ๒ ของอาคาร เป นส วนจัดแสดงที่เกี่ยวกับกําเนิดโรงพยาบาล ศิ ริ ร าชและการตั้ ง โรงเรี ย นแพทย แ ห ง แรกใน ประเทศไทย จากพระมหากรุณาธิคณ ุ ของสมเด็จ พระบรมราชชนกที่ทรงพัฒนาการแพทย และ สาธารณสุขของไทย ทั้งยังเป นผู เจรจากับมูลนิธิ ร็อกกีเฟลเลอร ให เข ามาช วยเหลือพัฒนาด านการ แพทย ไทย ในส วนถัดไปคือการจําลองบรรยากาศ ของการสอนทางปรีคลินกิ และแสดงอุปกรณ การ

ส่วนหนึง่ ของห้อง ศิรริ าชบุราณปวัตติ์ ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับการก�าเนิด โรงพยาบาลศิริราชและการตั้ง โรงเรียนแพทย์แห่งแรกในประเทศไทย มิถุนายน ๒๕๕๙

| 79


เครื่องถ วย ลายครามจีน ที่ขุดค นได ใน บริเวณที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ ในป จจุบัน

การจัดแสดงสมุนไพรนับร้อยชนิด ที่เป็นส่วนหนึ่งในศาสตร์ของแพทย์ แผนไทย ภายในห้องสยามรัฐเวชศาสตร์ เรือไม้โบราณขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 24 เมตร ซึ่งถูกกลบฝังอยู่ใต้รางรถไฟ ภายในห้องนิวาสศิรินาเวศ

80 |

สอนที่ใช ในยุคก อน ไฮไลต ของห องนี้อยู ที่การ จําลองกระโจมแพทย หรือห องผ าตัดในยุคนั้น ที่เป ดโอกาสให ผู เข าชมร วมแสดงจริงผ านการ Audio Guide ที่ติดไว ภายในหมวกแพทย เพื่อ สร างแรงบันดาลใจให กับนักเรียนและผู เข าชม ที่สนใจอยากเป น “หมอ” สยามรัฐเวชศาสตร ส วนสุดท ายของการ จั ด แสดงบนชั้ น ๒ จะแสดงให เ ห็ น ถึ ง ความ มหัศจรรย ของร างกายมนุษย สาเหตุแห งโรค วิธี การเยียวยาความเจ็บป วย และบทสรุปของการมี สุขภาพดีดว ยแนวคิด “ธรรมานามัย” นําเสนอใน รู ป แบบด ว ยเทคนิ ค ทั น สมั ย ที่ ผู ช มสามารถ ประยุกต ใช ได เช น วีดิทัศน สาธิตการบริหารกาย ด วยวิธีก าวเต น-ก าวตา และท าฤาษีดัดตน การ รับประทานอาหารที่อุดมด วยสมุนไพร และการ พัฒนาจิตให มีสุขภาพดี สิ่งแสดงในห องนี้ส วน หนึ่งนํามาจากพิพิธภัณฑ ประวัติการแพทย ไทย อวย เกตุสิงห ภายในส วนจัดแสดง นิวาสศิรินาเวศ ซึ่ง เป นอาคารโกดังเก าตั้งอยู ริมคลองบางกอกน อย คือการจัดแสดงเรือไม โบราณขนาดกว าง ๕ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ซึ่งถูกกลบฝ งอยู ใต รางรถไฟ ลึก ลงไปจากผิวหน าดินป จจุบันราว ๕-๗ เมตร ลํา เรือเชื่อมต อส วนต างๆ ด วยตะปู เขี้ยวโลหะ และ หุม ด วยแผ นทองเหลืองตลอดทัง้ ลํา นอกจากนีย้ งั

พบชิ้นส วนเครื่องถ วยหลากหลายประเภทในชั้น ดินภายในลําเรือ ไม วา จะเป นเครือ่ งถ วยลายคราม จีน เครื่องถ วยจีน เครื่องถ วยญี่ปุ น เครื่องถ วย ยุโรป พร อมกันนีย้ งั ได เพลิดเพลินกับบรรยากาศ วิถชี วี ติ และทิวทัศน กอ นสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ แถบ ลุ มแม นํ้าเจ าพระยา คลองบางกอกน อย จากภาพ วาดที่แขวนอยู บนผนังโดยรอบอีกด วย อีกด าน ของส วนจัดแสดงคือการจําลองบรรยากาศวิถชี วี ติ สองฝ งคลองบางกอกน อยในอดีต มีศาลาโรง ธรรม และการแสดงหุ นกระบอกเรื่อง พระอภัย มณี หน าบ านสุนทรภู รายละเอียดที่จัดทําขึ้นอย างประณีตภายใน พิพธิ ภัณฑ ศิริราชพิมุขสถานนีถ้ ือเป นแหล งเรียน รูท างประวัตศิ าสตร ทสี่ าํ คัญแห งหนึง่ ทัง้ ยังไม ลมื ที่จะเติมสุนทรียรสด านต างๆ เพื่อให ผู ชมได เพลิดเพลินกับการชมอย างแท จริง ไม ว าจะเป น เสียงดนตรีทงั้ หมดจากการประพันธ ของ รศ. ดร. สุกรี เจริญสุข ผู อํานวยการและคณบดีวิทยาลัย ดุริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล เสียงบรรยาย โครงสี่สุภาพอันไพเราะโดยอาจารย เนาวรัตน พงษ ไพบูลย นอกจากนีส้ อื่ ในการจัดแสดงทัง้ หมด ยังเอื้อต อการรับชมของผู พิการ หากมีโอกาสได ไปเยือน แนะนําให เผื่อเวลาไว อย างตํ่าประมาณ ๒ ชั่วโมงเพื่อให ได ความรู อย างเต็มเป ยม

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๘๑


พิพิธภัณฑ์การแพทย์... เรื่องราวแห่งชีวิต ใช่เพียงแต่พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานที่ เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจ พิพิธภัณฑ์การ แพทย์ศริ ริ าชทีต่ งั้ อยูใ่ นบริเวณใกล้กนั ก็ถอื เป็นอีก หนึ่งสถานที่ที่ควรแวะไปเยือน แต่เดิมนั้นการจัด ท�าพิพิธภัณฑ์การแพทย์มีจุดประสงค์เพียงเพื่อ เก็บรวบรวมตัวอย่างอวัยวะของผูป้ ว่ ยไว้เพือ่ การ สอนให้กับนักศึกษาเท่านั้น ริเริ่มมาตั้งแต่สมัย ศ. นพ. เอลเลอร์ จี. เอลลิส พยาธิแพทย์คนแรก ของไทย ที่สร้างคุณูปการกับวงการแพทย์แผน ปัจจุบันไว้อย่างมาก แม้ตัวพิพิธภัณฑ์จะได้รับ ความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ แต่ต่อมาก็เริ่มมีการจัดตั้งขึ้นใหม่อีกครั้ง และ เมื่อศิริราชจัดงานฉลองครบ ๖๐ ปี พร้อมเปิด โอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมนิทรรศการ ทางการแพทย์ของภาควิชาต่างๆ กลับสร้างความ ตื่นตาและดึงดูดผู้ชมให้เข้ามาขอเยี่ยมชมกัน อย่างต่อเนือ่ ง จนสุดท้ายจึงต้องเปิดเป็นพิพธิ ภัณฑ์ การแพทย์ ปัจจุบันภายในพิพิธภัณฑ์แยกการจัดแสดง ออกเป็นหลายตึก ในจ�านวนนั้น ได้แก่ ตึกอดุลย เดชวิกรม และตึกกายวิภาค

82 |

บนชั้น ๒ ของตึกอดุลยเดชวิกรม ห้องแรกที่ เปิ ด ให้ ช มคื อ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ พ ยาธิ วิ ท ยาเอลลิ ส ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติพยาธิ วิทยาในประเทศไทย ห้องจ�าลองการปฏิบัติงาน ทางพยาธิวิทยาที่ตึกเสาวภาคย์ แสดงระบบการ ท�างานของหัวใจปกติและโรคหัวใจ พัฒนาการ และความพิการแต่ก�าเนิดของทารก และโรค มะเร็งชนิดต่างๆ ที่พบได้บ่อยในชายและหญิง พร้อมแนวทางการรักษาและป้องกัน จัดแสดง ด้วยสิ่งแสดงจริงพร้อมหุ่นจ�าลองประกอบ ต่อด้วย พิพธิ ภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน ทีม่ กั ได้รบั การกล่าวถึงในวงกว้างว่าเป็น ที่เก็บศพของซีอุย และเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุของ คดีนวลฉวี พิพิธภัณฑ์นี้ก่อตั้งในสมัยของ ศ. นพ. สงกรานต์ นิยมเสน ผูร้ เิ ริม่ งานด้านนิตเิ วชศาสตร์ ของศิริราช ในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยส่วนจัด แสดงเกี่ ย วกั บ นิ ติ พ ยาธิ วิ ท ยา แสดงชิ้ น ส่ ว น อวั ย วะต่ า งๆ ของมนุ ษ ย์ ที่ ต ายด้ ว ยโรคตาม ธรรมชาติ และตายโดยผิดธรรมชาติ เหตุการณ์ มหันตภัยสึนามิ เป็นต้น

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 83


ส วนสุดท ายคือ พิพิธภัณฑ ปรสิตวิทยา ที่ รวบรวมตัวอย างพยาธิจากผู ป วย ฯลฯ ไว ใช ใน การเรียนการสอนนักศึกษาหลักสูตรต างๆ โดย เฉพาะนักศึกษาแพทย เพื่อเป นแหล งความรู ที่ ต องการให คนดูตระหนักถึงอันตรายและโทษของ การบริโภคอย างไม ถูกต อง นอกจากนี้ยังมีสิ่งจัด แสดงหลากหลาย เช น อวัยวะของผูป ว ยทีต่ ดิ เชือ้ ปรสิต โดยเฉพาะอัณฑะของผู ป วยโรคพยาธิเท า ช างซึง่ หนักถึง ๓๕กิโลกรัม ตัวพยาธิของจริง และ หุ นจําลองแบบต างๆ ฯลฯ จัดแสดงการติดเชื้อ หนอนพยาธิชนิดต างๆ ในส ว นของตึ ก กายวิ ภ าคประกอบด ว ย พิพิธภัณฑ กายวิภาคศาสตร คองดอน ที่จัดแสดง ทั้งเรื่องของกายวิภาคทั่วไป เช น กายวิภาคของ อวัยวะรับความรู สึกพิเศษ เช น หู ตา จมูก ลิ้น การจัดแสดงระบบประสาท ระบบหลอดเลือด การจัดแสดงอวัยวะตามระบบต างๆ คือ ระบบ ป สสาวะและอวัยวะสืบพันธุ ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ นอกจากนีย้ งั มีการจัดแสดง ที่สําคัญคือ เส นประสาททั้งร างกาย หลอดเลือด แดงทั้งร างกาย ซึ่งเป นผลงานระดับโลกที่หาดู ได ย าก ก อ นป ด ท า ยด ว ย พิ พิ ธ ภั ณ ฑ ก อ น

ประวัติศาสตร และห องปฏิบัติการสุด แสงวิเชียร ที่ จั ด แสดงเรื่ อ งราววิ วั ฒ นาการของมนุ ษ ย มีแผนภูมวิ วิ ฒ ั นาการของสัตว กลุม ไปรเมทตัง้ แต ๗๐ ล านป จนถึงป จจุบนั เรือ่ งราวก อนประวัตศิ าสตร ของพื้นโลก เริ่มจากแผนภูมิแสดงระยะเวลาสิ่งมี ชีวิตเมื่อราว ๕๕๐ ล านป มาแล ว จนถึงกลุ มสัตว เลี้ยงลูกด วยนมเมื่อประมาณ ๗๐ ล านป บรรยากาศของพิพธิ ภัณฑ การแพทย ในวันนี้ แตกต างจากสมัยเริ่มแรกที่มักได รับการกล าว ขวั ญ ถึ ง บรรยากาศอั น เคร ง ขรึ ม โดยสิ้ น เชิ ง เนื่องจากการจัดแสดงในป จจุบันนั้นล วนเต็มไป ด วยสื่อมัลติมีเดียอันทันสมัย เน นที่การเล าเรื่อง ราวและการจัดแสดงทีเ่ ป นประโยชน ตอ การศึกษา หาความรู หากมีเวลาว างแนะนําให หาโอกาส ไปเยือนสักครั้ง เผื่อเวลาในการชมให มากสักเล็ก น อย เพื่อที่จะได ซึมซับบรรยากาศและไม พลาด ไฮไลต สํ า คั ญ ที่ ท างพิ พิ ธ ภั ณ ฑ ตั้ ง ใจจั ด แสดง ให รับชม ขอขอบคุณ คุณนภันต เสวิกุล ที่ปรึกษาหน วยพิพิธภัณฑ ศิริราช สําหรับการนําชมและข อมูลเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑ ศิริราช เป ดทําการทุกวันจันทร , พุธ - อาทิตย เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. หยุดวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ พิพธิ ภัณฑ และห องปฏิบตั กิ ารเรือ่ งราวก อนประวัตศิ าสตร สุด แสงวิเชียร หยุดวันอังคาร, เสาร -อาทิตย และวันหยุดนักขัตฤกษ โทร. ๐ ๒๔๑๙ ๒๖๐๑, ๐ ๒๔๑๙ ๒๖๑๘-๙ www.si.mahidol.ac.th/museums www.facebook.com/siriraj.museum

๘๔ |

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


ต�ำนำนไทย | เรื่อง : ส. พลายน้อย

มี

เป็นคน ต้องมีครู วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันศิลปินแห่งชาติ ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติจะต้องจัดการแสดงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับตนเอง ผมเลือกเรื่องของครูที่ท�าให้ผมได้รับเกียรติในวันนั้น ให้ชื่อเรื่องว่า “แรงครู” ผู้ที่แสดงเป็นเด็กนักเรียนแทนตัวผมแสดงได้ดีมีคนชม ผมยังนึกเสียใจว่าครูชิน อยู่ดี และ ครูเปลื้อง ณ นคร ซึ่งเป็นคนส�าคัญที่ท�าให้ผมได้รับเกียรตินี้ ได้ถึงแก่กรรมไปก่อน

86 |

หลายคนถามผมว่าท�าไมเลือกเรื่อง “แรงครู” ผมก็ตอบว่า “เพราะเป็นคนต้องมีครู” ถ้าผมไม่มีครูก็คงไม่เป็นอย่าง ทุกวันนี้ ผมจึงเลือกเรื่อง “แรงครู” เพื่อเป็นการไหว้ครู ระลึกถึง บุญคุณของครูดังกล่าว เด็กนักเรียนส่วนมากไม่เข้าใจประเพณีไหว้ครู และไม่ทราบ ว่าคนแต่กอ่ นเขาท�ากันอย่างไร จึงขอถือโอกาสเล่าฝากไว้เป็นการ อนุรักษ์สิ่งที่ดีงามของคนไทยไว้ให้ทราบ เมื่อ ๘๐ ปีมาแล้ว ครั้งเป็นเด็กอายุอยู่ในเกณฑ์ต้องเรียน หนังสือ พ่อพาไปฝากเรียนที่โรงเรียนประชาบาล เป็นศาลาวัด จ�าได้วา่ มีพานเล็กๆ ไปด้วยพานหนึง่ ในพานมีดอกมะเขือ หญ้าแพรก ธูปเทียน พ่อไปขอดอกเข็มสีแดงจากพระที่วัดมาใส่พานเพิ่มขึ้น อีกอย่างหนึง่ เพราะในสมัยโน้น ตามวัดนิยมปลูกต้นเข็ม ตามบ้าน ไม่มี มีแต่ดอกมะเขือกับหญ้าแพรก เมือ่ ไปถึงโต๊ะครูใหญ่ พ่อบอก ให้ส่งพานนั้นให้ครูแล้วกราบ ครูใหญ่ก็รับดอกไม้และหญ้าแพรก ธูปเทียนไว้ นัน่ เป็นการฝากเรียนและมอบตัวในวันแรกทีเ่ ข้าโรงเรียน ประเพณีดังกล่าวจะมีมาตั้งแต่ครั้งใดก็ไม่ทราบ แต่อ่าน พบว่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ ก็มที า� กันอยู่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ถึงพระประวัติไว้ ตอนหนึ่งว่า

ถ้าผมไม่มีครูก็คงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ ผมจึงเลือก เรื่อง “แรงครู” เพื่อเป็นการไหว้ครู ระลึกถึงบุญ คุณของครู “การศึกษาของตัวฉัน ได้ทนั เรียนชัน้ ปฐมศึกษาตามแบบเก่า เมื่อในรัชกาลที่ ๔ แรกเรียนต่อคุณแสงเสมียน ในเวลานั้นหนังสือ เรียนยังไม่มฉี บับพิมพ์ แม่ตอ้ งจ้างให้อาลักษณ์เขียนหนังสือเรียน ด้วยเส้นหรดาลลงในสมุดด�า เมือ่ ได้หนังสือมาแล้ว ถึงวันพฤหัสบดี อันถือกันทั่วไปจนทุกวันนี้ว่าเป็น ‘วันครู’ ควรเริ่มเรียนหนังสือ เวลาเช้าให้บ่าวถือพานรองหนังสือเรียนน�าหน้า พี่เลี้ยงอุ้มตัวฉัน เดินตาม มีบ่าวกั้นพระกลดคน ๑ บ่าวตามอีกสองสามคน คน ๑ ถือพานเครื่องบูชา มีดอกไม้ธูปเทียนกับดอกเข็มและดอกมะเขือ ทั้งหญ้าแพรก (ของเหล่านี้เป็นของอธิษฐาน ขอให้ปัญญาแหลม เหมือนเข็ม มีความรูม้ ากเหมือนเมล็ดมะเขือ และรูร้ วดเร็วเหมือน หญ้าแพรกขึน้ ) เมือ่ ถึงส�านักครู ยกพานหนังสือเข้าไปตัง้ ตรงหน้า จุดธูปเทียนกราบไหว้บูชาหนังสือแล้วจึงเริ่มเรียน ครูให้ไม้เหลา เท่าแกนธูปอันหนึง่ ส�าหรับชีต้ วั หนังสือทีอ่ า่ น สอนให้อา่ นค�านมัสการ นโม พุทธายสิทธิ์ก่อน จ�าได้แล้วจึงอ่านสระและพยัญชนะต่อไป นอกจากวันพฤหัสบดีไม่ต้องมีเครื่องบูชา”

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 87


เท่าที่ตรวจสอบบทไหว้ครูโบราณของชาวนครศรีธรรมราช ปรากฏว่ามีตา่ งกันสัน้ บ้าง ยาวบ้าง ค�าบางค�าต่างกันไปบ้างเพราะ จ�าได้ไม่ตรงกัน เช่น บทหนึ่งว่า “สวัสดี เจ้าข้าเอ๋ย ขอเชิญท่านมาสิงตัวอักขรา ข้าน้อยเรียนอรรถขัดทั้งคาถา ศัตรูอย่ามีมา จงวินาศลายสาย ศรี ศรี จ�าเริญสุข สรรพทุกข์จงเหือดหาย ลาภะมามิขาดสาย สรรพชัย ชัย สิทธิเมฯ” ส่วนพระยาภัทรศีลสังวร วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา เล่าว่า การเรียนหนังสือของคนไทยใต้แต่โบราณนัน้ ไม่มแี บบเรียน แบบเรียนอยู่ในพุงครู ใครจะเรียนหนังสือ พ่อแม่จัดเครื่องบูชา พาตัวไปมอบให้ครู ครูก็เขียนแบบเรียนให้เรียน ที่เขียนไว้ด้วยสี หรือชันติดกระดานแข็งเปรีย๊ ะ หรือขุดตัวหนังสือลงในไม้กระดาน ก็มีตั้งแต่ นอโม กอขอ เท่านั้น เหลือนอกจากนี้อาจารย์ก็ลงมือ เขียนให้ด้วยความจ�าให้เรียน บางท่านก็มีแบบเรียนในสมุดข่อย คัดลอกออกส่งให้ลูกศิษย์เรียน ก่อนจะลงมือเรียนทุกวันต้องกราบหนังสือ ประนมมือไหว้ ว่าค�าไหว้สวัสดี จบลงแล้วกราบ... ค�าไหว้สวัสดีมีทั้งสวัสดีน้อย สวัสดีใหญ่ สุดแต่ว่าเวลาที่จะว่าอย่างไหน แต่โดยมากว่าทั้งสอง อย่าง จะขอยก “ค�ำไหว้สวัสดีน้อย” มาให้เห็นเป็นตัวอย่างดังนี้

นะโมพุทธายะ

การเรียนหนังสือของคนไทยใต้แต่โบราณนั้น ไม่มีแบบเรียน แบบเรียนอยู่ในพุงครู ใครจะเรียน หนังสือ พ่อแม่จัดเครื่องบูชาพาตัวไปมอบให้ครู ครูก็เขียนแบบเรียนให้เรียน ที่เขียนไว้ด้วยสี หรือชันติดกระดานแข็งเปรี๊ยะ หรือขุดตัวหนังสือ ลงในไม้กระดานก็มี 88 |

พิธีการไหว้ครูในวันแรกเข้าโรงรียนของแต่ละถิ่นแต่ละภาค คงไม่เหมือนกัน วันแรกที่ผู้เขียนเข้าเรียนนั้นไม่รู้ว่าเป็นวันอะไร ด้วยซ�า้ แต่จา� ได้วา่ ไม่ได้จดุ ธูปเทียน เพียงแต่มอบพานดอกไม้ธปู เทียนให้ครูเท่านั้น แต่ทางภาคใต้มีพิธีรีตองมาก ทราบจากท่าน ปัญญานันทภิกขุ (เมื่อครั้งด�ารงสมณศักดิ์เป็นพระราชนันทมุนี) ได้แสดงปาฐกถาพิเศษในสมัยอายุ ๕ รอบ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม

๒๕๑๔ ถึงการไหว้ครูเมื่อแรกเรียนหนังสือ มีความว่า นุ่งผ้าขาว ไม่สวมเสื้อ มีผ้าขาวปูผืนหนึ่ง เทียนขี้ผึ้ง ๙ เล่ม ติดไว้ที่ผ้านั้น เข้าไปกราบ ๓ ครั้งก่อนจุดเทียน จุดแล้วกราบอีก ๓ ครั้ง แล้วนั่ง ประนมมือ มีผู้กล่าวไหว้ครู มีความตอนหนึ่งว่า “สวัสดีเจ้าข้าเอ๋ย จรมาถึงตูขา้ หนา ข้าน้อยขอเรียนอรรถ เรียนทัง้ ธรรมคาถา... ฯลฯ” ว่าจบแล้วบิดาจับมือขวาถือดินสอ เขียนตัว ก ลงบนกระดาน

๑. ข้าไหวพระพุทธ ทรงศีลบริสุทธิ์ มาอยู่ภายใน ข้าไหว้พระธรรม ชักน�าหัวใจ พระสงฆ์สว่างใน ดวงใจ ทั้งสาม ๒. ข้าไหว้สวัสดี ปัญญาข้านี้ ขอเรียนให้งาม วาด เขียนเรียนค�า ข้าจะท�าตาม ขอเรียนให้งาม วิชาหุ้มหอ ๓. ข้าไหว้คุณแม่ ประเสริฐเลิศแล อีกทั้งคุณพ่อ ลูกน้อยขอเรียน นอโมกอขอ คุณแม่คุณพ่อ คุมพิทักษ์ รักษา ๔. ข้าไหว้คุณครู ท่านสอนให้รู้ นอโมกอกา เรียน ศีลเรียนธรรม องค์พระสัมมา ขอให้ชัยยา แก่มาร ทั้งหลาย ๕. โมโหโทโส ข้าเจ้าร่วมรู้ โลโภฉิบหาย อินทรีย์ ทั้งห้า ฆ่าเสียให้ตาย โลกีย์ฉิบหาย ขออย่ามามี ๖. ศีลทานภายนอก ศีลทานภายใน จ�าใจพันทวี อย่าให้แคล้วคลาด บทบาทพาลี ทั้งเจ็ดคัมภีร์ มี ใน ตัวเรา ๗. พุ ท ธั ง ให้ แ จ้ ง ธั ม มั ง ให้ จ� า สั ง ฆั ง น� า เขลา ดวงจิตสว่างแจ้ง แทงความโง่เขลา จิตใจของเรา เหมือนแสงอาทิตย์ เป็นนิจทุกเมื่อเทอญ.


ที่ต องกราบไหว กระดานชนวนก็เพราะเชื่อถือกันว า พระพรหมเป นผู รักษากระดานชนวน พระวิษณุ เป นผู รักษาผ าห อหนังสือ ความเชื่อนี้เห็นมาจาก อินเดีย และคงจะนําเข ามาพร อมกับพวกพราหมณ การไหว ครูในสมัยโบราณทีเดียวคงจะทําพิธีตอนมอบตัว เท านั้น ครั้นเรียนอ านเรียนเขียน นักเรียนก็ต องไหว ต องกราบ หนังสืออยู เป นประจําเท ากับไหว ครูอักษร แต ตามประเพณีทาง ภาคใต ซงึ่ ใกล ชดิ กับพราหมณ มีไหว นางคงคา นางธรณี แม โพสพ พระพาย พระเพลิง ทั้ง ๕ นี้จัดเป นเทพเจ าของคนโบราณ เป นผู บันดาลความสุขความทุกข จัดเป นยุคที่คนโบราณนับถือธาตุ ทั้ง ๕ เป นเทพเจ า กล าวไว พอให ทราบคติความเชื่อครั้งโบราณ ซึ่งในป จจุบันก็ยังเชื่อถืออยู เช นนั้น เมือ่ ครัง้ ผูเ ขียนเป นนักเรียนชัน้ ประถมต องนัง่ เรียนกับพืน้ ศาลา มีม ายาวสําหรับวางกระดานชนวน ซึ่งเป นหินสีดําทําเป นแผ น ติดกรอบไม ใช หัดเขียน ก ข ส วนมากจะเป นแผ นยาวประมาณ ๑๒ นิ้ว กว างประมาณ ๘ นิ้ว นักเรียนจะได หิ้วไม หนัก แต สมัยที่ นักเรียนเรียนกับพระ ใช กระดานที่เป นไม มีขนาดใหญ นักเรียน ไม ต องหิ้วต องถือ เก็บไว ที่วัด พระยาศรีสุนทรโวหาร (น อย อาจารยางกูร) ครูสอนหนังสือ ครั้งรัชกาลที่ ๔ เขียนอธิบายไว ว า กระดานที่ใช เขียนมีสองอย าง สําหรับนักเรียนชั้นแรกหัดเขียน ก ข เรียกว ากระดานดํา ทําด วย ไม กระดานกว างประมาณ ๑ คืบ ยาวประมาณ ๒-๓ ศอก หนา ราว ๖ กระเบียด ด านที่ใช เขียนหนังสือไสกบจนเกลี้ยงเรียบ ทาด วยเขม าหม อกับนํ้าข าว ผึ่งแดดให แห ง เมื่อจะลบตัวหนังสือ ที่เขียนด วยดินสอขาว ใช นํ้าลบ ทําให กระดานเป ยก ฉะนั้นจึงต อง หยุดตากกระดานให แห งเสียก อนแล วจึงเขียนต อไป เด็กที่ขี้เกียจ เรียนจะแกล งเอานํ้าลบมากๆ กระดานจะได แห งช า มีที่สังเกตว า กระดานของเด็กขีเ้ กียจ สีดาํ จะจางเร็วจนเห็นเนือ้ กระดาน เรียกว า กระดานแดง

กระดานชนวนอีกชนิดสําหรับนักเรียนชั้น ๓ ทําด วยไม ทองหลางหรือไม งวิ้ ทําให เป นแผ นกระดานกว างศอก ยาวศอกคืบ ที่ต องใช ไม ดังกล าวก็เพื่อจะให ทารักติดแน นดี (ขี้รักผสมขี้เถ า ใบตองแห งเรียกว าสมุก ทาให เป นสีดาํ ) ต อจากนัน้ ใช ผงกระเบือ้ ง ถ วยที่ป นละเอียดคลุกกับนํ้ารักทาฉาบอีกครั้งให เรียบเสมอกัน แล วขัดเงาด วยหินหรือเมล็ดสะบ า เมื่อเรียบร อยดีแล วก็ทํากรอบ เรือ่ งไม ทใี่ ช ทาํ กระดานเขียนหนังสือนี้ เท าทีอ่ า นตําราของทางฮินดู เขาใช ไม มะม วงซึ่งถือเป นไม ศักดิ์สิทธิ์ ดินสอทีใ่ ช เขียนกับกระดานชนวนใช ดนิ สอพอง คือ เอาดินสอ พองแช นาํ้ ให เป ยก หรือโขลกให แหลก พรมนํา้ พอให ปน ได ทําเป น แท งขนาดหัวแม มอื ยาวไม เกินคืบ ด วยเหตุทดี่ นิ สอพองถูกนํา้ แล ว เหนียว จึงต องคั้นนํ้าใบตําลึงพรมที่กระดานสําหรับป นดินสอเสีย ก อน ไม เช นนัน้ ดินสอพองก็จะเหนียวติดมือ ป น ยาก เสร็จแล วตาก ให แห ง ใช เขียนได เรื่องการใช กระดานเป นที่เขียนหนังสือมา เลิกใช เมือ่ ผูน าํ หินชนวนมาทําเป นแผ นติดกรอบไม จะมีเมือ่ ไรไม ทราบ แน นอน บางทีจะก อน พ.ศ. ๒๔๗๐ เพราะเมื่อผู เขียนเรียนชั้น ประถมป ที่ ๑ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๖ นัน้ ใช กระดานหินชนวนแล ว เมื่อครั้งเป นนักเรียนต องนั่งกับพืน้ ศาลา มีม ายาวสําหรับวาง กระดานชนวน วันแรกที่เริ่มเรียนครูสอนว าต องกราบกระดาน ชนวนก อนเขียนทุกวัน เมือ่ จะลบตัวอักษรบนกระดานแผ นหินชนวน ให ใช ผ าชุบนํ้าเช็ด (จึงต องมีขวดนํ้าเล็กๆ ใส นํ้าไปด วยพร อมกับ เศษผ า) ห ามใช นํ้าอย างเด็ดขาด และเนื่องจากแผ นหินชนวน ถือยาก อาจตกแตก ผู ใหญ จึงหาผ ามาห อให เพื่อจะได หิ้วสะดวก ผ าที่ห อก็นิยมใช ผ าสีแดง ผู เขียนมาทราบภายหลังว าที่ต องกราบไหว กระดานชนวน ก็ เ พราะเชื่ อ ถื อ กั น ว า พระพรหมเป น ผู รั ก ษากระดานชนวน พระวิษณุเป นผู รักษาผ าห อหนังสือ ความเชื่อนี้เห็นมาจากอินเดีย และคงจะนํ า เข า มาพร อ มกั บ พวกพราหมณ คั ม ภี ร ต า งๆ ที่ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็มีผ าห อสืบมาจนทุกวันนี้ แต ครูไม ได บอกให ศิษย ทราบเพราะเป นเรื่องเกินความเข าใจของเด็ก ที่รู สึก แปลกอย างหนึง่ ก็คอื ไปเห็นศาสตราจารย ชาวญีป่ น ุ ทีป่ ระเทศญีป่ น ุ เมื่อ ๕๐ ป มาแล ว เขายังใช ผ าห อหนังสือมาสอน ไม ใช กระเป า จะได รับแบบอย างมาเช นเดียวกับไทยหรืออย างไรไม ทราบ กล าวไว พอเป นที่สังเกต เรื่ อ งประเพณี ไ หว ค รู เ พิ่ ง จะเริ่ ม ในตอนสมั ย โบราณ ได มี ก ารปรั บ ปรุ ง เปลี่ ย นแปลงต อ มา ถ า คิ ด เป น เป น เรื่ อ ง น า รู ก็ จ ะนํ า มาเล า อี ก สั ก ตอนหนึ่ ง เพราะเป น ประเพณี ที่ น าจะอนุรักษ ไว แต ถ าคิดว ารู แล วก็จบเพียงเท านี้

ในสมัยอดีตมักนําดินสอพองไปแช นํ้าให เป ยก หรือโขลกให แหลก พรมนํ้าพอให ป นได ทําเป นแท งขนาดหัวแม มือ ยาวไม เกินคืบ ใช เขียนกับกระดานชนวน

๙๐ |

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


| อนุรักษ์ ษ วัฒนธรรม | เรื่อง : พันธุ์เ มธา ภาพ : ททท., เทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี

ก อเจดีย

ทราย สร างกุศล

ครัง้ หนึง่ …ครัง้ หนึง่ เธอจําได ไหม สองเราเคยเทีย่ วงานวัดบ านใต

ทําบุญป ดทององค พระมาลัย ก อพระเจดียท รายร วมกัน

นื้อเพลงท อนแรกจากวงดนตรีดังเมื่อราว ๓๐ ป ก อน วง “เพื่อน” จากเพลง “งานวัด” (เนือ้ ร อง-ทํานอง “กรวิก”) เพลงสมัยใหม ทาํ นองสนุกสนาน หากบอกเล าถึงวัฒนธรรม ประเพณีไทยที่มีมาแต โบราณ คนไทยเราอยู กับวัด เข าวัดทําบุญไหว พระ และก อพระ เจดีย ทราย ประเพณีก อเจดีย ทราย (forming sand padodas) หรือ ขนทรายเข าวัด เป นประเพณีหนึ่ง ของพุทธศาสนิกชนตามความเชื่อจากพระไตรป ฎก ที่กล าวพรรณนาถึงอานิสงส ที่พระโพธิสัตว ก อเจดีย ทรายเพื่อถวายเป นพุทธบูชา นิยมทํากันในวันขึ้นป ใหม ไทย แต จะมีเฉพาะในบางภูมิภาค เท านั้น เช น ชาวไทยภาคเหนือและภาคอีสาน ชาวพุทธใน สปป. ลาว ก็มีประเพณีก อเจดีย ทราย ใน บางหมู บ านมีประเพณีทําบุญขวัญข าวและก อเจดีย ข าวถวายเป นพุทธบูชา ส วนชาวไผ ดํา อําเภอ บางนํ้าเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีประเพณีก อพระทรายข าวเปลือก เพื่อนําผลิตผลทางการเกษตร มาบริจาคที่วัด ถือเป นการทําบุญและสร างความสามัคคีในชุมชน

๙๒ |

หากอ้างอิงที่มาจากต�านานเรื่องเล่าจาก หลายพระสูตรในสมัยพุทธกาลเล่าว่า เมือ่ ครัง้ พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จไปยังเมืองสาวัตถี พระองค์ได้เห็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ก็เกิด จิตศรัทธา ก่อทรายเป็นเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์แล้ว อุทิศเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา เมื่อพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็ได้ทูลถาม ถึงอานิสงส์ของการก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การทีม่ จี ติ เลือ่ มใสศรัทธา ก่อเจดียท์ รายถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ หรือเพียงองค์ เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือจะไม่ตกนรกหลาย ร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อม ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารและเกียรติยศ ชื่อเสียง หากตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ พรั่ง พร้อมด้วยสมบัติ และมีนางฟ้าเป็นบริวาร ด้วยอานิสงส์ดงั กล่าวจึงท�าให้คนโบราณนิยม ก่อเจดีย์ทราย จนกลายมาเป็นประเพณีจน ทุกวันนี้ ยุคปัจจุบนั คติความเชือ่ ทีถ่ า่ ยทอดกันมา ในเรือ่ งการขนทรายเข้าวัดนัน้ น�ามาผูกโยงกับ เรื่องกรรมเวรในพระพุทธศาสนาว่า ในแต่ละ วัน คนเราเข้าวัดท�าบุญหรือฟังเทศน์ เมือ่ เดิน

เจดีย์ทรายส่งประกวดในรูปแบบต่างๆ ในงานประเพณีวันไหล วันที่ ๑๖-๑๗ เมษายน ๑๕๕๙ บริเวณชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี

ออกจากวัด เศษทรายก็จะติดพื้นเท้าเราออก มา เมื่อถึงวันตรุษปีใหม่ เราก็ควรน�าเศษดิน เศษทรายที่ติดเท้ากลับมาคืนวัดในรูปของ เจดีย์ทราย และเชื่อว่าการก่อเจดีย์ทราย เป็นการถวายเป็นพุทธบูชา ถือเป็นการท�าบุญ

อย่างหนึ่ง อีกนัยหนึ่งคือเป็นอุบายของคน โบราณที่ ใ ห้ ค นในชุ ม ชนมารวมตั ว กั น จั ด ประเพณีบางอย่าง ที่ส�าคัญกระท�าในวัด ใน ร่มเงาของพุทธศาสนา ได้ท�าบุญและร่วม สังสรรค์กับผู้คนในชุมชน ภาพจ�าของเกาะพระทองใน ความรับรู้ของทุกคน

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 93


ผู้รู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมไทย สุจิตต์ วงษ์ เทศ เขี ย นบทความเรื่ อ งเจดี ย ์ ท รายไว้ ใ น นสพ. มติชน (ฉบับวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕) ตอบถึงที่มาของ “ก่อพระทราย” หรือ “ก่อกองทราย” ว่าเป็นภาษาปาก หมาย ถึงก่อพระเจดีย์ทรายในวัดเมื่อถึงเทศกาล สงกรานต์เดือน ๕ ทางจันทรคติ (ตรงกับ เดื อ นเมษายนทางสุ ริ ย คติ ) โดยก่ อ นถึ ง สงกรานต์สัก ๔-๕ วัน ชาวบ้านสมัยก่อนจะ รวมกันออกไปหาแหล่งทรายแล้วพากัน “ขน ทรายเข้าวัด” โดยอ้างว่าเตรียมไว้ให้ชาวบ้าน ร้านถิ่นเล่นก่อพระทรายวันสงกรานต์ แต่ใน ความเป็นจริงแล้ว ขนทรายเข้าวัดเอาไว้ ให้ พระสงฆ์ ใ ช้ ท รายผสมดิ น เหนี ย วท� า อิ ฐ ก่อสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และ เสนาสนะอื่นๆ ที่ต้องสร้างด้วยอิฐ ชาวบ้านไม่สร้างบ้านด้วยอิฐไม่ว่ากรณี ใดๆ ดังนัน้ อิฐจึงใช้สร้างวัดกับสร้างวังเท่านัน้ และไม่เกีย่ วกับทรายวัดติดตีนชาวบ้านทีเ่ ดิน เข้าออกวัด เมื่อถึงสงกรานต์ต้องขนทรายมา คืน เพราะนี่เป็นนิทานหลอกกันเล่นๆ ใน วงข้าววงเหล้า เจดีย์ทรายจากเทศบาลต�าบลดอนหัวฬ่อ จังหวัดชลบุรี ส่งประกวดเป็นประจ�าทุกปี

เจดีย์ทรายจ�าลองรูปพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ในงานประเพณีวันไหล ชายหาดบางแสน

94 |

ทรายไม่มีทั่วไป แต่มีเป็นที่ทางเฉพาะ เช่น บริเวณพื้นใต้แม่น�้า ล�าคลอง หนอง บึง ล�าราง ทางน�้า ลุ่ม ลาด ฯลฯ ซึ่งต้องมีคนไป ขุดตักควักคุ้ยเอามา เพราะไม่มีพ่อค้าดูด ทรายใส่เรือใส่รถมาขายอย่างทุกวันนี้ ชาวบ้ า นแต่ ก ่ อ นนั ด หมายกั น ก่ อ นถึ ง สงกรานต์ ไปท�าบุญขนทรายเข้าวัด แล้วกอง ไว้ ล านวั ด เตรี ย มถวายพระสงฆ์ เมื่ อ ถึ ง สงกรานต์ก็พากันไปวัดท�าบุญโดยก่อกอง ทรายสมมุตเิ ป็นรูปพระเจดียข์ นาดเล็กๆ เรียง รายตามถนัดของแต่ละคน เสร็จแล้วก็โยง สายสิญจน์ถวายพระสงฆ์ในวัด เอาไว้ทา� อิฐใช้ ก่อสร้างในวัด แล้วเชื่อว่าได้บุญกุศลค�้าจุน พระพุทธศาสนา นี่เป็นพยานว่าประเพณีขนทรายเข้าวัด ไม่ใช่พื้นเมืองดั้งเดิม แต่เพื่อก่อพระเจดีย์ ทรายซึ่ ง ต้ อ งมี ขึ้ น เมื่ อ รั บ พุ ท ธศาสนาจาก อินเดียแล้ว ราวหลัง พ.ศ. ๑๐๐๐

เจดีย์ทรายจากเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ออกแบบเป็นรูปเขาชีจรรย์

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 95


คนไทยในอดีตนิยมสร าง พระเจดีย ไว ในวัด มีทั้ง ขนาดองค ใหญ กลาง เล็ก และนิยมสร างกันมา ตั้งแต สมัยสุโขทัย เวลา ต อมาเมื่อถึงวันตรุษ สงกรานต ก็นิยมก อเจดีย ทรายถวายเป นพุทธบูชา

สุจติ ต วงษ เทศ เขียนต อว า… อ. ประภัสสร ชูวิเชียร (คณะโบราณคดี ม. ศิลปากร) กับ อ. ศิ ริ พ จน เหล า มานะเจริ ญ (วิ ท ยาลั ย ดุรยิ างคศิลป ม. มหิดล) เป นผูร ว มกันอธิบาย ให ผมฟ งเรือ่ งก อพระเจดียท ราย แล วอ างหลัก ฐานประวัติศาสตร โบราณคดี ว าในอิฐเผา ตั้งแต ยุคทวารวดีสืบเนื่องมาจนถึงอิฐเขมร ล ว นมี ท รายผสมด ว ยเพื่ อ ให อิ ฐ แกร ง และ ทนทาน ไม ว าคติความเชื่อหรืออุบายที่คนสมัย ก อนสร างและส งเสริมให คนรุน ใหม ทาํ จนเป น ประเพณี ที่ มี เ อกลั ก ษณ โดยเฉพาะเป น ประเพณี ง านบุ ญ ส ง เสริ ม พระพุ ท ธศาสนา ชาวไทยเชื่อว าเป นมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อ ความยั่งยืนของพุทธศาสนา และเป นงาน รื่ น เริ ง เป น ประเพณี แ ห ง ความสุ ข เช น ประเพณีก อพระเจดีย ทรายตามวัดต างๆ ทั่ว ภูมิภาคในประเทศไทย ที่ถึงขั้นจัดประกวด แข งขันกันก อเจดีย ทราย ผนวกกับประเพณี เล นนํ้าวันสงกรานต เทศกาลงานบุญต างๆ จัดเป นรายการการท องเที่ยวบวกงานบุญ

เช น ชาวบางแสน มีประเพณีวันไหล บางแสน โดยเทศบาลเมืองแสนสุข ให ข อมูล ไว ว า เดิมทีมีที่มาจากความเชื่อว า คนไทย ในอดีตนิยมสร างพระเจดียไ ว ในวัด มีทงั้ ขนาด องค ใหญ กลาง เล็ก และนิยมสร างกันมาตัง้ แต สมั ย สุ โ ขทั ย เวลาต อ มาเมื่ อ ถึ ง วั น ตรุ ษ สงกรานต กน็ ยิ มก อเจดียท รายถวายเป นพุทธ บูชา คือการขนทรายมากองสูงแล วรดนํ้า เอาไม มากลึงเป นรูปทรงเจดีย ป กธงทิวต างๆ ตกแต งอย างสวยงาม องค ใหญ หรือเล็กสุดแต กําลัง บ างก็ทําเป นกรวยเล็กๆ เพือ่ ก อให ครบ ๘๔,๐๐๐ กอง เท าจํานวนพระธรรมขันธ เป น ประเพณีที่สนุกสนานรื่นเริง เพราะนอกจาก จะขนทรายเข าวัดแล ว ยังมีการละเล นพืน้ บ าน ต างๆ มีผ าป า ตลอดจนสมณบริขารถวาย พระ พระสงฆ จะพิจารณาบังสุกลุ ทําบุญเลีย้ ง พระเสร็จก็เลี้ยงคนที่ไปร วมงาน ผลที่ได เมื่อ งานเสร็จคือ วัดก็จะได ทรายไว สําหรับสร าง เสนาสนะหรือปูชนียสถานในวัด หรือถมที่ บริเวณวัด พระสงฆ จะได เครือ่ งป จจัยไทยธรรม ต างๆ

ความคิดสร างสรรค ของการออกแบบเจดีย ทราย จําลองภาพความอุดมสมบูรณ ของผืนทะเล ปะการัง และปลาทะเลชนิดต างๆ

๙๖ |

เจดีย์ทรายรูปแบบต่างๆ แฝงอารมณ์ขัน แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และแรงศรัทธาในพุทธศาสนา มิถุนายน ๒๕๕๙

| 97


C

M

Y

CM

ขนทรายเข าวัดหรือเจดีย ทรายตามวัดต างๆ เป นแบบเรียบง าย ตกแต งด วยดอกไม สด

MY

CY

เทศกาลตรุษไทย ตรงกับวันเดือน ๔ ขึ้น ๑ คํ่า เป นปลายฤดูร อนจะย างเข าฤดูฝน วัด ใดที่ใกล ห วย หนอง คลอง บึง ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาก็จัดประเพณีก อพระทราย นํ้าไหลขึ้น วิธีการก็คือขุดลอกทรายที่ฝนซัด ไหลมาลงรวมขังอยู ตามคลอง หนอง บึง เป นการขนทรายเข าวัด และเป นการพัฒนา ท องถิ่นด วย การรวมแรงคนเพื่อร วมบุญขุด ลอก คลอง หนอง บึง ให สะอาด เมื่อถึงฤดูฝน นํา้ ฝนจะได ไหลสะดวก นํา้ ไม ตนื้ เขิน หมู บ าน สะอาดนํ้าก็ไหลได ตามปกติ นี่คือประโยชน ที่ ได จากการก อพระทรายนํ้าไหลในเทศกาล ตรุษสงกรานต ป จจุบัน สภาพบ านเมืองเปลี่ยนแปลง การขนทรายเข าวัด ช วยกันคนละหาบสอง หาบ เปลี่ยนมาเป นซื้อทรายเป นรถๆ ขนกัน อย างสะดวกสบาย วัดก็หมดความจําเป นต อง ใช ทรายจากคู คลอง หนอง บึง อีกทั้งคลอง ต างๆ ก็แปรสภาพมาเป นถนนไปเกือบหมด งานก อพระทรายนํ้าไหลจึงเปลี่ยนสภาพไป ด วย ตามวัดต างๆ หลายวัดไม มีเจดีย เป น

๙๘ |

ป จจุบัน สภาพบ านเมือง เปลี่ยนแปลง การขนทราย เข าวัด ช วยกันคนละหาบ สองหาบ เปลี่ยนมาเป นซื้อ ทรายเป นรถๆ ขนกันอย าง สะดวกสบาย วัดก็หมด ความจําเป นต องใช ทรายจาก คู คลอง หนอง บึง อีกทั้ง คลองต างๆ ก็แปรสภาพ มาเป นถนนไปเกือบหมด งานก อพระทรายนํ้าไหล จึงเปลี่ยนสภาพไปด วย

ขอขอบคุณข อมูลและภาพจากเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี, การท องเที่ยวแห งประเทศไทย

พุทธบูชา มีแต เจดีย ใส กระดูกผี คําว า “เจดีย ทราย” ก็หมดความหมายไป ก อพระทรายเอา บุญก็พฒ ั นาไปตามเวลา ก อพระทรายนํา้ ไหล จึ ง เรี ย กสั้ น ลงเหลื อ แค “วั น ไหล” หรื อ “ประเพณีวันไหล” โดยอาราธนาพระสงฆ มา ทําบุญเลี้ยงพระและเลี้ยงคน มีงานรื่นเริงไป ตามสภาพของท องถิ่น ดังเช น จังหวัดชลบุรี ในป จจุบัน จัดงานวันไหล ณ บริเวณชายหาด บางแสน และบริเวณชายทะเลหาดพัทยา อําเภอบางละมุง ในราววันที่ ๑๗-๑๘ เมษายน ของทุกป พร อมกิจกรรมทําบุญตักบาตร สรง นํ้าพระพุทธรูป เล นสาดนํ้าสงกรานต การ แข งขันเล นสะบ า มวยทะเล ชักเย อ แข งปอก มะพร าว แกะหอยนางรม ฯ และ “ก อพระ เจดีย ทราย” อย างสวยงาม ตามวัดต างๆ ตั้งแต ภาคเหนือจนถึงภาค กลาง และภาคตะวันออก จัดงานสงกรานต ให เล นนํา้ อย างสนุกสนาน พร อมเข าวัดสะสมผล บุญด วยการก อเจดียท ราย…เล็กหรือใหญ ลว น ถึ ง พร อ มในอานิ ส งส ด ว ยศรั ท ธาในพุ ท ธ ศาสนา

CMY

K


เรื่องเล่าคนอนุรักษ์ | เรื่อง : เตชะพิทย์ แสงสิงแก้ว ภาพประกอบ : วิชาญ ชัยรัตน์

รับ-มานพเป นช างตัดผม ไม ใช ช างตัดผมธรรมดา แต เป นช างที่มีลูกค าเต็มมือทั้งวัน ถ าไม โทรศัพท ไปจองเวลาล วงหน าไว ก อนเป นไม ได ตัด มานพเป นคนรูปร างสันทัด หน าตาดี อายุ ๔๐ เศษ นิสัย สุภาพเรียบร อย พูดน อยด วยเสียงเบาๆ ไม ช างพูดเหมือน ช างตัดผมบางคน ตอนที่ตัดผมกับเขาใหม ๆ ผมสังเกตเห็นว าที่ชั้นเล็กๆ ข างกระจกหน าเก าอี้ตัดผมนั้นเรียงรายไปด วยกล องใส ขวดนํ้ายา บํารุงเส นผมชนิดต างๆ นับสิบขวด ซึ่งบรรดาลูกค าฝากเอาไว แต ละกล องเขียนชื่อเจ าของไว ชัดเจนแทบไม น าเชื่อว าเจ าของ นํ้ายาบํารุงเส นผมต างๆ เหล านั้นล วนเป นผู หลักผู ใหญ ที่ต างมี ตําแหน งใหญ โตคับฟ าเมืองไทยทั้งสิ้น รัฐมนตรี นายพลเอก อดีตอัยการสูงสุด และปลัดกระทรวงอีกหลายท าน ถ าไม เห็น ด วยตาผมคงไม เชื่อ เพราะมานพไม เคยปริปากถึงท านเหล านั้น ให ผมฟ งเลย หน าทีข่ องเขาคือตัดผม ไม ใช โอ อวดตัวเองให ใครฟ ง ครั้งหนึ่งเมื่อไม นานมานี้เอง หลังจากที่มีข าวว าท านผู มี อํานาจยิ่งใหญ ในบ านเมืองท านหนึ่งเกิดอุบัติเหตุหกล มเดิน กะเผลกและต องหยุดทํางานไปกว าสัปดาห ก็มีนายทหารยศ ผู น อยมาขอพบมานพขณะกําลังตัดผมให ผมอยู ที่ร าน เขาซุบซิบ กับมานพอยู สักครู ทหารหนุ มนายนั้นก็ควักสายวัดออกมา เริ่มวัดขนาดห องตัดผมทุกซอกทุกมุม ก อนที่จะทําความเคารพ แล วลากลับไป ถ าผมไม ถาม มานพก็คงจะไม ตอบว า นั่นคือ นายทหารคนสนิทของ “ท าน” ที่ถูกส งมาวัดขนาดเพื่อไปสร าง ห องตัดผมส วนตัวที่บ านของท าน

าไม เห็นด วยตาผมคงไม เชื่อ เพราะมานพ “ไม เถ คยปริ ปากถึงท านเหล านั้นให ผมฟ งเลย หน าที่ของเขาคือตัดผม ไม ใช โอ อวดตัวเอง ให ใครฟ ง” ความที่มานพไม เคยปริปากโอ อวดกับใคร ทําให ผมเพิ่งรู ว า “ท าน” ก็เป นลูกค าประจําของเขามาช านาน และเมื่อห องตัดผม ส วนตัวที่บ านของท านสร างขึ้นเสร็จเรียบร อย มานพก็คง จะเดินทางไปตัดผมให ท านที่บ านทุกสองสัปดาห แน นอน ผมจึง ไม แปลกใจเลยที่มานพเป นช างตัดผมฝ มือดี มีลูกค าเป นคนใหญ คนโตมีชื่อเสียงทั่วบ านทั่วเมือง อยู ยงคงกระพันมาได จนทุกวันนี้ เพราะเขาไม เคยปริปากเรื่องส วนตัวของลูกค าแต ละท านของเขา ให คนอื่นฟ งนั่นเอง ใครที่อยากได ความไว เนื้อเชื่อใจจากเจ านายและเพื่อนฝูง น าจะเอาอย างมานพบ างก็น าจะดี

มานพ

ผมรูจ้ กั มานพมากว่า ๒๐ ปีแล้ว ครัง้ นัน้ ผมเคยปรารภกับพีช่ ายว่า อยากจะหาช่างตัดผมทีท่ งั้ ตัด-ย้อม-สระ ได้ภายในเวลาต�า่ กว่าหนึง่ ชัว่ โมง เพราะส่วนใหญ่มกั จะใช้เวลาเกินกว่าชัว่ โมงทัง้ นัน้ พีช่ ายผมบอกว่ามีอยูค่ นหนึง่ เป็นช่างทีต่ ดั ผมให้พเี่ ป็นประจ�า ฝีมอื ดี ประณีต และใช้เวลาตัด-ย้อม-สระ ไม่นาน ชือ่ มานพ

1 00 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๐๑


กินเที่ยวพักแบบชาวอนุรักษ์ | เรื่อง : นิภาพร ทับหุ่น ภาพ : กิตตินันท์ รอดสุพรรณ

อาทิตย์เบิกฟ้าที่

“เกาะพระทอง” เมือ่ แสงแรกของวันท�ำหน้ำทีค่ ลีค่ วำมหม่นด�ำของรัตติกำล ให้สญ ู สิน้ ไป ทุง่ หญ้ำสีทองทีก่ ำ� ลังตืน่ จำกควำมหลับใหล ก็คอ่ ยๆ สว่ำงไสวขึน้ ช้ำๆ วินำทีนนั้ ภำพตรงหน้ำช่ำงสวยงำม รำวกับควำมฝัน และภำพนัน้ ก็กลำยเป็นภำพจ�ำทีแ่ สนประทับใจ เมือ่ ทุกคนได้มำเยือน “เกำะพระทอง”

ภาพจ�าของเกาะพระทอง ในความรับรู้ของทุกคน

1 02 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 103


ป็นเรื่องจริงที่ว่า เวลาไม่ใช่ยารักษา แต่จะช่วยเยียวยาทุกความเจ็บปวดให้ ดีขึ้นได้ ฉะนั้นตลอดระยะเวลา ๑๑ ปีที่ ผ่านมา จึงคล้ายเป็นช่วงเวลาแห่งการ บูรณะหัวใจของชาวเกาะพระทองทีเ่ คยสูญ สลายไปเพราะคลื่นร้ายที่ชื่อ “สึนามิ”

เกาะพระทอง เป็นเกาะทีม่ ขี นาดใหญ่เป็น อันดับ ๕ ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในอ�าเภอ คุระบุรี จังหวัดพังงา ย้อนไปกว่า ๑๒ ปีก่อน เกาะพระทองเคยได้รับการประชาสัมพันธ์ให้ เป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand ด้วยมี จุดแข็งคือความบริสทุ ธิข์ องพืน้ ทีแ่ ละผูค้ น นัน่ จึงท�าให้มีนักท่องเที่ยวสนใจเกาะที่อยู่ในฝั่ง ทะเลอันดามันแห่งนี้เป็นจ�านวนมาก ภาพทุ่งหญ้าสีทองอันกว้างไกลถูกแพร่ กระจายไปตามสือ่ ต่างๆ มากพอๆ กับภาพวิถี ชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ “มอแกน” ทว่าเช้าตรู่ของวันที่ ๒๖ ธันวาคม

1 04 |

ทุ่งหญ้าสะวันนา ผืนป่าหญ้า สีทองของไทย

๒๕๔๗ กลับเป็นเช้าที่ท�าให้ทุกคนเสียน�้าตา มากที่สุดในชีวิต สึนามิไม่เพียงท�าลายพื้นที่ แต่พรากชีวิตของผู้คนบนเกาะพระทองไป จ�านวนมหาศาล คราบน�้าตาในวันนั้นยังแจ่ม ชัดอยูใ่ นหัวใจของชาวมอแกนมาจนถึงทุกวัน นี้ แต่เมื่อชีวิตต้องด�าเนินต่อไป พวกเขาจะ ยอมแพ้ให้กบั ฝันร้ายทีเ่ กิดขึน้ เพียงชัว่ ข้ามคืน ไม่ได้ ภาพท้องฟ้าสีฟ้าที่ตัดกับทุ่งหญ้าสีทอง กลับมาเป็น “ภาพจ�า” ของนักท่องเที่ยวอีก ครัง้ เมือ่ ชาวเกาะพระทอง “เปิดบ้าน” ต้อนรับ ผูม้ าเยือนอย่างยินดี และในวันนีพ้ วกเขาก็ยมิ้ ได้แล้วจริงๆ แม้จะเป็นเกาะทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ ในพังงา แต่บน เกาะก็มีหมู่บ้านที่ตั้งกระจายกันอยู่เพียง ๓ แห่ง นั่นคือ หมู่บ้านปากจก หมู่บ้านทุ่งดาบ และหมูบ่ า้ นท่าแป๊ะโย้ย แต่ละแห่งมีเสน่หแ์ ละ ความน่าสนใจแตกต่างกันไป

ชีวิตต้องด�ำเนินต่อไป

ภาพท้องฟ้าสีฟ้าที่ตัดกับทุ่งหญ้า สีทองกลับมาเป็น “ภาพจ�า” ของ นักท่องเที่ยวอีกครั้ง เมื่อชาวเกาะ พระทอง “เปิดบ้าน” ต้อนรับ ผู้มาเยือนอย่างยินดี และในวันนี้ พวกเขาก็ยิ้มได้แล้วจริงๆ

วิถีริมน�้ำที่บ้ำนท่ำแป๊ะโย้ย

บ้ำนปำกจก ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เฉียงเหนือของเกาะ เป็นหมูบ่ า้ นประมงขนาด ใหญ่และมีโฮมสเตย์ส�าหรับนักท่องเที่ยวที่ ต้องการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน อาจจะ ออกเรือไปจับเคย ดักหมึก หรือจับแมงกะพรุน กับชาวบ้านก็ได้ แต่ถา้ ไปทีห่ มูบ่ า้ นทุง่ ดาบ ซึง่ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ต้องแวะไปชมเรือน กล้วยไม้ของ “โกอ๋อย – ชัยยุทธ ลิม่ สมบูรณ์” ที่ เ พาะเลี้ ย งกล้ ว ยไม้ ไ ว้ ม ากมาย รวมถึ ง กล้วยไม้หายากต่างๆ สุดท้ายคือบ้านท่าแป๊ะ โย้ย ซึง่ ตัง้ อยูท่ างทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ เกาะ ทีน่ ไี่ ม่ได้รบั ผลกระทบจากสึนามิมากนัก จึ ง ยั ง มี ช าวบ้ า นปั ก หลั ก อยู ่ ใ นถิ่ น ฐานของ ตัวเองครบถ้วน เสน่ห์ที่ท�าให้ทุกคนหลงใหลเกาะกลาง ทะเลอันดามันแห่งนีค้ งอยูท่ คี่ วามหลากหลาย ทางชีวภาพ ด้วยสภาพพื้นที่ที่เกิดจากการ ทับถมของซากปะการังมานับล้านๆ ปี ท�าให้ มิถุนายน ๒๕๕๙

| 105


บางคนเรียก “ทุ่งหญ้าสะวันนา เมืองไทย” บ้างก็เรียกให้ยิ่งใหญ่ว่า “ทุ่งหญ้าซาฟารี” แต่ที่นี่ไม่มี Big 5 แบบในป่าแอฟริกา มีแค่ “กวางม้า” สัตว์ป่าหายากที่ชาว เกาะพระทองช่วยกันอนุรักษ์ ไว้

ภูมปิ ระเทศบนเกาะแห่งนีม้ ลี กั ษณะพิเศษ คือ ค่อนข้างแบนราบและมีป่าหลากชนิด ทั้งป่า ชายหาด ป่าพรุ ป่าชายเลน ป่าเสม็ด ทุ่งหญ้า รวมถึงต้นไม้ก็แปลกตา ไม่ว่าจะเป็นไม้พุ่ม หรือพืชในกลุ่มพืชสังคมทดแทน แน่ น อนว่ า ทุ ่ ง หญ้ า และป่ า เสม็ ด คื อ ไฮไลต์ส�าคัญ ซึ่งการจะเดินทางไปถึงได้นั้น ต้องนัง่ รถชาวบ้านแบบทีเ่ รียกว่า “รถอีแต๊ก” เข้าไป เวลาทีเ่ หมาะสมในการออกเดินทางคือ ก่ อ นรุ ่ ง สาง รถอี แ ต๊ ก จะพานั ก ท่ อ งเที่ ย ว ฝ่าความมืดแล้วลัดเลาะไปตามถนนเลนเดียว ของหมู่บ้าน ผ่านป่ามะม่วงหิมพานต์ หรือ กาหยีทเี่ ป็นพืชเศรษฐกิจ จนทะลุปา่ พรุเข้าไป จากนัน้ จะรูส้ กึ ได้ถงึ ความฝืดของล้อรถทีต่ อ้ ง บดไปบนพื้ น ถนนแคบๆ ที่ เ ป็ น ทรายขาว ละเอี ย ด กระทั่ ง สว่ า งนั่ น แหละจึ ง ได้ รู ้ ว ่ า “ป่าเสม็ด” ล้อมเราไว้หมดแล้ว

คะเนจากสายตาอาจเดาไม่ถกู จึงต้องพึง่ ข้อมูลจากชาวบ้าน ซึ่งก็พบว่าป่าเสม็ดแห่งนี้ กินพื้นที่บนเกาะเกือบ ๑๐,๐๐๐ ไร่ โดยต้น เสม็ดที่ขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปคือเสม็ดขาวที่มี ล�าต้นหงิกงอแปลกตา บางต้นมีกล้วยไม้ทเี่ ป็น พืชอิงแอบอาศัยเกาะอยู่ด้วย ถ้าใครช�านาญ เรื่องกล้วยไม้อาจพบ “เอื้องปากนกแก้ว” ที่ เป็นกล้วยไม้หายากได้ในป่าแห่งนี้ ป่าเสม็ดถูกแซมพื้นที่ด้วยต้นหญ้าเตี้ยๆ สีทอง แต่ยังไม่ใช่ทุ่งหญ้าสีทองในต�านาน เพราะต้องเดินทางผ่านทุง่ เสม็ดไปอีกนิดจึงจะ พบ บางคนเรียก “ทุง่ หญ้าสะวันนาเมืองไทย” บ้างก็เรียกให้ยงิ่ ใหญ่วา่ “ทุง่ หญ้าซาฟารี” แต่ ทีน่ ไี่ ม่มี Big 5 แบบในป่าแอฟริกา มีแค่ “กวาง ม้า” สัตว์ปา่ หายากทีช่ าวเกาะพระทองช่วยกัน อนุรักษ์ไว้ เส้นทางเล็กๆ แต่เป็นเส้นทางหลัก ที่ชาวบ้านบนเกาะพระทอง ใช้เชื่อมต่อกัน

โดยสารรถอีแต๊กตะลุยทุ่งหญ้า สะวันนาเมืองไทย จะกลายเป็นต้นไม้ที่ยิ่งใหญ่ได้ ต้องผ่านการเป็นกล้าไม้ขนาดเล็ก มาก่อน

1 06 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 107


C

M

Y

CM

ความสวยงามของ เกาะพระทองฝ งตะวันตก

MY

CY

CMY

ความสมบูรณ ของ ป าโกงกาง ฝ งอําเภอคุระบุรี

๑ ๐๘ |

ทุ งหญ าทั้งผืนนี้จะเป นสีทองงดงามตา หากมาในช วงยามที่เหมาะสม คือราวเดือน ธันวาคม-เมษายน พ นจากนี้ก็มีสีเขียวเข ามา แทนที่ แต ก็เป นความงามที่แปลกตาไปอีก แบบ สัมผัสทุง หญ าด วยสายตาจนเพลิดเพลิน แล ว สายๆ ไปเดินเล นที่ชายหาดฝ งตะวันตก ของเกาะก็ชวนเพลินดีไม น อย โดยเฉพาะ บริเวณทีเ่ รียกว า “สุดขอบฟ า” จะมีเนินเล็กๆ ทีส่ ามารถเดินขึน้ ไปชมเวิง้ อ าวในมุมสูงได แต ถ าจะชมพระอาทิตย ตกให สวยต องไปที่ “อ าว ตาแดง” หรือทีห่ ลายคนเรียกว า “อ าวตาฉุย” รับรองไม ผดิ หวัง เพราะจะมองไกลไปถึงเกาะ ปลิงที่ทอดตัวอยู กลางทะเลโน นเลย เหนือทิวสนบนชายหาด อินทรีตวั นัน้ กาง ป กทะยานพุง ขึน้ ไปบนท องฟ า ดูเหมือนว าลม ด านบนจะพัดแรงดี มันจึงถลาแล นอยู อย าง นัน้ เนิน่ นาน กระทัง่ พระอาทิตย หมดพลังหล น ลงนํ้า ฟ าทั้งผืนเปลี่ยนเป นสีดํา อินทรีตัวนั้น จึงถูกรัตติกาลกลืนหายไป ทุกชีวิตบนเกาะพระทองดําเนินซํ้าไปซํ้า มาแบบนี้ช าๆ แต แล วทุกอย างจะกลับมาเมื่อ พระอาทิตย ฉายแสง

K


เที่ยวทั่วไทย | การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปราสาทสด กก อกธม

จันทบุรี plus สระแก้ว เส้นทางสายนี้มีความสุข สนุก และอร่อย พืน้ ทีต่ ะวันออกของประเทศไทยไม่ได้ขนึ้ ชือ่ แค่การเป็นสวนสวรรค์ ร้อยพันธุผ์ ลไม้เท่านัน้ ยังมีสถานทีส่ วยงามหลายแห่งทีม่ เี อกลักษณ์โดดเด่น รอให้เราออกไปค้นพบ เรียนรู้ และสูดความสดชืน่ ให้เต็มปอดได้อย่างจุใจ เรามี ๒ จังหวัดในโครงการ ๑๒ เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ซึง่ เป็น โครงการส่งเสริมการท่องเทีย่ วในพืน้ ทีท่ อ่ งเทีย่ วรองและกลุม่ จังหวัด ในปี ๒๕๕๙ เพือ่ ให้นกั ท่องเทีย่ วมีทางเลือกในการเดินทางท่องเทีย่ ว ในประเทศมากยิง่ ขึน้ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรแี ละสระแก้วมาแนะน�า เริ่มต้นที่ จันทบุรี ส�าหรับคนที่ชอบการ ขับรถกินลมชมวิว ต้องห้ามพลาดถนนเฉลิม บูรพาชลทิต เส้นทางเลียบชายหาดเก๋ๆ ออก เดินทางจากถนนสุขุมวิท ๓ ถึงกิโลเมตรที่ ๓๐๑ เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย ๓๓๙๙ จนถึง วงเวียนโลมา จะได้พบกับเส้นทางเรียบทีท่ อด ยาวไปตามแนวโค้งของหาด นอกจากจะได้

110 |

เพลิดเพลินกับวิวริมทะเลแล้ว ยังมีจดุ จอดรถ ให้เก็บภาพประทับใจ หรือแวะชมศูนย์ศึกษา การพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ได้ด้วย เข้าสูต่ วั เมืองจันทบุรี ต้องห้ามพลาดแวะ ชมความงามของอาสนวิหารพระนางมารีอา ปฏิสนธินิรมล สถานที่แห่งศรัทธาของคริสต ศาสนิกชนทีโ่ ดดเด่นมากว่า ๓ ศตวรรษ สร้าง ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิก ยอดหลังคา แหลมสูง ภายในประดับด้วยกระจกสีงดงาม ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์ ต�าบลจันท นิมิต

ประติมากรรมรูปทรง แปลกตาที่เกิดจาก ธรรมชาติสรรค สร าง ความอุมดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน

ไปต่อกันที่ วัดมังกรบุปผาราม ตั้งอยู่ริม ถนนสุขมุ วิทสายจันทบุร-ี ขลุง สถานทีท่ วี่ า่ กัน ว่าเป็นส่วนหางของมังกร โดยส่วนหัวคือ บริเวณวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) กรุงเทพฯ และส่วนท้องคือวัดเล่งฮกยี่ จังหวัด ฉะเชิ ง เทรา นั ก ท่ องเที่ ยวคนใดที่ เดิ นทาง สักการะตามความเชื่อของเส้นทางมังกรแล้ว จึงไม่ควรพลาดการเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ ขับรถไปอ�าเภอขลุงแล้ว อย่าลืมแวะชม ความมหัศจรรย์ของทะเลแหวก บางชัน ที่ ที่ สัน ดอนทรายสี ด�าทอดตั วยาวไปสู ่ ก ลาง ทะเล มาถึงที่นี่แล้วต้องห้ามพลาดไปเยือน หมูบ่ า้ นไร้แผ่นดินของชาวประมงทีต่ งั้ ถิน่ ฐาน อยู่กลางผืนน�้ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ อีกหนึง่ สถานทีท่ ที่ ศั นียภาพสวยงามของ บรรยากาศริมทะเลมีเสน่หจ์ บั ใจผูม้ าเยือน คือ สะพานตากสิน อ�าเภอแหลมสิงห์ สะพานแห่ง นี้มีความยาวที่สุดในภาคตะวันออก เมื่อมอง จากกลางสะพานจะเห็นปากน�้าแหลมสิงห์กับ บางกะไชย มีภาพท่าเรือปากแม่น�้าจันทบุรี ที่มีฉากหลังเป็นท้องทะเลสุดสายตา ส่วนอีก ฟากคือวิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่นที่โอบล้อม ด้วยความเขียวชอุ่มของป่าชายเลนที่อุดม สมบูรณ์

อาสนวิหารพระนางมารี อาปฏิสนธินิรมล

ท องเที่ยวกันอย างเพลิดเพลินแล ว อย า ลืมเติมพลังให อิ่มท องด วยอาหารพื้นเมือง ขึน้ ชือ่ ไม วา จะเป นเส นจันท ผดั ปู แกงหมูชะมวง มัสมั่นทุเรียน นํ้าพริกระกํา หรือสารพัดเมนู ทะเลรสเด็ดที่พร อมเสิร ฟความอร อยให ผู มาเยือน ตบท ายด วยผลไม หวานฉํา่ นานาชนิด ทั้งมังคุด ทุเรียน สละ ลองกอง ที่คนรักผลไม ไม ควรพลาด โดยเฉพาะช วงเดือนเมษายนมิถุนายน ที่เกษตรกรรอเป ดสวนความอร อย ให ช็อปชิมกันอย างเพลิดเพลิน จากจันทบุรี ไปต อกันที่ สระแก ว จังหวัด ริ ม ชายแดนที่ มี ร อ งรอยอารยธรรมขอม ปรากฏอยู จนถึงป จจุบัน เยือนปราสาทสด ก ก อ กธม ปราสาทศิ ล าแลงอายุ นั บ พั น ป ที่ มี ค วามสมบู ร ณ ข องศิ ล ปะคลั ง -บาปวน โรงเรียนฝ กควาย กาสรกสิวิทย

ซึ่งได รับการบูรณะในรูปแบบอนัสติ โลซิส (Anastylosis) ซึ่งมีมาตรฐาน ระดับโลก นอกจากจะมีความงดงามของ อารยธรรมขอมแล ว ยั ง มี ค วาม มหัศจรรย ของธรรมชาติอย างละลุ ซึง่ ตัง้ อยูท อี่ าํ เภอตาพระยาให ชมอีกด วย ที่นี่เกิดจากการยุบตัวหรือพังทลาย ของดินที่ถูกฝนและลมกัดกร อนจน เส นจันท ผัดปู อาหารพื้นเมือง เกิดเป นประติมากรรมรูปทรงแปลกตา แถม ขึ้นชื่อของจันทบุรี รูปทรงของละลุจะเปลี่ยนไปทุกป ตามกระแส ลมและฝน และยังมีถํ้านํ้าเขาศิวะ ในอําเภอ คลองหาด ความมหัศจรรย ทางธรรมชาติทคี่ น เวียนตลอดทั้งป มีหินงอกหินย อยรูปทรง รักการผจญภัยไม ควรพลาด เพลินกับเส นทาง สวยงามหลากรูปแบบ สํารวจกว า ๔๕๐ เมตร ซึ่งภายในถํ้ามีนํ้าไหล อี ก หนึ่ ง สถานที่ ที่ ต อ งห า มพลาดคื อ โรงเรียนฝ กควาย “กาสรกสิวิทย ” ตั้งอยู ที่ ตําบลสระแก ว อําเภอเมือง ที่นี่เป นห องเรียน ขนาดใหญ ที่ ฝ ก ควายและให ค วามรู แ ก ผู มาเยือน เป ดประสบการณ เรียนรู เชิงเกษตร ปศุสตั ว และยังเพลิดเพลินกับความน ารักของ ควายไทยแสนรู ด วย เพื่ อ เพิ่ ม ความสนุ ก ในการเดิ น ทาง เพลิดเพลินให เต็มที่ บันทึกภาพสวยๆ อย าง จุใจในการเยี่ยมชมสถานที่ต างๆ ลองออกไป เที่ยววันธรรมดากันไหม เราอาจจะได ค นพบ มุมมองใหม ๆ ที่เก ไก ไฉไลกว าเดิมก็เป นได

สอบถามข อมูลก อนออกเดินทางได ที่ ๑๖๗๒ เบอร เดียวเที่ยวทั่วไทย มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๑๑


| เร�่องเล าวันวาน | เรื่อง / ภาพ : ธีรภาพ โลหิตกุล

หม้ หม อดอกไม้ ดอกไม

แห งความรุง่ เรืองไพบูลย์ย แห่

“เพดานดาว” ประดับภาพ “ปูรณฆฏะ” ที่พระอุโบสถ วัดนครป่าหมาก เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

“ปูรณฆฏะ” (ปู-ระ-นะ-คะ-ตะ) เย็นวันนั้น ผมอุทานคํานี้ออกมา เมื่อแหงนหน าขึ้นไปมอง “เพดานดาว” ของวัดนครป าหมาก วัดที่ฟ งแต ชื่อแล วอาจคิดว าตั้งอยู ที่สุโขทัย กําแพงเพชร หรืออยุธยา แต ที่แท เป นวัดในเขตตลิ่งชัน กทม. นี่เอง ที่ผมอุทานเพราะนอกจากได เห็นเพดานดาวสีสันสะดุดตาแล ว ยังประดับภาพ “ปูรณฆฏะ” สัญลักษณ มงคลที่ผมประทับใจไว มากมายอย างที่ไม เคยเห็นมาก อน

๑๑๒ |

ม้จะเป็นภาพที่เพิ่งรังสรรค์ขึ้นไม่นานมานี้ แต่ก็ถือเป็นพุทธศิลป์อันเปี่ยมความหมาย ควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้เพื่อความเป็นสิริ มงคลกับชีวิต “ปูรณฆฏะ” แปลตรงตัวได้ว่า “หม้อแจกัน แห่งความอุดมสมบูรณ์” ค�าว่า “ปูรณะ” เป็น ภาษาสันสกฤต แปลว่าการกระท�าให้เต็ม สมบูรณ์ ส่วน “ฆฏะ” หมายถึงหม้อน�้า เรียกอีก อย่างว่า “ปูรณกลศ” โดยค�าว่า “กลศ” (กะ-ละ-สะ) ก็แปลว่าหม้อน�้าเช่นกัน ซึ่งใน อินเดียแต่โบราณถือเป็นภาชนะบรรจุน�้า ศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมส�าคัญ อาทิ พระราชพิธี ราชาภิเษก ฯลฯ องค์ประกอบของหม้อแจกันแห่งความอุดม สมบูรณ์ คือเป็นหม้อน�้าที่บรรจุน�้าเต็มบริบูรณ์ และมีกอบัว หรือพรรณพฤกษาชูช่อต่อเครือกัน สลับซับซ้อน หรือบางภาพออกแบบให้ช่อ ดอกไม้ล้นจนห้อยย้อยออกมาจากปากหม้อ เรียกอีกอย่างว่า “หม้อดอกไม้แห่งความอุดม สมบูรณ์” เป็นสัญลักษณ์แห่งการก่อเกิดชีวิต

องค์ประกอบของหม้อแจกันแห่ง ความอุดมสมบูรณ์ คือเป็นหม้อน�้า ที่บรรจุน�้าเต็มบริบูรณ์ และมีกอบัว หรือพรรณพฤกษาชูช่อต่อเครือ กันสลับซับซ้อน หรือบางภาพ ออกแบบให้ช่อดอกไม้ล้นจนห้อย ย้อยออกมาจากปากหม้อ เรียกอีก อย่างว่า “หม้อดอกไม้แห่งความ อุดมสมบูรณ์” เป็นสัญลักษณ์แห่ง การก่อเกิดชีวิตและสร้างสรรค์ชีวิต สู่ความรุ่งเรืองจ�าเริญ และสร้างสรรค์ชีวิตสู่ความรุ่งเรืองจ�าเริญ จึงมี สถานะเป็น “สัญลักษณ์มงคล” ที่นิยมวาด ปั้น จ�าหลัก ประดับไว้ตามศาสนสถาน เชื่อว่า เมื่อใครเดินผ่านหรือได้เป็นเจ้าของก็จะได้รับ แต่สิ่งดีๆ ที่เป็นสิริมงคล อันส่งผลให้ชีวิต รุ่งโรจน์โชติช่วง

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 113


ในประเทศไทยมีการค้นพบ “ปูรณฆฏะ” ที่เก่าแก่สุด ปรากฏใน เหรียญเงินสมัยทวารวดี ขุดค้นพบ ที่นครปฐม มีอายุเก่าแก่กว่า ๑,๓๐๐ ปี

แม่ค้าทูนดอกไม้ ผ่านลานเจดีย์ชเวสิกอง เมืองพุกามของพม่า (สังเกต) มีหม้อดอกไม้ แห่งความรุ่งเรืองไพบูลย์ ประดับอยู่โดยรอบองค์ พระเจดีย์

คติความเชื่อนี้เกิดจากชาวฮินดูในอินเดีย อธิบายว่า ปูรณฆฏะ หรือปูรณกลศ เป็นหม้อน�้า ศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นในคราวที่มีมหกรรมการกวน เกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและยักษ์เพื่อให้ได้ น�้าอมฤต ซึ่งดื่มกินแล้วจะมีชีวิตยืนยาว ผุดขึ้น มาจากทะเลน�้านม (เกษียรสมุทร) โดยภาชนะ ที่บรรจุน�้าอมฤตนั้นเรียกว่า “ปูรณฆฏะ” หรือ “ปูรณกลศ” (ณัฐิกานต์ จันต๊ะยอด www.emuseum.treasury.go.th) จากถิ่นก�าเนิดในดินแดนชมพูทวีป “ปูรณฆฏะ” ซึ่งใช้กันแพร่หลายในศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน จึงแพร่สู่ลังกาและสุวรรณภูมิ หรือภูมิภาค อุษาคเนย์ - อาเซียนในปัจจุบัน ด้วยเหตุ ที่เป็นสัญลักษณ์อันงดงาม เปี่ยมความหมาย กับทุกชีวิต ปูรณฆฏะ ประดับพระธาตุ ช่อแฮ จังหวัดแพร่

ทวารบาลถือหม้อ ดอกไม้แห่งความรุ่งเรือง ไพบูลย์ ณ อนุราธปุระ ศรีลังกา

ตราบจนวันนี้ คติความเชือ่ เรือ่ ง “ปูรณฆฏะ” ยังปรากฏในวิถีด�าเนินชีวิตของผู้คนหลาย ประเทศ เช่น ที่ศรีลังกา เนปาล นอกจากจะพบ ทัง้ ภาพจิตรกรรมและประติมากรรม “ปูรณฆฏะ” ประดับไว้ตามโบราณสถานแล้ว ตามประตูทาง เข้าอาคารบ้านเรือน โรงแรม รีสอร์ต ยังนิยมตั้ง กระถางหรือคนโทที่มีดอกไม้ลอยน�้าประดับไว้ ดูงามตาสบายใจ

ลายปูรณฆฏะ ประดับ ธรรมาสน์ ที่วัดต้นแหลง อ�าเภอปัว จังหวัดน่าน

114 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 115


รีสอร์ตในเนปาลนิยม ประดับหม้อดอกไม้แห่ง ความเจริญรุ่งเรือง

ลาย “ปูรณฆฏะ” ที่วิหารจามเทวี วัดปงยางคก ล�าปาง

ประติมากรรมจ�าหลักลาย “ปูรณฆฏะ” บนหินอ่อนสีขาว ที่ ทัช มาฮาล อินเดีย

เอกสารอ้างอิง 1. เธียรชาย อักษรดิษฐ์ และคณะ. ลวดลายพุทธศิลป์น่าน. มูลนิธิพุทธมนต์ โชติคุณ, ๒๕๕๑ 2. ศักดิ์ รัตนชัย. “ปูรณฆฏะ” ใน “เมืองทิพย์นิรันดร์ นครล�าปาง”, ส�านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, ๒๕๓๙

116 |

เพื่อนชาวศรีลังกาบอกเล่าว่า เพื่อนร่วม ชาติของเขานิยมประดับหม้อดอกไม้ไว้หน้าบ้าน บางบ้านประดับไว้ตลอดเวลา บางบ้านเป็นบาง เวลา เช่น เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในบ้าน สามี ภรรยาทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือหากคนในบ้าน ไปขัดแย้งกับคนอื่น เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะประดับ หม้อดอกไม้ไว้หน้าบ้าน ด้วยความเชื่อว่าจะ ท�าให้เรื่องร้อนๆ เย็นลง สงบลงได้ รวมไปถึง กรณีที่ลูกๆ จะไปสอบหรือไปสมัครงาน แม่ก็จะ ประดับหม้อดอกไม้อวยชัยให้พรลูก ส่วนในดินแดนมอญ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา ที่เห็นกันชินตา คือความนิยมน�าดอกไม้ นานาพันธุ์มาใส่ในภาชนะทรงหม้อหรือแจกัน ตั้งไว้ตามหิ้งพระ หรือบูชาไว้ที่แท่นหน้าพระ ปฏิมาประธานในวัด โดยชาวล้านนายังคงมี ค�าเรียกมาจนทุกวันนี้ว่า “หม้อดอก” อันมีที่มา จาก “หม้อดอกไม้แห่งความเจริญรุ่งเรือง และอุดมสมบูรณ์” ในประเทศไทยมีการค้นพบ “ปูรณฆฏะ” ที่เก่าแก่สุด ปรากฏในเหรียญเงินสมัยทวารวดี ขุดค้นพบที่นครปฐม มีอายุเก่าแก่กว่า ๑,๓๐๐ ปี ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับภาพจิตรกรรมลาย “ปูรณฆฏะ” ที่วิหารจามเทวี วัดปงยางคก จังหวัดล�าปาง ท�าให้เชื่อกันว่าล�าปางมี ประวัติศาสตร์เก่าแก่แต่สมัยทวารวดีแล้ว จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ลัมพางปูรณฆฏะ” หรือ “ล�าปางที่อุดมสมบูรณ์” นั่นเอง หากเราช่วยกันประดับ “ปูรณฆฏะ” ไว้ที่ วัด ที่บ้าน และที่ส�าคัญคือประดับไว้ ในใจเรา โลกจะร่มเย็นเป็นสุขไปอีกนาน

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


โลกใสๆ ใบสวยๆ | เรื่อง : ฬียากร เจตนานุศาสน์ ภาพประกอบ : วิชาญ ชัยรัตน์

แมวเอ ย แมวเหมียว แมวเป นสัตว น ารัก เป นสัตว เลี้ยงประจําบ านยอดนิยมอันดับหนึ่งที่หลาย คนยอมรับว ารักแมวมากแบบขาดไม ได แมวเป นสัตว คบ ู า นคูเ รือนทีบ่ างคน อาจไม ได เลี้ยงเพียงแค ตัวเดียวแต มีหลายตัว และอาจมีอีกหลายคนที่แม ไม ได ตั้งใจเลี้ยง แต อยู ๆ ก็มีแมวมาจากไหนบ างก็ไม รู มาให เลี้ยง เราไม อาจ ปฏิเสธได ว า โลกใบนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป นของแมว (มีแมวกว า ๕๐๐ ล านตัว บนโลก) ทว าท ามกลางคนที่รักแมวและเลี้ยงแมวในป จจุบัน บางคนอาจยัง ไม รู ว าแมวมาจากไหน แมวไทยมีกี่สายพันธุ และความสําคัญของแมวไทย นั้น มีคุณค าและน าอนุรักษ มากขนาดไหน

118 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๑๙


แมวไทย ไม เหมือนแมวใคร

เรื่องแมวๆ บนโลก

แมว หรือแมวบ าน มีชื่อวิทยาศาสตร ว า Felis catus เป นสัตว เลี้ยงลูกด วยนม อยู ใน ตระกูล Felidae ต นตระกูลมาจากเสือไซบีเรีย (Felis tigris altaica) ซึ่งมีช วงลําตัวตั้งแต จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ ๔ เมตร แมว ที่เลี้ยงตามบ านจะมีรูปร างขนาดเล็ก ขนาด ลําตัวยาว ช วงขาสั้น และจัดอยู ในกลุ มของ ประเภทสัตว กินเนือ้ มีเขีย้ วและเล็บแหลมคม สามารถหดซ อนเล็บได เช นเดียวกับเสือที่ สืบสายเลือดมาจากแมวป าทีม่ ขี นาดใหญ กว า ซึง่ ลักษณะบางอย างของแมวยังคงพบเห็นได ในแมวบ านป จจุบนั นีค่ อื ข อมูลทีเ่ ราได มาจาก เว็บไซต วกิ พิ เี ดีย ทีบ่ รรจุขอ มูลทุกสิง่ ทุกอย าง ในโลกไว ให คน หา ทว าในข อมูลไม มรี ะบุวา เจ า แมวที่แอบมานอนอยู ใต ท องรถในบ านที่ใคร บางคนตื่นมาเจอและต องอัญเชิญออกมาทุก เช า หาข าวหาปลาหานํ้าท าวางให กินไปโดย ปริยายนั้น…มาจากไหน แมวเริ่มเข ามาเกี่ยวข องกับวิถีชีวิตของ มนุษย ตั้งแต เมื่อประมาณ ๙,๕๐๐ ป ก อน ซึ่ง จากหลักฐานทางประวัติศาสตร ที่เก าแก ที่สุด ของแมวคือ มีการค นพบมัมมี่แมวในสมัย อียิปต โบราณ หรือในพิพิธภัณฑ อังกฤษใน กรุงลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นําออกมา จากพีระมิดโบราณแห งอียปิ ต ซึง่ รวมถึงมัมมี่ แมวหลายตัว และเมื่อนําเอาผ าพันมัมมี่ออก ก็พบว า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะ ใกล เคียงกัน คือเป นแมวทีม่ รี ปู ร างเล็ก ขนสัน้ มีแต มสีนํ้าตาล มีความคล ายคลึงกับพันธุ ใน ป จจุบัน ที่เรียกว าแมวอะบิสซิเนีย

๑ ๒๐ |

แม แมวจะมีหลากหลายสายพันธุ แมว ต างชาติที่ขนย าวยาว ดูแข็งแรงสวยงามนั้น เอาเข า จริ ง ถ า จะมาอยู เ มื อ งไทยก็ อ าจ แข็งแกร ง ทนร อนทนหนาวได ไม เท าแมวไทย ที่อยู ในเมืองไทย และแน นอนเรื่องราวแมวๆ ในฉบับนี้ เราจะเน นไปที่ความสําคัญของแมว ไทย คือแมวที่มีถิ่นกําเนิดอยู ในประเทศไทย และคุณสมบัติที่ทําให แมวไทยเหนือกว าแมว ชนิดอื่นคือ อุปนิสัย แมวไทยฉลาด เป นตัว ของตัวเอง รู จักคิด รู จักประจบ รักบ าน รัก เจ าของ และเหนืออืน่ ใดคือ รักความอิสระเป น ชีวิตจิตใจ อิสระที่จะกิน จะดื่ม หรือจะไปไหน ตามที่ใจชอบ (พูดถึงแมวจริงๆ ไม ใช เจ าของ แมว) ซึ่งถือว าเป นบุคลิกประจําตัวที่ทําให แตกต างจากแมวสายพันธุ อื่น

สีสันตามตัวของแมวไทยเป นป จจัยหนึ่งที่ ทําให คนรักแมวรูส กึ สุขใจยามได มอง แมวไทยนัน้ ขึน้ ชือ่ ในเรือ่ งสีสนั สวยงามไม แพ แมวพันธุ ไหน ไม ว าจะเป นวิเชียรมาศ เก าแต ม ขาวมณีหรือขาว ปลอด นิ ล รั ต น ห รื อ ดํ า ปลอด ศุ ภ ลั ก ษณ ห รื อ ทองแดง สีสวาดหรือแมวไทยพันธุ โคราช ต างล วน ได รับความสนใจจากเจ าของและผู สนใจ เมื่อป พ.ศ. ๒๔๒๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล าเจ า อยูห วั รัชกาลที่ ๕ ได พระราชทานแมววิเชียรมาศ คูห นึง่ ให แก กงสุลอังกฤษชือ่ โอเวน กูลด แมวไทย คูน ชี้ นะการประกวดแมวทีก่ รุงลอนดอน และทําให ชาวอังกฤษหันมานิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น จน ในที่สุดแมวไทยก็แพร หลายไปทั่วโลก และแมว วิ เ ชี ย รมาศก็ เ ป น ที่ รู จั ก ในภาษาอั ง กฤษว า “Siamese Cat” หรือ แมวสยาม

ในความเป นแมว โดยทั่วไปมีการแบ งพันธุ แมวออกเป น ๒ ลักษณะใหญ ๆ คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และแมวขนสัน้ (shorthaired cat) การแบ งพันธุ ด วยวิธีนี้ทําให จําแนก แมวออกได ต ามลั ก ษณะพั น ธุ ที่ จํ า เพาะ ต างๆ กัน แมวในโลกนี้มีมากมายหลาย พันธุ โดยเฉพาะแมวทีเ่ ป นสัตว เลีย้ ง ไม นบั รวมสัตว ตระกูลแมว พวกเสือ แมวดาว แมวป า หรือสิงโต หรือแมวบ าน และอาหาร โปรดตลอดกาลของแมวคือปลา แมวต าง ประเทศจะชอบปลาอะไรไม ทราบ แต แมวไทยต องปลาทูเท านั้น คือสุดยอดอาหารจานโปรด ส วนกิจกรรมและอาหารว าง คือ ไล จับหนู นั่นเอง

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๒๑


• แมวศุภลักษณ หรือทองแดง สีขนเป นสีทองแดง ตลอดตัว มีนัยน ตาเป นประกาย ใครเลี้ยงจักได ยศถา ยิ่ง พ นพรรณนาเป นอํามาตย มนตรี แมวศุภลักษณ เรียกอีก ชื่อว าแมวทองแดง มีสีทองแดงหรือนํ้าตาลแดงเข มทั่วตัว อาจมีสเี ข มเป นพิเศษตําแหน งเดียวกับแมววิเชียรมาศ แมว ทองแดงมีรูปร างขนาดกลาง สง า นํ้าหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียวฝ าเท าอวบ ศีรษะค อนข างกลมกว าง ด วยสีขน ออกนํา้ ตาลเข ม เหมือนกับสีของทองแดง มีตาสีออกเหลือง หรือสีอําพัน หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง และบริเวณ ตามส วนของร างกาย เช น หน า หู ปลายขา และหางมีสี นํ้าตาลเข มกว าบริเวณลําตัวทั่วๆ ไป แมวพันธุ ศุภลักษณ มีสสี นั สะดุดตาอย างมากและมีความสวยงาม สมกับคําว า “ศุภลักษณ ” ทีแ่ ปลว าลักษณะทีด่ ี ว ากันว าแมวชนิดนีเ้ ป น แมวที่ได ติดตามเจ าของชาวไทยซึ่งถูกกวาดต อนไปเป น เชลยศึกที่พม า เมื่อความนิยมแพร หลายมากขึ้น ชาวต าง ชาติจงึ ได นาํ ไปจดทะเบียนเป นแมวสายพันธุห นึง่ ของโลก โดยใช ชื่อว า เบอร มีส (Burmese) แต ก็เป นที่รู กันว าต น

แมวไทยชื่อมงคล เลี้ยงไว ให คุณ

คนไทยนั้ น แต ไ หนแต ไ รได ชื่ อ ว า มี ค วาม ละเอียดอ อน เจ าบทเจ ากลอน และมักเชื่อในเรื่อง สิ่งดีๆ ที่มีไว แล วให คุณ ไม ว าจะเป นต นไม ที่ปลูก ในบ าน พระพุทธรูปบูชา ศาลเจ าบ านเจ าเรือนที่ นับถือ รวมถึงแม แต สัตว เลี้ยงในบ านอย างแมวก็ ด วยเช นกัน คนสมัยก อนยังคงให ความสําคัญ ตั้งแต การตั้งชื่อ การดูรูปลักษณ และสีสัน แมว ไทยหลายพันธุน นั้ ทีจ่ ดั ว าเลีย้ งแล วให คณ ุ เป นแมว สายพันธุ ดี มีลักษณะพิเศษที่น าสนใจ และถึงวัน นี้อาจจะไม ค อยมีใครได ยินหรือรู จักแมวพันธุ ต างๆ เหล านีส้ กั เท าไร แต กย็ งั มีกลุม คนทีย่ งั เลีย้ ง และอนุรักษ ไว อยู บ าง แม บางพันธุ ค อนข างจะหา ได ยากแล วก็ตาม ไปดูกันว ามีพันธุ ไหนบ าง เผื่อ ว าลองก มดูใต ท องรถ หรือสนามหน าบ านคุณดู อีกทีว าจะมีแมวลักษณะต างๆ เหล านี้หลงมาอยู หรือไม • แมววิเชียรมาศเป นแมวที่สร างชื่อให แก วงการแมวไทย หลังจากพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล าเจ าอยูห วั พระราชทานแมวไทยคูห นึง่ ให แก นายโอเวน กูลด (Owen Gould) กงสุล อังกฤษ นายโอเวนก็นําแมวไทยคู นั้นไปฝากน อง สาวที่อังกฤษ อีกหนึ่งป ต อมา แมวคู นี้ได รับการ ส ง เข า ประกวดในงานประกวดแมวที่ ค ริ ส ตั ล พาเลซ กรุงลอนดอน ปรากฏว าได รางวัลชนะเลิศ ทําให ชาวอังกฤษพากันแตกตื่นเลี้ยงแมวไทยกัน จนมีสโมสรแมวไทยเกิดขึ้นเมื่อป พ.ศ. ๒๔๔๓ ชื่อว า The Siamese Cat Clubs ต อมาในป พ.ศ. ๒๔๗๑ มีการตั้งสมาคมแมวไทยแห งจักรวรรดิ อังกฤษ หรือ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นมาอีกหนึ่งสมาคม แมวที่นาย โอเวน กูลด นําไปจากเมืองไทยมีแต มสีครั่ง หรือ นํ้าตาลไหม ๙ แห ง คือ หน า หูทั้งสองข าง เท าทั้ง สี่ หาง และอวัยวะเพศ ซึ่งถือว าเป นแต มสีที่อยู ใน บริเวณที่เหมาะสมและไม เลอะเทอะเหมือนแมว พันธุ อื่น และเมื่อนําแมวไทยไปผสมกับแมวพันธุ อื่นจะได แต มสีตามร างกายในตําแหน งเดียวกัน แต รปู ร างไม สง างามเท าและอุปนิสยั ไม เหมือนกัน ด วย แมวไทยพันธุ นี้เป นพันธุ แรกที่ชาวต างชาติ รู จัก จึงมักเรียกกันทั่วไปว า Siamese Cat หรือ Seal Point ส วนในสมุดข อยโบราณของไทยให ชอื่ แมวไทยลักษณะนี้ว า “แมววิเชียรมาศ”

๑ ๒๒ |

กําเนิดนัน้ อยูท เี่ มืองไทย แมวศุภลักษณ เป นแมวทีม่ คี วาม กระตือรือร น อยากรู อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสรเสรี สนใจสิ่งต างๆ รอบตัว แต กับคนแปลกหน าแล ว มันดูจะ เป นแมวทีร่ า ยพอสมควร ป จจุบนั ในเมืองไทยหาตัวจับยาก มาก แต พบได ทั่วไปในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษซึ่งมีการ พั ฒ นาผสมพั น ธุ กั น จนได แ มวในลั ก ษณะและสี อื่ น ๆ มากมาย ทํานองคล ายพันธุ วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง ๘ พันธุ แมวศุภลักษณ เป นแมวโบราณที่บุคคลชั้นสูงมักจะ เลี้ยงกัน เพราะเป นแมวที่ดี ผู ใดได ครอบครองจะรํ่ารวย และมีความสุข สุขภาพดี การงานรุ งเรือง ดังนั้นบุคคล ชั้นสูงในสมัยก อนจึงนิยมเลี้ยงแมวพันธุ นี้ บทกวีที่กล าวถึงแมวศุภลักษณ วิลาศุภลักษณ ลํ้า ศรีดังทองแดงฉัน แสงเนตรเฉกแสงพรรณ กรรษสรรพโทษแล ว

วิลาวรรณ เพริศแพร ว โณภาษ สิ่งร ายคืนเกษม

แมวศุภลักษณ เรียก อีกชื่อว าแมวทองแดง มีสีทองแดงหรือนํ้าตาล แดงเข มทั่วตัว อาจมีสี เข มเป นพิเศษตําแหน ง เดียวกับแมววิเชียรมาศ

มีบทกวีที่กล าวถึงแมววิเชียรมาศไว ว า ปากบนหางสี่เท า แปดแห งดําดุจปอง ศรีเนตรดั่งเรือนรอง นามวิเชียรมาศไซร

โสตสอง กล าวไว นาคสวาดิ ไว เอย สอดพื้นขนขาว

แมววิเชียรมาศจึงจัดเป นแมวที่เลี้ยงไว ให คุณตาม ความเชื่อในแบบไทย

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๒๓


แมวสีสวาด แมวโคราช แมวขวัญใจประชาชน แมวโกนจา หรือดําปลอด มีสีดําละเอียด นัยน ตาสี ดอกบวบแรกแย ม หาง เรียวยาว ท าทางการเดิน สง าเหมือนสิงโต

นอกจาก ๒ พันธุ เด นๆ ที่อาจเป นที่รู จักและได ยินชื่อ กันบ างแล ว ยังมีแมวไทยให คุณที่อาจทําให คนรักแมว อยากออกค นหามาเลี้ยงอีก แต หาได ค อนข างยากเพราะ บางพันธุ สูญหายไปแล วก็มี ดังนี้ • แมวโกนจา หรือดําปลอด มีสีดําละเอียด นัยน ตา สีดอกบวบแรกแย ม หางเรียวยาว ท าทางการเดินสง า เหมือนสิงโต • แมวนิลรัตน สีดาํ ทัง้ ตัว รวมถึงเล็บ ลิน้ ฟ น ดวงตา และกระดูก หางยาวตวัดได จนถึงหัว เลีย้ งไว แล วเชือ่ ว าจะ มีความเจริญ มีทรัพย ปราศจากอันตราย • แมววิลาศ มีลําตัวสีดําจากคอไปตลอดท อง จาก สองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว า เลี้ยงไว แล วจะได เป นเจ าคนนายคน มีเงินทองมากมาย • แมวรัตนกําพล ตัวขาวเหมือนหอยสังข แต รอบ ตัวตรงส วนอกมีลักษณะคล ายสายคาดสีดํา ตาสีเหลือง เชื่อว าเลี้ยงแล วจะมีลาภยศ ผู อื่นยําเกรง • แมวนิลจักร มีลําตัวดําสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู รอบเหมือนกับปลอกคอ คนโบราณเชื่อว าเลี้ยงแล วจะมี ทรัพย มาก • แมวมุลิลา ลําตัวสีดํา หูสองข างมีสีขาว ตามีสี เหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว าแมวชนิดนี้เหมาะกับ นักบวชเพราะช วยให มีการเล าเรียนดีสมปรารถนา

๑ ๒๔ |

แมวมาเลศ หรื อ แมวโคราช หรื อ แมว สีสวาด มีขนสีดอกเลา เปรียบเสมือนเมฆ สีเทายามฟ าหมาดฝน มีนัยน ตาหยาดเยิ้ม ประหนึ่งนํ้าค างยามต องกลีบบัว ใครพบเร ง ให อปุ ถัมภ แมวนัน้ จักนํามาซึง่ สุขสวัสดิม์ งคล ต น กํ า เนิ ด แมวมาเลศ พบที่ อํ า เภอพิ ม าย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู จักกันในนามว า โคราช จึงมีอีกชื่อว าแมวโคราช มีหลักฐาน บันทึกเกีย่ วกับแมวโคราชในสมุดข อยทีเ่ ขียน ขึ้นในระหว างป ค.ศ. ๑๓๕๐-๑๗๖๗ หรือ ประมาณ ป พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๓๑๐ ในบันทึก ได ก ล า วถึ ง แมวที่ ใ ห โ ชคลาภที่ ดี ๑๗ ตั ว ของไทย รวมถึงแมวโคราชด วย ป จจุบัน สมุดข อยนี้เก็บรักษาไว ที่หอสมุดแห งชาติ กรุงเทพมหานคร สําหรับแมวโคราชเพศผูข นมีสเี หมือนดอก เลา จึงเรียกแมวสีดอกเลา โดยจะมีขนเรียบ ที่โคนขนมีสีขุ นๆ เทาๆ ขณะที่ส วนปลายมี

• แมวกรอบแว น หรืออานม า มีปานลักษณะอานม า บนหลัง เชื่อว าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตําลึงทองคํา และนําเกียรติยศมาสู เจ าของ • แมวป ดเสวตร หรือป ด ตลอดตัวมีสีดําเป นพื้น ตั้งแต จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตา เหลืองคล ายกับพลอย หากเลีย้ งไว จะมีความเจริญมากกว า คนในสกุลเดียวกันและได ลาภยศ • แมวกระจอก แต ไม กระจอกเหมือนชือ่ ลําตัวกลม มีสีดํา รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล วเชื่อกันว าจะ ได ที่ดิน เงินทอง ได เป นเจ านายคน • แมวสิงหเสพย หรือโสงหเสพย ลําตัวมีสดี าํ ทีป่ าก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง ท าทางเดินสง าเหมือน สิงโต เลี้ยงแล วมีสิริมงคล • แมวการเวก ลําตัวสีดาํ จมูกสีขาว ตาเป นประกาย สีทอง เชื่อกันว าภายใน ๗ เดือนที่ได มาเลี้ยง ผู เลี้ยงจะได ยศศักดิ์และลาภจํานวนมาก • แมวจตุบท ตัวสีดํา เท าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลือง เหมือนดอกโสน เชื่อว าให คุณกับคนเลี้ยง แต ไม เหมาะกับ คนทัว่ ไป สมควรเลีย้ งโดยบุคคลชัน้ สูงหรือราชนิกลู เท านัน้ • แมวแซมเสวตร มีขนสีดําแซมขาว มีขนบางและ สั้น รูปร างเพรียว มีนัยน ตาดั่งหิง่ ห อย กล าวได ว าแมวนี้ เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร งหามาเลี้ยงเทอญอย าแคลง สงสัย

สีเงิน เป นประกายคล ายหยดนํ้าค างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก ชื่อแมวโคราช เป น ชื่อที่ ได รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล านภาลัย โดยใช แหล งกําเนิด ของแมวเป นชื่อเรียกพันธุ แมว มีเรื่องเล า มากมายหรือเป นตํานานเล าขานเกีย่ วกับแมว โคราช รวมถึงตํานานพื้นบ านที่กล าวถึงการ ที่แมวโคราชยิ่งมีหางหงิกงอมากเท าไร ก็จะมี โชคลาภมากเท านั้น (แม ว าลักษณะหางหงิก งอจะไม ใช มาตรฐานพันธุ ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต คนไทยบางกลุม เรียกแมวโคราชว า แมวสีสวาด คนสมัยโบราณมีความเชื่อว า แมวสีสวาดเป นแมวนําโชคลาภของคนโคราช และคนเลีย้ งทัว่ ๆ ไป จะนํามาซึง่ ความสุขสวัสดิ มงคลแก ผเ ู ลีย้ ง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะ เลิศในระดับโลกมาแล วเมื่อป พ.ศ. ๒๕๐๓ ที่สหรัฐอเมริกา เป นแมวตัวเมียชื่อว าสุนัน และเป นทีน่ ยิ มของชาวต างประเทศมาก จึงนับ ได วา แมวไทยทําชือ่ เสียงให แก ประเทศไทยเป น อันมาก แมวโคราชถูกนําไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกา เป นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ใน รัฐออริกอน โดยได รับมาจากพี่น องชื่อนารา (Nara) และดารา (Darra) ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน ป พ.ศ. ๒๕๐๒ ประมาณเดือน มีนาคม ป พ.ศ. ๒๕๐๙ นักผสมพันธุ แมว โคราชและแมวไทย (วิ เ ชี ย รมาศ) ชาวรั ฐ แมริแลนด ได นําแมวโคราชประกวดในงาน ประจําป และได รับรางวัลชนะเลิศจนเป นที่รู จกั กว า งขวาง ป จ จุ บั น มี ก ารผลั ก ดั น ให แ มว โคราชขึน้ ทะเบียนเป นสัตว ประจําชาติไทยในป พ.ศ. ๒๕๕๒

วิลามาเลศพื้น ขนดังดอกเลาราย โคนขนเมฆมอปลาย ตาดั่งนํ้าค างย อย

พรรณกาย เรียบร อย ปลอมเสวตร หยาดต องสัตบง

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๒๕


แมวให้โทษ ไม่น่ารัก ไม่น่าเลี้ยง

นอกจากแมวให้คณ ุ แล้ว ยังมีแมวลักษณะทีเ่ ชือ่ กันว่า เป็นแมวร้ายให้โทษด้วย มี ๖ ชนิด ดังนี้ • แมวทุพพลเพศ ลักษณะ ขนมีสขี าว ดวงตาสีแดง ดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยชอบลักขโมยปลาไปกินทุกค�่าคืน (สมัยก่อนคนไทยกินข้าวกินปลาเป็นหลัก จึงมีปลาวางไว้ มากมายในบ้าน แต่หากเป็นสมัยนี้ เจ้าแมวน่าจะหาปลา ขโมยยากขึ้น) ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุข เกิดความ เดือดร้อนแรงผลาญ • พรรณพยัคฆ์ หรือลายเสือ ลักษณะ มีขนลาย เหมือนเสือ ลักษณะขนเหมือนชุบด้วยเกลือกับแกลบ มี นัยน์ตาสีแดงเจือสีเปือกตม มีเสียงร้องเหมือนเสียงผีโป่ง ร้องอยู่ตามป่าเขา ถือว่าเป็นแมวให้โทษอีกหนึ่งชนิด • แมวปีศาจ เป็นแมวทีก่ นิ ลูกตัวเอง ออกลูกมากีต่ วั กินหมด ลักษณะขนสาก ตัวผอม หนังยาน โบราณจัดเป็น แมวร้าย อย่าน�ามาเลี้ยงไว้ • หิณโทษ ลักษณะ เป็นแมวน�ามาซึ่งสิ่งเลวร้าย น�า ภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมา มักจะมีลูกตายอยู่ในท้อง • กอบเพลิง เป็นแมวลึกลับ ชอบซ่อนตัวหลบหลีก ผู้คน พอเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมี โทษถึงตัว • เหน็บเสนียด ลักษณะ มีลักษณะเหมือนค่าง ชอบ เอาหางขดซ่อนไว้ใต้กน้ เสมอ มีรปู ร่างพิกลพิการ อย่าเลีย้ ง ไว้ในบ้านจะท�าให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการอนุรักษ์แมวไทย อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ท�าให้ปัจจุบันแมวมงคลสูญพันธุ์ ไปแล้วถึง ๑๓ ชนิด หลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้เลี้ยงดูและ เชยชมอยูเ่ พียง ๔ ชนิดเท่านัน้ ซึง่ เป็นเรือ่ งน่าเสียดายมาก ที่พันธุ์แมวไทยแท้เหลือน้อยลงทุกวัน เพราะหลายคนก็ มองข้ า มแมวไทย หั น ไปเลี้ ย งแมวสายพั น ธุ ์ ข องต่ า ง

1 26 |

แมวพันธุ ที่พบได มากที่สุดในป จจุบัน

ประเทศเป็นจ�านวนมาก แต่สถานการณ์แมวไทยค่อนข้าง น่าเป็นห่วง เพราะเด็กและแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่รู้จัก แมวไทย ถ้าถามถึงสนนราคาค่าตัวแมวไทยที่เป็นพันธุ์ มงคล ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ ๕,๐๐๐-๖,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ แมวไทยสามารถเพาะพันธุ์จ�าหน่ายท�าเป็น อาชีพได้เพราะตลาดต่างชาติให้ความสนใจ ตอนนี้ตลาด ในญี่ปุ่นราคาซื้อขายถึงตัวละ ๒๐๐,๐๐๐ บาทเลยทีเดียว คุณอิสริย รัตนะวีระวงศ์ ผู้เพาะพันธุ์แมวไทยสีสวาดหรือ แมวโคราช และเป็นเจ้าของ บุญมาก แมวพันธุส์ สี วาดราคา ๒๕๐,๐๐๐ บาท เผยว่า ปัจจุบนั ตลาดต่างประเทศนิยมแมว สีสวาดและแมววิเชียรมาศ ซึ่งได้รับการสั่งซื้อทั้งจากเอส โตเนีย เยอรมนี ญี่ปุ่น ส่วนสาเหตุที่ราคาสูงนั้นเนื่องจาก เลีย้ งด้วยเนือ้ วัวสด เลีย้ งในห้องแอร์ตลอด ๒๔ ชัว่ โมง เพือ่ ให้ได้โครงสร้างขนาดใหญ่ พร้อมฝังไมโครชิปและฉีด วัคซีนให้ครบ มีใบรับรองหรือเพ็ดดีกรี ก่อนส่งมอบให้ เจ้าของที่อายุ ๔ เดือน

แมวขาวมณี หรือขาวปลอด เป นสายพันธุ ที่พบเห็นได มากสุดในป จจุบัน เป นแมวไทย โบราณที่ไม ได มีบันทึกไว ในสมุดข อย จึงเชื่อ ว าเป นแมวทีเ่ พิง่ กําเนิดในต นยุครัตนโกสินทร นี่เอง นิยมเลี้ยงไว ในราชสํานักครั้งหนึ่งใน สมัยรัชกาลที่ ๕ แมวชนิดนี้เป นที่โปรดปราน มาก ในต างประเทศนิยมเลีย้ งกันเป นคูเ พือ่ ให ผลัดกันทําความสะอาดขน เป นแมวที่ค อน ข างเชื่อง เหมาะสําหรับการเลี้ยงเป นเพื่อนได เป นอย างดี ลักษณะเด นของขาวมณีคือ สีขนและผิว กายขาวสะอาด ขนสั้น นุ ม รูปร างลําตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม อ วนหรือผอมเกิน ไป หัวไม กลมโต แต เป นทรงสามเหลีย่ มคล าย หัวใจ หน าผากแบนใหญ หูขนาดใหญ และตั้ง ตรงจมูกสั้น ดวงตารีเล็กน อย นัยน ตาเป นสี ฟ าหรือเหลืองอําพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนําแมว ขาวมณีตาสีฟ า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อําพัน ลูกทีอ่ อกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟา ข าง หนึ่ ง กั บ สี เ หลื อ งอํ า พั น ข า งหนึ่ ง ซึ่ ง เป น ลักษณะทีถ่ กู ควบคุมโดยยีนด อย ในแมวขาว

มณีแทบทุกตัวจะมีจุดด อย เช น ถ ามีตาสอง สีมักมีตาข างหนึ่งที่ไม ดี อาจมองเห็นไม ชัด หรือมองไม เห็นเลย ถ าแมวตาสีฟ ามักจะหู พิการ หรือไม ได ยินเสียงมากนัก และแมวตา สีเหลืองอําพันมักมีต อมขนที่ไม ดี อย างไรก็ดี แม ปจ จุบนั แมวไทยทีเ่ ราพบเห็น ดูเหมือนจะเป นแมวบ านๆ แมวที่ไม มลี กั ษณะ เด นอะไร หรือบางตัวก็ไม อาจระบุสายพันธุ ได แน ชัดนัก แต สําหรับคนรักแมว แค เห็นแวว ตาใสๆ แค เห็นความน ารัก หรือความเย อหยิง่ ของพวกเธอ บางคนก็ยอมยกพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ของหัวใจให แมว พร อมพืน้ ทีใ่ นบ านทีส่ ามารถ เดินเพ นพ านได จะยืดเหยียดยาว หรือขดตัว กลมตรงไหนก็ได เพราะความเป น สั ต ว ที่ แ ม จ ะมี เ ขี้ ย วเล็ บ แหลมคม มีความรักอิสรเสรี มีความเย อหยิง่ ไม เ อาใจ แต ใ นยามที่ แ มวมาออดอ อ น คลอเคลีย ก็ทําให ผู คนตกหลุมรัก และยอม ทีจ่ ะผูกพันดูแล สัตว ตวั เล็กสีข่ าหน าตาน ารัก ที่ชื่อว า แมว อย างหมดใจตลอดไป

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๒๗


เข้าตามตรอก ออกตามเมือง | เรื่อง : ปริญญา ชาวสมุน ภาพ : ปริญญา ชาวสมุน, โบราณสถานค่ายตากสิน

๗ โบราณสถาน

ค่ประวัายตากสิ น ติศาสตร์ที่ถูกปลุกให้ตื่น ประวัติศาสตร์ที่เปื้อนคราบน�้าตามักจะถูกลบให้ค่อยๆ เลือนหายไป ด้วยกระบวนการใดกระบวนการหนึ่ง การไม่ใส่ใจ ไม่สนใจก็นับเป็น วิธีสลายการรับรู้ที่นิยมใช้กัน ตามจังหวัดที่เคยเป็นพื้นที่พิพาทในอดีต หรือแม้กระทั่งเคยถูกยึดครองโดยชนชาติอื่น มักจะหลงเหลือร่องรอย ความอัปยศอดสู จนหลายคนท�าใจยอมรับไม่ได้...แล้วในที่สุดก็พยายามลบเลือน

บรรยากาศภายในค่ายตากสินปัจจุบนั ทัง้ ยิง่ ใหญ่ ร่มรืน่ และมีมนต์รขลัง

ต่ ไ ม่ ใ ช่ กั บ ที่ ก องพั น ทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๑ กองพลนาวิกโยธิน หน่ ว ยบั ญ ชาการนาวิ ก โยธิ น หรื อ อีกชื่อว่า ‘ค่ายตากสิน’ จ. จันทบุรี เมื่อครั้ง เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ซึ่ ง ตรงกั บ รั ช สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุคนั้นกองทัพฝรั่งเศส ไล่ ล ่ า อาณานิ ค มแถบอิ น โดจี น และทหาร ฝรั่ ง เศสได้ ก รี ฑ าทั พ เข้ า มายึ ด ครองเมื อ ง จันทบุรี หลังจากนั้นทหารฝรั่งเศสได้ใช้พื้นที่ บริ เ วณค่ า ยตากสิ น ในปั จ จุ บั น เพื่ อ เป็ น กองบั ญ ชาการ โดยก่ อ สร้ า งอาคารและ สิ่ ง ปลู ก สร้ า งทางการทหารไว้ ห ลายหลั ง จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ฝรั่งเศสย้ายไป ยึดครองเมืองตราด แล้วคืนเมืองจันทบุรีให้ แก่ ท างการไทย แน่ น อนว่ า สิ่ ง ปลู ก สร้ า ง เหล่านัน้ ยังคงอยู่ เป็นทัง้ ร่องรอยประวัตศิ าสตร์ และรอยแผลที่จันทบุรีเคยตกอยู่ใต้อาณัติ ชาติตะวันตก

1 28 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 129


อาคารกองรักษาการณ์ทหารฝรัง่ เศสโฉมใหม่ ทีส่ วยงามใกล้เคียงของเดิมในอดีต

วันเวลาผ่านไป คนทีม่ ากราบไหว้สกั การะ ศาลหลั ก เมื อ งจั น ทบุ รี หรื อ ศาลสมเด็ จ พระเจ้าตากสิน ย่อมรู้ดีว่าศาลทั้งสองแห่ง ตั้งอยู่ด้านหน้าค่ายตากสิน ทว่ามีไม่มากนัก ทีร่ วู้ า่ ภายในนัน้ มีโบราณสถานหลักๆ ถึง ๗ หลัง ...อาจดูเหมือนเป็นความบอบช�้า แต่ในทาง กลั บ กั น นี่ คื อ ประวั ติ ศ าสตร์ ข องชาติ ไ ทย อีกบทหนึ่งที่พวกเราหลีกหนีไปไม่พ้น อาคารหลังแรก อยู่ด้านหน้าใกล้ประตู ทางเข้าค่าย คือ อาคารกองรักษาการณ์ทหาร ฝรัง่ เศส อาคารทรงสีเ่ หลีย่ ม ก่ออิฐฉาบปูนเรียบ มีช่องระบายลม ทาสีน�้าตาลแดง แม้เป็น อาคารของทหาร แต่มกี ลิน่ อายสถาปัตยกรรม ยุโรปทีส่ วยงามมากทีเดียว อดีตอาคารหลังนี้ ถูกทิง้ ร้างจนทรุดโทรม แต่ปจั จุบนั คือส่วนจัด แสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๕ ถัดไปที่อาคารข้างเคียง คือ อาคารที่พัก ทหารรักษาการณ์ฝรัง่ เศส ภายหลังจากกองทัพ เมืองน�้าหอมได้ละทิ้งค่ายนี้ไป อาคารหลังนี้ ก็ถูกใช้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น เป็นที่ตั้ง

1 30 |

อาคารที่แสนเรียบง่าย แต่ประโยชน์ ใช้สอยสมกับชื่อว่า อาคารคลังพัสดุ อดีตทีพ่ กั ทหารรักษาการณ์ฝรัง่ เศส วันนีถ้ กู ปลุกให้กลับมาน่าเข้าไปพักผ่อนในฐานะห้องสมุด

คนที่มากราบไหว้สักการะ ศาลหลักเมืองจันทบุรี หรือศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ย่อมรู้ดีว่าศาลทั้งสองแห่ง ตั้งอยู่ด้านหน้าค่ายตากสิน ทว่ามีไม่มากนักที่รู้ว่าภายในนั้น มีโบราณสถานหลักๆ ถึง ๗ หลัง

ชุมนุมพลธรรมจิต ประดิษฐานองค์พระประธาน เพื่อเป็นศูนย์รวมทางใจของพุทธศาสนิกชน ส่วนด้านหลังใช้เป็นที่พักทหารรักษาการณ์ ของกองพันฯ และด้วยความที่อาคารหลังนี้ มีลกั ษณะเหมาะสมแก่การพักผ่อนคล้ายบ้าน ปัจจุบนั จึงได้รบั การซ่อมบ�ารุงเพือ่ เป็นห้องสมุด นับเป็นห้องสมุดในค่ายทหารที่น่าใช้บริการ มากทีเดียว

ส่วนอาคารหลังโตทรงเหลีย่ มดูเรียบง่าย ทีอ่ ยูถ่ ดั ไปอีก แม้ภายนอกจะราบเรียบจนรูส้ กึ ว่าไม่น่าสนใจ แต่รายละเอียดบางอย่างเช่น บานประตูก็ชวนมองมิใช่น้อย อาคารที่ว่านี้ คือ อาคารคลังพัสดุของทหารฝรัง่ เศส ประโยชน์ ใช้สอยในอดีตก็ตามชื่อ ดังนั้นการตกแต่ง จึงไม่จา� เป็นต้องหรูหรานัก ด้วยความใหญ่โต ของอาคารพัสดุทา� ให้ปจั จุบนั ถูกปรับปรุงเป็น ส่วนจัดแสดงนิทรรศการประวัติเมืองจันทบุรี และการบูรณะโบราณสถานในค่ายตากสิน มิถุนายน ๒๕๕๙

| 131


ภายในอาคารทีค่ มุ ขังทหารฝรัง่ เศส แม้วนั นีจ้ ะงดงามกว่าเก่า แต่ซกี่ รงยังสร้างแรงกดดันได้เสมอเมือ่ เข้ามาเยือน

ภายใต้รม่ เงาไม้ใหญ่ อาคารคลังกระสุนดินด�า (คส.๕) กลับดูโดดเด่นงดงาม

หากถามหาความสวยความสวยคลาสสิก อาคารกองบัญชาการของทหารฝรัง่ เศส สีมสั ตาร์ดหลังนีค้ อื ผูช้ นะเลิศ

อาคารหลังนี้เคยใช้เป็น กองบังคับการกองพัน ทหารราบที่ ๒ อยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาใช้เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ ทางประวัติศาสตร์ค่ายตากสิน

1 32 |

หากมองจากอาคารคลั ง พั ส ดุ ไ ปทาง ทิ ศ ตะวั น ตกเฉี ย งเหนื อ จะเห็ น อาคาร สีมัสตาร์ดทรงสี่เหลี่ยม ก่ออิฐฉาบปูนเรียบ ทีน่ คี่ อื อาคารกองบัญชาการของทหารฝรัง่ เศส นับเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปทีช่ ดั เจนทีส่ ดุ ในบรรดาโบราณสถานทั้งหมด ทั้งรูปทรง ลวดลาย และการประดับประดา หลังจาก

สิ้นสุดการล่าอาณานิคม อาคารหลังนี้เคย ใช้เป็นกองบังคับการกองพันทหารราบที่ ๒ อยูร่ ะยะหนึง่ ต่อมาใช้เป็นทีต่ งั้ พิพธิ ภัณฑ์ทาง ประวัติศาสตร์ค่ายตากสิน และปัจจุบันได้รับ การบู ร ณะเป็ น ส่ ว นจั ด แสดงนิ ท รรศการ ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ตั้งแต่ สมัยอยุธยาจนถึงรัชกาลที่ ๘

และเมือ่ เดินเข้าไปด้านหลังค่ายจะพบกับ อาคารหลั ง ใหญ่ รู ป ทรงเหลี่ ย มเรี ย บง่ า ย หากสั ง เกตให้ ดีจ ะพบว่ า บานประตู แ ละ หน้าต่างหาได้เป็นแบบทั่วไปไม่ ทว่าเป็น ซีก่ รงเหล็กแน่นหนา บ่งชัดว่าอาคารหลังนีค้ อื อาคารที่ คุ ม ขั ง ทหารฝรั่ ง เศส บรรยากาศ ภายนอกในปัจจุบนั ทีถ่ กู ทาสีใหม่และปรับปรุง ให้สภาพดีขนึ้ กลับตรงกันข้ามกับบรรยากาศ ภายในที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมมีก�าแพงหนาและ กรงกั้น แม้วันเวลาผ่านไป แต่ความรู้สึก ไร้อิสรภาพ แรงกดดัน สิ่งเหล่านี้ยังสัมผัสได้ บ้างจากความเป็นคุก ซึ่งอาคารหลังนี้ก่ออิฐ ถื อ ปู น ชั้ น เดี ย วสร้ า งแบบเดี ย วกั บ ตึ ก แดง ที่อ�าเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี

และไม่ ไ กลกั น คื อ อาคารหลั ง ย่ อ ม สองหลังเคียงคู่กัน หลังหนึ่งใหญ่กว่าและ มีรายละเอียดมากกว่าคือ อาคารคลังกระสุน ดินด�า (คส.๕) เป็นอาคารสี่เหลี่ยมก่ออิฐฉาบ ปูน ยกพืน้ สูงเพือ่ ป้องกันน�า้ ท่วม มีชอ่ งระบาย ลมอยู่รอบ เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ ยุโรปที่แม้จะขนาดกะทัดรัดแต่สวยงามเลย ทีเดียว ปัจจุบนั อาคารคลังกระสุนดินด�าเป็นที่ จัดแสดง Diorama (ฉากจ�าลอง) การรบที่ เกาะช้าง

บรรยากาศภายนอกในปัจจุบัน ที่ถูกทาสีใหม่และปรับปรุงให้ สภาพดีขึ้น กลับตรงกันข้ามกับ บรรยากาศภายในที่เป็น ห้องสี่เหลี่ยมมีก�าแพงหนาและ กรงกั้น แม้วันเวลาผ่านไป แต่ความรู้สึกไร้อิสรภาพ แรงกดดัน สิ่งเหล่านี้ยังสัมผัสได้ บ้างจากความเป็นคุก

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 133


C

M

Y

CM

MY

แม จะหลังเล็กทีส่ ดุ แต อาคารคลังกระสุนดินดํา (คส.๖) คือโบราณสถานทีง่ า ยงามทีส่ ดุ หลังหนึง่ ของค ายตากสิน

CY

CMY

ในยุคนั้นประเทศรอบๆ ประเทศไทย ถูกยึดครองเกือบหมด แต ด วย พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล าเจ าอยู หัว ทําให ประเทศไทยรอดพ นการตกเป น เมืองขึ้น แม จะต องยอมเสียดินแดน บางส วนไปบ าง

๑ ๓๔ |

ส วนอีกหลังที่เล็กกว าคือ อาคารคลัง กระสุนดินดํา (คส.๖) เป นอาคารที่เรียบง าย ที่สุดในบรรดาโบราณสถานทั้งหมดก็ว าได เพราะก ออิ ฐ ฉาบปู น เรี ย บแบบง ายๆ ทรง สี่เหลี่ยมธรรมดา แม เล็กแต ก็เล็กพริกขี้หนู เพราะป จ จุ บั น ถู ก บู ร ณะให เ ป น ที่ จั ด แสดง นิทรรศการความสัมพันธ ระหว างไทย-ฝรัง่ เศส ในสมัยป จจุบัน ซึ่งการบูรณะโบราณสถานทั้ง ๗ แห งใน ค ายตากสินเริ่มตั้งแต ป พ.ศ. ๒๕๕๑ ด วย ความทีโ่ บราณสถานดังกล าวสภาพทรุดโทรม มากจนน าเป นห วงทั้ง ที่มีความสําคัญ ทาง ประวัติศาสตร มาก เพราะนอกจากจะเป น บทบันทึกถึงเหตุการณ ในยุคล าอาณานิคม ของชาติตะวันตกแล ว ยังฉายภาพอีกมุมทีน่ า ภาคภู มิ ใ จคื อ ในยุ ค นั้ น ประเทศรอบๆ ประเทศไทยถูกยึดครองเกือบหมด แต ด วย พระอั จ ฉริ ย ภาพของพระบาทสมเด็ จ พระจุลจอมเกล าเจ าอยู หัว ทําให ประเทศไทย รอดพ น การตกเป น เมื อ งขึ้ น แม จ ะต อ ง ยอมเสียดินแดนบางส วนไปบ าง

การบูรณะใหญ ครั้งนี้มี มูลนิธิอนุรักษ โบราณสถานในพระราชวังเดิม เข ามาเป น แม งานร วมกับ กรมศิลปากร กระทัง่ ปรับปรุง ให ซากโบราณสถานที่ตายไปแล วได กลับมา มี ล มหายใจขึ้ น อี ก ครั้ ง และเมื่ อ วั น ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ ที่ผ านมา สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค ประธาน ที่ปรึกษามูลนิธิอนุรักษ โบราณสถานฯ เสด็จ ไปทรงเป ดอาคารโบราณสถานที่บูรณะเสร็จ สมบูรณ ในค ายตากสิน พร อมกับทอดพระเนตร นิทรรศการซึง่ มีเนือ้ หาเกีย่ วกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจที่สําคัญของพระบาท สมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล า เจ า อยู หั ว และ ความสัมพันธ ไทย-ฝรัง่ เศส ตัง้ แต สมัยอยุธยา จนถึงป จจุบัน แม ประวัติศาสตร บางบทจะไม สวยหรู หรือถูกใจใครไปเสียหมด แต ในเมื่อเราหลีก หนีไม ได สิ่งที่ควรทําคือรับรู และเรียนรู วันนี้ ประวัติศาสตร ที่เคยหลับใหลถูกปลุกให ตื่น แล วที่ค ายตากสิน จันทบุรี

K


คนรุ่นใหม่หัวใจอนุรักษ์ | เรื่อง : ฬียากร เจตนานุศาสตร์ ภาพ : สายลม นัยยะกุล

ฟาร์มตาเล็ก… มาแล้ว เด็กจะรักษ์ เปรมฤดี พันธุ์รัตน์ คือ หลานสาวคุณตาเล็ก เจ้าของ Farm de Lek หรือฟาร์ม ตาเล็ก แห่งนี้ จากทีด่ นิ ๔๔ ไร่ ที่เคยเป็นสวนผลไม้แถว คลองรังสิต-นครนายก ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปหลาย สิบปีเพราะไม่มีใครดูแล จนกระทั่ง...

1 36 |

จุดเริ่มต้นของการท�าฟาร์ม

แรงบันดาลใจของการได้ใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มี การดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีในต่างประเทศ บวกประสบการณ์วัยเยาว์ที่เคยตามติด คุณตามาใช้ชีวิตวันหยุดในสวนมาก่อน ท�าให้ คุณเก๋-เปรมฤดี พันธุร์ ตั น์ ตระหนักถึงความ ต้องการของเด็กๆ ที่เริ่มตั้งแต่ลูกทั้งสามคน ของตนเอง เพื่อนๆ ลูก และเด็กในสังคมที่ ควรจะได้มีพื้นที่ดีๆ เพื่อสร้างสรรค์ ต่อยอด จินตนาการ พัฒนาบางส่วนที่ขาดหายไป จากการใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมือง และได้มาใช้ เวลาใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 137


เด็กๆ จะได้เรียนรู้การเก็บไข่ จากแม่ไก่ด้วยตัวเอง และสามารถ น�ากลับบ้านไปได้ด้วย

คุณเก๋ เจ้าของฟาร์ม ด้านหลังเธอคือ บ้านต้นไม้ที่เด็กๆ ชอบมาก

มีอะไรบ้างในฟาร์มตาเล็ก หลากหลายกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กมีส่วนร่วม ในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในทุกๆ ด้านอย่างสมดุล

1 38 |

สิ่งต่างๆ ที่คิดไว้เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็น ร่างเมื่อราว ๓ ปีก่อน ที่คุณเก๋และครอบครัว ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร และเริ่ม มองหาพื้นที่ส�าหรับการได้ใช้เวลาใกล้ชิด ธรรมชาติ ให้เด็กๆ ได้สัมผัสการใช้ชีวิต ในสิ่งแวดล้อมดีๆ มีการท�ากิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ได้เล่นไป พร้อมๆ เรียนรู้ แบบที่เคยเป็นเมื่อครั้งเคย อยู่ที่ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศสุดท้าย ก่อนย้ายกลับมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ การกลับมาท�าฟาร์มแห่งนี้ ที่เธอสอนให้ลูกๆ ได้รับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการสร้าง สิ่งต่างๆ ขึ้นมาด้วยน�้ามือตัวเองด้วยเช่นกัน และนั่นคือที่มาส�าคัญของการก่อร่าง สร้างฟาร์มแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิต เพื่อให้ เด็กๆ ได้มาเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ต่างไปจาก ในเมืองโดยสิ้นเชิง เพราเมื่อก้าวเข้ามาที่นี่ ทุกอย่างมีกฎ ระเบียบ มีกิจกรรมที่ท�าให้

เด็กๆ ได้เรียนรู้ไปโดยปริยายถึงการมีส่วน ร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่ง แวดล้อมในทุกๆ ด้านอย่างสมดุล ไม่ว่าจะ เป็นการสอนให้แยกขยะ สอนให้รู้จักต้นไม้ เพื่อให้รักธรรมชาติ หรือการให้อาหารสัตว์ที่ ต้องลงมือคลุกเคล้าอาหารด้วยมือตัวเองเพื่อ ให้มกี ารสัมผัส การลงมือท�าอย่างจริงจัง คุณเก๋ บอกว่า ทุกอย่างที่ท�ามาจากประสบการณ์ ต่างๆ ที่ได้รับมาในชีวิตทั้งสิ้น “โดยมีลูก เป็นตัวแปรส�าคัญ และสังคมที่เปลี่ยนไป ประสบการณ์ เป็นแบบอย่าง ลูกเป็นแรง บันดาลใจ สังคมที่เปลี่ยนไปเป็นแรงผลักดัน เพราะเราย้อนมองกลับไป เรามีความทรงจ�า ในวัยเด็กเยอะมาก แต่เด็กเดี๋ยวนี้สิ คงไม่มี แล้ว เราเลยอยากท�าให้เด็กได้มีพื้นที่ตรงนี้ เพื่อมาใช้ชีวิต แม้เป็นเพียงชั่วครั้งคราว แต่ อย่างน้อยเขาจะได้มีอะไรบางอย่างคอย สะกิดติดตัวกลับไป”

ไม้เล็กดัดง่าย พอไม้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็ดัดยากขึ้น นี่คือสิ่งที่เป็นวิถีแห่งการด�าเนิน การในฟาร์มนี้ เมื่อคุณเก๋เห็นได้ชัดว่าเด็กๆ ที่สมัครเข้ามาท�ากิจกรรม ซึ่งมีทั้งแบบเดย์ โปรแกรมเช้าไป-เย็นกลับ และแบบแคมปิ้ง พักค้างคืนเพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่เด็กสนใจเป็น พิเศษ ซึ่งมีให้เลือกเป็นแคมป์ฟาร์มเมอร์ มีกิจกรรมปลูกต้นไม้ ท�าความรู้จักพืชผักใน ฟาร์ม เลี้ยงสัตว์ การเกษตรทุกอย่าง แคมป์ ท�าอาหาร ก็จะเรียนรู้การท�าอาหารที่ใช้ วัตถุดิบในฟาร์ม ให้เด็กๆ คิดเมนูจากสิ่งที่ มีอยู่ และหากต้องการอะไรเพิม่ ก็พาไปหาซือ้ เพื่อเป็นการเรียนรู้ว่าอาหารที่กินนั้นมีความ เป็นมาอย่างไรตั้งแต่กระบวนการต้นๆ ตั้งแต่เกษตรกรปลูกเลยทีเดียว หรือถ้าเด็ก ที่ชอบม้า อยากขี่ม้าเป็นพิเศษ ก็มีแคมป์ เรื่องม้า ซึ่งที่ฟาร์มจะให้ความรู้ตั้งแต่การ ดูแลม้า ให้อาหารม้า พาม้าเข้าคอก ไม่ใช่ แค่ขสี่ นุกๆ เฉยๆ เพราะนีค่ อื ฟาร์มทีเ่ ปิดโอกาส ให้เด็กๆ ได้มาเรียนรู้ไปพร้อมประสบการณ์ ใหม่ๆ ที่ไว้ใช้เป็นแรงบันดาลใจในเรื่องอื่นๆ ต่อไป

เล่นจริงจับจริง เรียนรู้จาก ประสบการณ์จริง

เรียนรู้จักพืชผักในแปลงที่มาก่อนจะกลายเป็นอาหาร

คุณเก๋บอกว่า เหตุผลที่ต้องให้เด็กๆ ได้มโี อกาสท�ากิจกรรมเหล่านีเ้ พราะ... “เป็นสิง่ ส�าคัญมาก เพราะเราได้เห็นผลของเด็กที่ เติบโตในยุคนี้ที่ส่วนใหญ่ไม่มีความอดทน ไม่รู้จักที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ ไม่มีความลึก ซึ้งในการมองเห็นถึงคุณค่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เราต้องสร้างสมดุลให้เขา ให้เขาฝึกความรับ ผิดชอบ และเราเข้าใจว่าประสบการณ์ของ เด็กจ�าเป็นต้องหลากหลาย เราอยากให้เด็ก

คนอื่นได้เรียนรู้ในสิ่งที่ลูกเราได้เรียนรู้ด้วย เพราะสภาวะแวดล้อมในช่วงที่เด็กเติบโต มาส�าคัญมาก เราเห็นผลในสิ่งที่ลูกเราได้ รับมาว่าดี ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องความรับผิด ชอบต่อสังคม จึงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้ให้เป็น ประโยชน์กับเด็กคนอื่นๆ ได้เข้ามามีส่วน ร่วมและได้พัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อน�าไป ต่อยอดด้วย”

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 139


ในเรื่องของการอนุรักษ สิ่งต างๆ คุณเก บอกว าเธอให ความสําคัญกับเรื่องนี้เป น อันดับต นๆ เช นเดียวกัน “ภายในฟาร ม เราอนุรักษ สิ่งแวดล อมค อนข างจริงจังมาก ทุกอย างเราพยายามลดขยะ ต มนํ้าสมุนไพร เสิร ฟเอง วัตถุดิบเราก็นํามาจากที่ปลูกไว ในฟาร ม ตอนนี้ทําไอศกรีมหลอดจากนํ้า สมุนไพรด วย เด็กๆ ก็ชอบ ถุงเพาะชําเราก็ ใช ขวดนํ้าที่ใช แล วมารีไซเคิล แก วนํ้าที่ใช สําหรับเด็กๆ และผู ปกครอง เราก็จะจํากัด ปริมาณการใช เพื่อไม ให มีขยะมากเกินไป หรือคลุกอาหารมือเมื่อก อนยังมีถุงมือยาง ให ใส แต เดี๋ยวนี้เราก็ไม ใช รวมทั้งเรื่องของ ระเบียบวินัยต างๆ ที่เราคิดว าจะดีต อส วน รวม เราก็จะบอกทุกคนที่มาให ช วยทําตาม

กฎของที่นี่ เพราะฟาร มนี้ไม ใช อยู ๆ ใครจะ เดินเข ามาเที่ยวเองได ต องมีการสมัครเข า มาและยอมรับในกฎระเบียบของเรา เพราะ เราต องการให ที่นี่เป นที่ปลูกฝ งสิ่งดีๆ ที่ถ า เป นไปได อย างน อยเขาได อะไรกลับไปแล ว ทําให เขาเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นได ก็จะเป น สิ่งดีต อสังคมเราต อไป นี่คือสิ่งที่เรามุ งหวัง อยากให เป น” ความทรงจําและประสบการณ วัยเยาว ของคนหนึ่ง ทําให เกิดความคิดและความฝ น ที่จะสร างสรรค สังคมอย างมุ งมั่น แม เป น เพียงส วนเล็กๆ แต เราว าฟาร มตาเล็กแห งนี้ เมื่อได มาแล ว เด็กๆ จะรักษ และได ประสบการณ ที่มีค ากลับไปอย างแน นอน

ปาฏิหาริย ต นไม ใหญ กั้นแนวไฟ หลั ง จากที่ เ ราไปถ า ยภาพที่ฟ าร มตาเล็ก ผ านมาได ราว 2 สัปดาห เกิดเหตุไม คาดฝ น เมือ่ ได ข าวว ามี ไฟไหม รอบๆ ฟาร ม เป นบริเวณ ทุ งหญ าแห งที่ ไม ได นํ้ามาหลายเดือนจากความ แห ง แต ก็ไม แน วา สาเหตุทที่ าํ ให เพลิงลุกไหม นนั้ อาจมาจากมีใครสูบบุหรี่แล วเขี่ยทิ้งไว สะเก็ดไฟ เพียงนิดเดียวก็มากพอที่จะทําให หญ าแห งๆ เป นเชื้อเพลิงอย างดี บวกกับแรงลมพายุที่ช วย กระพือให ไฟลุกโหมขึ้นสูงท วมดงหญ า ช าง น า กลั ว ยิ่ ง นั ก เมื่ อ ฟาร ม ตาเล็ ก อยู ติ ด กั บ กองเพลิงนั้นแค ชั่วแนวไม ใหญ กั้น เราสอบถามไปยังคุณเก เจ าของฟาร ม ด วย ความเป นห วงว าที่ฟาร มได รับความเสียหาย หรือไม คุณเก บอกว า "ฟาร มเรารอดมาได ด วย ปาฏิหาริย " และขยายความว า ปฏิหาริย จาก ต นไม ใหญ ไม ว าจะเป นพะยูน ก ามปู แคนา และ ต นตะกู โดยเฉพาะต นหลังนี้โดนไฟลามเลียจน ใบดําไปบางส วน กระนั้น ไม ใหญ เหล านี้คือแนว กั น ไฟอย า งดี ที่ ช วยให ฟาร มรอด จากเพลิงพายุใน ครัง้ นี้ และอาจมี ปาฏิหาริย จาก สิ่ ง ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ด วยหรือไม ก็

๑ ๔๐ |

ไม อาจพิสูจน ได แต คุณเก บอกว ามีคนงานเห็น ลูกไฟดวงโตถูกลมหอบและปลิวข ามฟาร มไป ตกในพื้นที่ข างๆ แต ก็โชคดีที่ที่ผืนนั้นมีต นไม ใหญ ๆ อยู บ าง ทําให ไฟไม รุนแรงมากเหมือน ทุ งหญ าอีกด าน หลังจากช วยกันดับไฟและรถดับเพลิงมา ควบคุมได ความเสียหายที่ฟาร มตาเล็กได รับ จึงมีเพียงไม ใหญ บางต นทีใ่ บไหม เกรียม และภาพ ทุ งหญ ารอบๆ ที่เคยเป นวิวสวยงามเหลือเพียง ซากดําๆ จากกองเพลิงที่ทิ้งรอยไว เราว านี่คือปาฏิหาริย ปาฏิหาริย จากต นไม ใหญ ที่ช วยสกัดเพลิงไว ได และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทีช่ ว ยปกป องใครบางคนทีร่ กั ษาต นไม ไว อย างดี ไม รู สิ…สําหรับเรื่องนี้ เราเชื่อว าปฏิหาริย มีจริง

รู ไว ก อนไปฟาร ม

• สําหรับเดย โปรแกรม เด็กทีจ่ ะมาได ควร อายุตั้งแต ๓-๑๓ ป และมีผู ปกครองมาร วม สั ง เกตการณ ด ว ยได โปรแกรมเริ่ ม ตั้ ง แต ประมาณ ๙.๓๐ - ๑๕.๓๐ น. มีกิจกรรม ให ทําตลอดช วงเช า พักรับประทานอาหาร กลางวัน และช วงบ ายคือช วงของการเล น ที่มี ทั้ ง บ า นต น ไม บ อ นํ้ า ธรรมชาติ ล งเล น ได เรือแจว เรือพาย เรือถีบ สนามหญ าวิ่งเล น มุมเล นขายของ และรถเอทีวี เป นช วงปล อย อิสระที่ให เด็กได เล นอย างเต็มที่ ไปพร อมกับ เรียนรู ที่จะระมัดระวังตัวไปด วย • มีเอกสารข อควรระวังที่ทางฟาร มจะส ง ให อา นก อนเดินทางมา ผูป กครองควรทําความ เข าใจด วย • เป ดใจ เข าใจ เรียนรู และกล าลองใน สิ่งแปลกใหม คือสิ่งที่ทั้งเด็กและผู ปกครอง จะได สัมผัสร วมกัน • ในส วนของการเข าแคมป จะแบ งเป นธีม ให เด็กได เลือกสิ่งที่ชอบและมารวมกลุ มกัน เด็กที่มาควรมีอายุระหว าง ๘-๑๓ ป และมา เฉพาะเด็ก ไม มีผู ปกครอง โปรแกรมนี้จะมี ในช ว งป ด เทอม ส ว นเดย โ ปรแกรมมี ทุ ก วันเสาร -วันอาทิตย • ทุ ก ขบวนการคื อ การเรี ย นรู ทุ ก ก า ว เดินมีประสบการณ ทุกการล มพลาดคือการ ฝ กความอดทนทีจ่ ะเริม่ ต นใหม ประสบการณ เล็กๆ มีค ามากกว าที่คิด ทุกการเติบโตล วน ต องผ านบาดแผล บางทีอาจถึงเวลาที่เด็กๆ เองก็ต องก าวให พ นออกมาจากคอมฟอร ต โซนกันบ าง เพื่อสิ่งมีค าที่เขาจะหาไม ได จาก ศูนย การค าหรือในห องนั่งเล น

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K


ภาพเล าเรื่อง | เรื่อง / ภาพ : วีระยศ สําราญสุขทิวาเวทย

นางสาวไทย

ตกสวรรค ในป ๒๔๘๔

นับตั้งแต ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข ารับตําแหน ง นายกรัฐมนตรี ในป พ.ศ. ๒๔๘๑ นโยบายการสร างชาติและสร าง วัฒนธรรมการเมืองแบบใหม เกิดการเปลี่ยนแปลงอย างสูง โดยเฉพาะการเปลี่ยนชื่อประเทศ จากประเทศสยามมาเป น ประเทศไทย ส งผลให กิจกรรม ประกวดนางสาวสยามที่ก อตั้งมา ตั้งแต ป พ.ศ. ๒๔๗๗ ต องปรับ เปลี่ยนชื่อการประกวดใหม จากการประกวดนางสาวสยาม มาเป นการประกวดนางสาวไทย ประเทศสยามมีนางสาวสยามคนแรกคือ กันยา เทียนสว าง รับตําแหน งในป พ.ศ. ๒๔๗๗ ส ว นตํ า แหน ง นางสาวสยามคนสุ ดท า ยคื อ พิศมัย โชติวุฒิ รับตําแหน งในป พ.ศ. ๒๔๘๑ ในป พ.ศ. ๒๔๘๒ ประเทศเปลีย่ นชือ่ เป น ประเทศไทย ได จั ด งานประกวดนางสาว ซึ่ ง เปลี่ ย นชื่ อ งานแล ว เป น การประกวด น.ส. เฉลิมศรี เสวกอนันต อําเภอบางรัก ส งเข า ประกวดนางสาวไทย ป พ.ศ. ๒๔๘๔

นางสาวไทยอันเป นกิจกรรมสําคัญในการ จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ ณ เวทีสวนอัมพร ในคืนวันที่ ๒ ธันวาคม ป พ.ศ. ๒๔๘๒ โดย ในคืนนัน้ เรียม เพศยนาวิน รับตําแหน งนางสาว ไทยคนแรก ในป ต อมา หรือ พ.ศ. ๒๔๘๓ นางสาวไทยคนที่ ๒ คือ สว างจิตต หฤหานนท หลังจากประกาศใช รัฐนิยม ฉบับที่ ๑๐ เรื่องการแต งกายของประชาชนชาวไทย ใน วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ บรรยากาศ การส งเสริมการจัดประกวด นอกจากจะมีการ จัดประกวดนางสาวไทยเป นหลักแล ว ยังมี

กิจกรรมการประกวดนางสาวประเภทต างๆ มากมาย เช น การประกวดเครือ่ งแต งกายสตรี ไทยในงานพระอุทยานสราญรมย ซึ่งในงาน ยังมีการแจกรางวัลพิเศษสําหรับการแต งกาย ยอดเยี่ยมของหญิงชราที่ไปเข าวัดฟ งเทศน ทําบุญด วย ในการประกวดครัง้ นี้ พระนางเธอ ลักษมีลาวัณทรงเป นประธานแจกรางวัล และ งานประกวดหมวกและเครือ่ งแต งกายสตรีใน งานตลาดนั ด สวนอั ม พร ในงานวั น เกิ ด ท านผู หญิงละเอียด พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ เป นต น

เรียม เพศยนาวิน นางสาวไทยคนแรก เข ารับตําแหน งเมื่อป พ.ศ. ๒๔๘๒

๑ ๔๒ |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๔๓


โฉมหน าบางส วนของ บรรดาผู เข าประกวด นางสาวไทยป พ.ศ. ๒๔๘๔

สตรีผู ชนะการประกวด และเครื่องแต งกายสตรี ในงานตลาดนัดสวนอัมพร ในป พ.ศ. ๒๔๘๔

แต ในขณะที่รัฐบาลกําลังเตรียมจัดงาน ฉลองรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึง่ กําหนดเริม่ ในวันที่ ๘ ธันวาคม เช าตรู วันที่ ๘ ธันวาคม นัน้ เอง กองทัพญีป่ น ุ ได ยกพลขึน้ บกที่ชายฝ ง หลายแห ง มีการสูร บกันทีบ่ างปู สมุทรปราการ อ าวมะนาว ประจวบคีรีขันธ ชุมพร ป ตตานี ฯลฯ ส งผลให ประเทศไทยเข าสูส ภาวะสงคราม ทันที งานฉลองรัฐธรรมนูญในป นนั้ จึงถูกยกเลิก อย างเร งด วน การจัดประกวดนางสาวไทยจึง ต องยุติตามไปด วยโดยปริยาย น.ส.ชูชื่น ขวัญยืน หอสินค ากรมราชฑัณฑ ส งเข าประกวดนางสาวไทย ป พ.ศ. ๒๔๘๔ สว างจิตต คฤหานนท นางสาวไทย ป พ.ศ. ๒๔๘๓ ในชุดเครื่องแบบตามสมัยนิยม

๑ ๔๔ |


C

M

ผู เข าประกวดนางสาวไทย ป พ.ศ. ๒๔๘๔ ร วมงาน เป ดอาคารบนถนนราชดําเนิน

Y

CM

MY

CY

CMY

K

ผู เข าประกวดหมวกและ เครื่องแต งกายสตรี ที่สวนอัมพร ป พ.ศ. ๒๔๘๔

ประเทศสยามมีนางสาวสยาม คนแรกคือ กันยา เทียนสว าง รับตําแหน งในป พ.ศ. ๒๔๗๗ ส ว นตํ า แหน ง นางสาวสยาม คนสุดท ายคือ พิศมัย โชติวฒ ุ ิ รับตําแหน งในป พ.ศ. ๒๔๘๑

๑ ๔๖ |

ภาพเก าเล าเรื่องขอนําเสนอภาพปกและ ประมวลข าวภาพของนิตยสารรายสัปดาห ประมวลสาร หม อมเจ าพรพิมลพรรณ รัชนี เจ าของและบรรณาธิการ หม อมเจ าจันทร จริ า ยุวัฒน รัชนี เป นบรรณาธิการ ภาพปกและ ภาพประมวลข าวจัดพิมพ ในช วงการประกวด นางสาวไทยป พ.ศ. ๒๔๘๔ หนังสือตีพิมพ ใน ช วงมกราคม - ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ บรรดา สาวงามทีท่ ยอยลงปกประชันความงามบนปก

ประมวลสารต างเป นตัวแทนจากองค กรต างๆ ในการประกวดชิงชัย แต สาวงามทั้งหมดที่ ปรากฏบนปกหนังสือต างไม มีใครได รับการ ตัดสินเป นนางสาวไทยเลยเพราะสงครามอุบตั ิ เสียก อน ส วนจะตัดสินว าใครสวย ใครงาม ใคร เหมาะสมจะรับตําแหน งเป นนางสาวไทยประจํา ป พ.ศ. ๒๔๘๔ ขอเชิ ญ ผู อ า น อนุ รั ก ษ ช วยกันตัดสินกันเองนะครับ


วันนี้ - 15 กรกฎาคม 2559

CONTRIBUTOR สมัครสมาชิกนิตยสารอนุรักษ (กรุณาเขียนตัวบรรจง) ชื่อ - นามสกุล .................................................................................................. ที่อยู สําหรับจัดส งนิตยสาร ................................................................................. ........................................................................................................................... โทรศัพท ที่ติดต อสะดวก .................................................................................... E-mail .............................................................................................................. สถานที่ออกใบกํากับภาษี / ใบเสร็จรับเงิน (หากแตกต าง) บริษัท ................................................................................................................ ที่อยู .................................................................................................................. ........................................................................................................................... สมัครสมาชิก ๑ ป (ป ๒๕๕๙) รวม ๖ ฉบับ ๑,๒๐๐ บาท (รวมค าจัดส ง) สมัครสมาชิก ๒ ป (ป ๒๕๕๙ - ๒๕๖๐) รวม ๑๒ ฉบับ ๒,๔๐๐ บาท (รวมค าจัดส ง)

เกริกบุระ ยมนาค ศิลป นอิสระ, อาจารย พิเศษ ภาควิชานฤมิตศิลป คณะศิลปกรรมศาสตร จุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย

C

M

Y

ชําระค าสมาชิกโดยโอนเงินเข าบัญชี บริษัท สป ริต อาร ท ๒๐๑๑ จํากัด ธนาคาร กสิกรไทย สาขา สวนจตุจักร เลขบัญชี ๐๖๑ - ๒ - ๖๕๖๖๖-๕

สร างสรรค ผลงานศิลปะมากมายทั้งนิทรรศการ เดี่ยวและนิทรรศการกลุ ม ได รับรางวัลเกียรติยศ • “Encouragement Prize” นอมา รางวัลภาพ ประกอบหนังสือเด็ก ณ ประเทศญี่ปุ น ประจําป ๒๕๕๗ • BAD AWARD (BANGKOK ART DIRECTORS ASSOCIATION AWARDS) • รางวัลที่ ๒ นอมา รางวัลภาพประกอบหนังสือ เด็ก ณ ประเทศญี่ปุ น ครั้งที่ ๖

ส งใบสมัครพร อมสลิปยืนยันการชําระเงินมาที่ โทรสาร ๐ ๒๕๐๙ ๐๐๒๖ หรือ อีเมล info@anurakmag.com ติดต อฝ ายสมาชิก โทร. ๐ ๒๕๐๙ ๐๐๔๔, ๐๘ ๐๔๕๑ ๕๕๕๕ ฉบับที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๙ ฉบับที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๙

พระรอดพ�มพ เล็ก

พ�สุทธิ์ใส ณ ปลายขอบฟ า

CM

MY

CY

CMY

K

และฝากผลงานภาพวาดชุดดอกไม ใน “อนุรกั ษ ” เป นประจําในทุกๆ ฉบับ

มหัศจรรย ผ าอินเดีย

1 6

เฮือนงาม ๓ หลัง

0

ในลำปาง

4 0 5

The Gallery of Life งานศิลป แห งชีว�ต

ติดตามนิตยสารอนุรักษ ได ที่ www.anurakmag.com www.facebook.com/AnurakMagazine ๑ ๔๘ |

สยามพารากอน เซ็นทรัลพลาซา ลาดพราว เซ็นทรัลพลาซา แกรนด พระราม 9 สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง (ขาออกภายในประเทศ และขาออกระหวางประเทศ) เอ็มโพเร�ยม เซ็นทรัลพลาซา ปนเกลา ซ�คอนแสควร ศร�นคร�นทร เดอะมอลล ทาพระ แฟชั่นไอสแลนด เดอะมอลล บางแค เมกา บางนา ฟวเจอรพารค รังสิต เดอะมอลล งามวงศวาน เซ็นทรัลเว�ลด เซ็นทรัลพลาซา รัตนาธ�เบศร เอ็มควอเทียร สีลมคอมเพล็กซ เซ็นทรัลพลาซา เวสตเกต เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสตว�ลล


สืบสำ�รับตำ�รับค�วหว�น | เรื่อง : ฬียากร เจตนานุศาสน์ ภาพ : มดแดง

มีหลายคนทีบ่ อกว่าอาหารไทยนัน้ ท�ายาก และแม้จะท�าได้แล้วก็ทา� ให้อร่อยได้ยากหากไม่รถู้ งึ กลเม็ดเคล็ดลับ หรือ จับหัวใจส�าคัญของการท�าอาหารไทยออกมาได้ ทว่าส�าหรับ ม.ล. ขวัญทิพย์ เทวกุล ผูน้ จี้ ดั ว่าเป็นปรมาจารย์ดา้ น อาหารไทยอีกหนึง่ ท่านทีม่ คี วามเชีย่ วชาญและเปีย่ มด้วยความรูอ้ ย่างลึกซึง้ ด้วยเพราะเติบโตมาในครอบครัวทีม่ ี การปลูกฝังให้ลกู หลานท�าอาหารเป็น นอกเหนือจากนัน้ เธอยังได้แม่ครัวเอกของคุณย่าช่วยสอนให้เป็นพิเศษ ด้วย มองเห็นวี่แววที่เธอสามารถน�าความรู้ ไปต่อยอดได้ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอเคยเป็นเจ้าของร้านอาหาร และ ตอนนี้เป็นทั้งครูสอนท�าอาหารไทย มีบริษัทรับจัดท�าอาหาร เมื่อถึงฤดูท�าข้าวแช่ เธอมีข้าวแช่ออกเสิร์ฟให้คนที่ อยากรับประทาน และยังมีหนังสือต�าราอาหารของตัวเองพิมพ์ออกมาได้ ๕ เล่มแล้ว

มนูที่ ม.ล. ขวัญทิพย์ หรือพี่ป้อม ตัง้ ใจจะท�ำเพือ่ ลงในอนุรกั ษ์ฉบับนี้ ล้วนเป็นเมนูที่หำรับประทำนได้ ไม่งำ่ ย และหำคนที่ท�ำเองได้กไ็ ม่มำก ดังนั้นถือเป็นโอกำสดีที่เรำจะน�ำสูตร ของทั้ง ๔ เมนู ที่เป็นอำหำรไทยแท้ แต่โบรำณในต�ำรับดั้งเดิมมำบอกต่อ ต้มจิ๋ว ย�ำทวำย งบปลำเค็ม กะปิ คั่ว+ปลำช่อนฟูทอดกรอบ สี่เมนูที่มำ อยู ่ ใ นมื้ อ อำหำรเมื่ อ ไรก็ อ ร่ อ ยครบ เครือ่ งครบรสเมือ่ นัน้ และกำรจะท�ำทัง้ สีเ่ มนูนใี้ นมือ้ เดียวครำวเดียวกันก็เป็น เรื่ อ งใหญ่ มิ ใ ช่ น ้ อ ย หำกไม่ มี ก ำร วำงแผน ตระเตรียม และอำศัยควำม เชี่ยวชำญในกำรบริหำรงำนครัวก็คง ต้องมีกำรหัวหมุนวิง่ วุน่ ชุลมุนกันบ้ำง แต่สำ� หรับปรมำจำรย์ระดับพีป่ อ้ มนัน้ ถือว่ำจัดกำรได้ เพรำะทุกอย่ำงมีกำร จัดสรร จัดท�ำเป็นขั้นตอน ปิ้ง คั่ว ต้ม ทอด มีผักสมุนไพรต่ำงๆ เป็นส่วน ประกอบ นี่คือหัวใจหลักของอำหำร ไทย เมื่อเรำไปถึง อำหำรทั้งสี่อย่ำงก็ พร้อมแล้วที่จะให้จัดใส่จำนและหำ

องค์ประกอบส�ำหรับกำรถ่ำยภำพ พี่ ป้ อ มบอกว่ ำ “กำรจั ด อำหำรให้ สวยงำมน่ำรับประทำนเป็นสิ่งส�ำคัญ ไม่แพ้วิธีกำรท�ำและรสชำติ เพรำะ อย่ ำ งแรกที่ ค นกิ น จะสั ม ผั ส ได้ คื อ หน้ำตำและกลิน่ ... “ซึง่ ส�ำหรับพี่ จะไม่ ชอบน�ำเอำของที่กินไม่ได้มำจัดจำน เช่น แครอตฝำน ฟักทองแกะสลัก ซึ่ง บำงทีก็ยุ่งยำกและพิธีรีตองเกินไป” เรำเห็นด้วย และเมื่อมองไปรอบๆ เห็นมีใบผักต่ำงๆ วำงอยู่บนโต๊ะที่ เจ้ำของบ้ำนและเจ้ำของครัวสวยแห่ง นี้เตรียมไว้เรียบร้อย ซึ่งบำงอย่ำงก็ ไม่มีวำงขำยในท้องตลำด อย่ำงใบ มะระที่เป็นแฉกเล็กๆ สวยงำม ต้น กวำงตุ้งที่มีดอกสีเหลืองแซมติดมำ ด้วย นัน่ ก็สวย ใบเล็บครุฑ ใบโหระพำ ที่มีดอกจิ๋วๆ แซมอยู่บนกิ่ง และดอก ไม้อื่นๆ ที่พี่ป้อมบอกว่ำเก็บมำจำกที่ ปลูกไว้เองในบ้ำน บำงอย่ำงซือ้ มำจำก ตลำด และนั่นก็คือองค์ประกอบที่น�ำ มำใช้ประดับตกแต่งไว้รอบๆ อำหำร ทีท่ ำ� ให้ทกุ จำนดูมชี วี ติ ชีวำและส่งกลิน่ หอมออกมำจนสัมผัสได้

ม.ล. ขวัญทิพย์ เทวกุล

ม.ล. ขวัญทิพย์ เทวกุล

เข้าถึง เข้าใจ อาหารไทย 1 50 |

มิถุนายน ๒๕๕๙

| 151


ต มจ��ว

เมนูนี้พี่ป อมบอกว าเลือกมาเพราะว าหาคนรู จัก น อยมาก เป นเมนูตํารับของพระบรมวงศ เธอ พระองค เจ าเยาวภาพงศ สนิท ซึง่ มีพระอัยกาคือ พระองค เจ าสาย สนิทวงศ ประมุขกรมหมอหลวง แพทย ประจําพระองค ของล นเกล ารัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล า เจ าอยู หัว ซึ่งพระบรมวงศ เธอ พระองค เจ าเยาวภาพงศ สนิท ได ปรุงขึ้นถวายอยู เป นประจําทั้งในยามประชวร และในยามปกติ และด ว ยสรรพคุ ณ ทางยาจากพื ช สมุนไพรไทย ทีม่ ที งั้ หอมแดง กะเพรา โหระพา บวกกับ โปรตีนชั้นดีอย างเนื้อวัวและคาร โบไฮเดรตชั้นยอดจาก มันเทศ ทําให ต มจิ๋วเป นอาหารที่เหมาะอย างยิ่งสําหรับ ผู ป วยระยะพักฟ น หรือสําหรับทุกคนที่ต องการบํารุง รักษาร างกายให แข็งแรง โดยเฉพาะในช วงอากาศเย็นๆ ของหน าฝนไปจนถึงหน าหนาว มาทําต มจิ๋วซดร อนๆ ให อน ุ ท องกัน เคล็ดลับรสชาติอาหารไทย

ส วนประกอบ • เนื้อวัว ๑ กิโลกรัม • เกลือ ๑/๒ ชต. • หอมแดง ๑ ถ วย • ใบโหระพา ๑/๒ ถ วย • นํ้าปลา ๖ ชต. • นํ้ามะนาว ๖ ชต.

• • • • •

นํ้า ๒,๕๐๐ มล. มันเทศ ๑/๒ กิโลกรัม ใบกะเพรา ๑/๒ ถ วย พริกขี้หนู ๒๐ เม็ด นํา้ มะขามเป ยก ๑/๔ ถ วย

วิธีทํา ๑. หั่นเนื้อวัวเป นชิ้นสี่เหลี่ยม ต มกับนํ้าและเกลือจน เดือด ลดไฟลง เคี่ยวต อจนเนื้อนุ ม ๒. ปอกเปลือกมันเทศหั่นชิ้นเล็กๆ เมื่อเคี่ยวเนื้อวัว จนนุ มแล ว ใส มันเทศลงไปต มด วยกันอีกประมาณครึ่ง ชั่วโมง

๑ ๕๒ |

• เคล็ดลับการปรุงด วยนํ้าปลาไม ให มี กลิ่นคาว (ใช ได กับทุกเมนู) คือใส นํ้าปลาตอนอาหารบนเตาเดือดๆ และใช เกลือช วยด วย เค็มไม ใช นํ้าปลาอย างเดียว ต องผสมเกลือช วย และอาหารบางอย าง ตัดหวานนิดนึงด วยนํ้าตาลทราย หรือ นํ้าตาลป บ ให รู ได ว ามีหวานเจือ แต ไม ใช หวานเจี๊ยบ • ต มจิ๋วความหวานมาจากหัวหอม แต เครื่องแกงบางอย างต องใส นํ้าตาลลงไป เพื่อกันรสปร าของเครื่องแกง นํ้าตาลจะ ช วยสมานรสชาติแรงๆ ของสมุนไพร ทั้งหลาย เป นการใส เพื่อให รสเค็มอร อย ขึ้น ไม ได ใส ให หวาน • การใส เกลือเพื่อไปตัดหวาน ใส นํ้าตาล ไปตัดเค็ม

กะป คั�ว+ปลาช อนฟู

กะป คั่ว เป นเครื่องจิ้มในแนวหลน บางคนก็เรียกหลน กะป ตํารับอาหารไทยถ าเป นเครื่องจิ้มที่มีกะทิจะใช ผั ก สดแกล ม เพื่ อ ตั ด เลี่ ย น และคนไทยยั ง ชอบให มี เครื่องแนม ในหลายเมนูอาหารไทยต องมีเครื่องแนม รับประทานคู กัน สําหรับเครื่องแนมของกะป คั่วคือ ปลาช อน เพราะไม เค็มมาก เมนูนี้มาจากคุณย า (ม.ร.ว. สอางค เทวกุล) พอเห็นว าเข ากันก็ทําคู กันมาตลอด เครื่องปรุงกะป คั่ว • ตะไคร ๑/๒ ถ วย • หอมแดง ๑/๒ ถ วย • กระเทียม ๑/๔ ถ วย • ข า ๑ ๑/๔ ถ วย • ผิวมะกรูด ๑ ชต. • กะป ๒ ชช. • กระชาย ๑/๔ ถ วย • พริกไทยป น ๑/๒ ชต. • กุ งแห งป น ๑/๔ ถ วย • พริกชี้ฟ า ๑๐ เม็ด • พริกขี้หนูแห ง ๕ เม็ด • มะพร าวขูด ๑ กิโลกรัม • นํ้าปลา ๑ ชต. • นํ้าตาลป บ ๒ ชต.

เครื่องปรุงปลาชอนฟู

• ปลาชอนสด ๑ ตัว นํ้าหนักราว ๑/๒ กิโลกรัม • เกลือ ๑/๔ ชต. • นํ้ามันพืชสําหรับทอด

วิธีทํา

๑. นึง่ ปลาชอนจนสุก แกะเอาแต เนื้อ ยีเนื้อปลาใหกระจาย แลว ผึ่งสักครึ่งชั่วโมงจนแหง ๒. ใสเกลือคลุกเคลาและยีใหทั่วเนื้อปลา ๓. ตั้งกระทะไฟกลางถึงคอนขางแรง นําเนื้อปลา ที่ ยี ไ ว ล งแผ ท อดให เ หลื อ งกรอบจนทั่ ว ทั้ ง สองดาน แลวมวนเปนทอนกลม ทอดตออีก เล็กนอย นําขึ้นจากเตา

วิธีทํา ๑. พริกชีฟ้ า เขียว แดง เหลือง คั้ น กะทิ จ ากมะพร า วขู ด ให ไ ด ๒ ๑/๒ ถ วย เคี่ยวหัวกะทิ ๑ ๑/๒ ถ วย บนเตาค อนข าวแรงจนแตกมัน ๒. บดเครือ่ งแกงทัง้ หมดให ละเอียด นําใส ลงในกะทิ ที่กําลังแตกมัน สักพักใส กะทิที่เหลือลงไปอีก ๑ ถ วย รอจนเดือด ๓. ปรุงรสด วยนํ้าปลา นํ้าตาลป บ เคี่ยวต ออีก ๕ นาที ยกลงเสิร ฟพร อมผักสดและปลาช อนฟู

๓. ซอยหอมแดงและบุบพริกขีห้ นูแดงใส ลงไป เร งไฟ เดือด ปรุงรสด วยนํ้าปลา นํ้ามะขามเป ยก ใส ใบกะเพรา และใบโหระพาลงไป พอผักยุบ ป ดไฟ เสิร ฟร อนๆ

มิถุนายน ๒๕๕๙

| ๑๕๓


ยําทวาย

เครื่องยํา • หน อไม ๑๘๐ กรัม • ผักบุ งไทย ๒๐๐ กรัม • พริกหยวก ๑๕๐ กรัม • หัวปลี ๑ หัว • เกลือ ๑ ช อนชา

อาหารโบราณที่ทั้งส วนผสมและขั้นตอนวิธีปรุงก็ ค อนข างมากมาย และต องใช เวลาไล เรียงในการทําค อน ข างซับซ อนเล็กน อย แต สําหรับเมนูนี้ต องเรียกได ว ามี ประโยชน และคุณค าโภชนาการสูง เพราะเต็มไปด วยผัก หลายชนิด เทียบเคียงได กับสลัดแบบอาหารฝรั่ง และ แม จะใช เวลาและสรรหาวัตถุดิบให ครบ แต เมื่อได ลอง ทําลองชิมแล ว ต องบอกว าคุ มค ามากๆ

วิธีทํา ๑. ตําหรือบดตะไคร ซอย หอมแดง กระเทียม ข า ผิว มะกรูด พริกชี้ฟ าแห ง กะป ปลากรอบหรือกุ งแห งป น เข าด วยกันให ละเอียด ๒. คั้นกะทิข นๆ แล วนําหัวกะทิ ๒ ถ วย ตั้งไฟแรง จน แตกมัน แล วนําเครือ่ งแกงทีเ่ ตรียมไว ลงผัดให หอม เติม กะทิอีก ๒ ถ วย ปรุงรสด วยนํ้าปลา เกลือ นํ้าตาลป บ เคี่ยวต อด วยไฟอ อนอีก ๑๐ นาที ยกลงจากเตา พักไว

คือ การทําความเข าใจในเครื่อง แกงแต ละอย าง เธอเล าว าใช วิธี ทําตารางส วนผสมของแกง ต างๆ ว ามีอะไรบ าง ซึ่งก็พบว า มีเครื่องปรุงหลักๆ ใกล เคียงกัน ต างกันที่สี ดังนั้น หาหัวใจหลัก ของสีและกลิ่นเฉพาะของเครื่อง แกงให ได ก็จะสามารถนําไปปรับ สูตรได ด วยตัวเอง เช น แกง เขียวหวานนั้นมีสีเขียวของพริก เป นจุดเด น แต ถ าหากอยากให สีเข มขึ้น เธอจะนําใบพริก หรือ ใบโหระพามาป นใส เพิ่มลงไป ซึ่งถ าหากอยากให เผ็ดน อยลง ก็ต องปรับสูตรตั้งแต เครื่องแกง ไม ใช ใช วิธีใส นํ้าหรือกะทิเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทําให เสียรสชาติ

๑ ๕๔ |

กะหลํ่าปลี ๒๕๐ กรัม ถั่วแขก ๑๗๐ กรัม มะเขือยาว ๑๕๐ กรัม หางกะทิ ๒ ถ วย อกไก ต ม ๑๒๐ กรัม

วิธีทํา ๑. ซอยหน อไม เป นเส นฝอย ๒. ผ ากะหลํ่าปลี ตัดแกนกลางทิ้ง ซอยเป นฝอย ๓. ตัดหัวท ายถัว่ แขก ลอกเส นด านข างทิง้ ซอยเป นฝอย ๔. ผ าพริกหยวกตามยาว เอาเม็ดพริกออกทิง้ ให หมด ซอยเนื้อพริกหยวกเป นเส นบางๆ ๕. หั่นมะเขือยาวเป นท อนสั้นๆ หนาขนาดนิ้วก อย ๖. แกะหัวปลีออกจนเหลือกาบสีขาว และซอยเป น ฝอยบางๆ ๗. ฉีกไก ต มเป นเส นฝอย ๘. นําหางกะทิ ๒ ถ วย ใส เกลือ ขึ้นตั้งไฟจนเดือด ๙. นํ า ผั ก ที่ เ ตรี ย มไว ล งลวกพอสุ ก ตามลํ า ดั บ คื อ หน อไม กะหลํ่าปลี ผักบุ งไทย ถั่วแขก พริกหยวก มะเขือยาว และหัวปลี

ส วนผสมเครื่องแกง • ตะไคร ซอย ๑ ถ วย • หอมแดง ๑/๔ ถ วย • กระเทียม ๑/๒ ถ วย • ข า ๑ ชต. • ผิวมะกรูด ๑ ช อนชา • พริกชี้ฟ าแห ง ๑๕ เม็ด • กะป ๑/๒ ช อนชา • นํ้าตาลป บ ๑๒๐ กรัม • นํ้าปลา ๒ ชต. • เกลือ ๑ ๑/๒ ช อนชา • มะพร าวขูด ๑ กิโลกรัม • ปลากรอบป น หรือกุ งแห งป น ๑/๔ ถ วย

เคล็ดลับการทําเครื่องแกง ในแบบ ม.ล. ขวัญทิพย

• • • • •

เครื่องโรยหน า • หอมแดงเจียว • งาขาวคั่ว • จัดผักที่ลวกไว และอกไก ฉีกฝอยลงจาน ราดด วยนํ้า ยําที่เตรียมไว โรยหน าด วยหอมแดงเจียวและงาขาวคั่ว

งบปลาเค็ม

นี่คือเมนูที่แสดงถึงภูมิป ญญาการถนอมอาหารของคนโบราณ เพราะเมื่อก อนยังไม ใช ตู เย็น ก็จะนําทุกอย างมาป งด วยความร อน และสามารถเก็บไว รับประทานได เป นอาทิตย ส วนประกอบ • ปลาอินทรีเค็ม ๒๕๐ กรัม • หัวกะทิ ๑ ถ วย • นํ้าตาลป บ ๒๐ กรัม • เครื่องแกงเผ็ด ๘๐ กรัม • ใบมะกรูดหั่นฝอย ๓ ใบ • พริกขี้หนูสวน ๒๐ กรัม • โหระพา ๑๐๐ กรัม • ใบตอง สําหรับห อ

วิธีทํา ๑. ป งปลาอินทรีเค็มจนสุกหอม แล วแกะ เอาแต เนื้อมาบี้ให แหลก ๒. ละลายหัวกะทิ นํ้าตาลป บ เครื่องแกง เผ็ ด ให เ ข า กั น แล ว ใส เ นื้ อ ปลาที่ ยี ไ ว แ ละ ใบมะกรูดหั่นฝอย คนให เข ากัน ๓. นําใบตองทีเ่ ตรียมไว มาซ อนกัน วางใบ โหระพา ราดด วยส วนผสมครึ่ ง หนึ่ ง ของ ทีเ่ ตรียม (อีกครึง่ ไว ทาํ อีกห อ) โรยหน าด วย พริกขี้หนู แล วจับใบตองมาเกยกัน กลัดให เรียบร อย แล วนําไปป งบนเตาไฟอ อนราว ๓๐ นาที


ป ดท ายเล ม |

เรือ่ ง : อนุสรณ ติปยานนท ภาพประกอบ : เกริกบุระ ยมนาค

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K

ตอยติ่ง

แม วา จะเป นเพียงดอกไม รมิ ทาง แต เชือ่ ว า ทุกคนทีผ่ า นวัยเยาว มาล วนเคยเด็ดดอกต อยติง่ สีมว งใส กระเป าเสือ้ หรือใส กระเป านักเรียน ล วน เคยเก็บเม็ดต อยติ่งไปลอยนํ้าให เม็ดเหล านั้น แตกออกมาส งเสียงชวนเพลิดเพลิน ต อยติง่ นัน้ นอกจากจะเป นต นไม ริมทางแล ว ยังเปรียบ เสมือนเป นเพือ่ นเล นของเด็กๆ อีกด วย ต อยติ่งเป นพืชล มลุกที่เติบโตได ดีทั้งใน ที่แจ งและที่ร ม ใบมีลักษณะกลมรี ส วนดอก มีสมี ว ง เมือ่ ดอกผสมเกสรแล วจะให ฝก สีเขียว อ อ น เมื่ อ ฝ ก แก จ ะกลายเป น สี นํ้ า ตาลเข ม

๑ ๕๖ |

ต อยติ่งมีชื่ออื่นอีกว า อังกาบฝรั่ง หรือเป าะ แป ะ ชื่อหลังนี้มาจากการที่เมล็ดต อยติ่งยาม โดนนํ้าจะให เสียงดังเป าะแป ะ ต อยติ่งเป นต นไม ที่มีประโยชน เพราะ สามารถนํามาใช ทํายาได หลายอย าง หมอยา โบราณจะใช ต อยติ่งทั้งต นมาโขลก คั้นเอาแต นํ้าดื่ม ใช แก อาการปวดเข าหรือชาลงขา ร าว ลงแขน ส วนเมล็ดต อยติ่งมีสรรพคุณช วยให แผลสดหายเร็วขึ้น หรือใช พอกฝ ลดอาการ อั ก เสบ พอกแผลที่ เ รื้ อ รั ง ช ว ยสมานแผล เป นต น

ต อยติ่งที่เจียมตนเป นแรงบันดาลใจให มี เพลงประจําตัว ต อยติง่ นางเอกในละครขุนศึก มหาราช ทีห่ มายถึงความสงบเสงีย่ มเจียมตัว ดังนี้ ต อยติง่ เอ ย เจ าไม เคย ละเลยแผ นดิน มี ดอกม วงโสภิณ ละเรีย่ ดิน อยูท กุ เวลา เมล็ดใช ฟอกดูดสี ช วยชีวี คนจนมานานหนักหนา ให พี่ ทับดอกหญ า สูพ สุธา อยูท กุ นาที หากต อยติง่ เป นหญิง คงมีใจจริง ในความรักภักดี หญิงทัว่ ไป หาก เป นเช นนี้ ชายจะไม มี ความชํา้ ใจ ความ สุขก็จะถาวร สุขนิรนั ดร คูฟ า ดินไป โอต อยติง่ ขวัญใจ เจ าจะจากไป พีเ่ หลืออาลัยแล วเอย

มีจำหนายแลวที่


With our growing network of JCI-accredited hospitals, and our close partnerships with specialized-care institutes in America, we provide advanced healthcare across Thailand and the region.

www.BDMS.co.th


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.